xs
xsm
sm
md
lg

ศาสตร์ของพระราชา...คือหัวใจของการฟื้นฟูชาติ

เผยแพร่:   โดย: ยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที

ผมเห็นท่านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติพูดหลายครั้งว่ารู้สึกเหนื่อยโปรดเห็นใจ ให้กำลังใจเขาด้วย ผมอยากจะบอกท่านด้วยความเคารพว่า

ในแผ่นดินนี้มีคนที่เหนื่อยกว่าท่านมาก ลำบากกว่าท่านมาก ทุกข์ทรมานกว่าท่านมากลำบากอย่างแสนสาหัสกว่าท่านมาก กำลังใจมีอยู่ในความดีแห่งตน ความดีมันสิ้นสุดที่ใจเรา พระที่ดีญาติโยมจะเห็นเองว่า งดงามทั้งคิด งดงามทั้งทำ งดงามในวัตรปฏิบัติ

เราเห็นคนที่เสียสละให้บ้านเมือง บาดเจ็บล้มตายพิการไปมากเพียงเพราะออกมาต่อสู้ให้ชาติบ้านเมืองหลุดพ้นจากระบบการเมืองเลว เมื่อวันเสาร์14ที่ผ่านมา มีโอกาสพบพี่ตี๋ชิงชัย ( ชิงชัย อุดมเจริญกิจ) คนที่ถูกตำรวจยิงระเบิดเข้าใส่ร่างกายเมื่อเหตุการณ์ 7ตุลาปี 51 หลอดลมถูกทำลายปอดถูกทำลาย แขนขาดจนยุ่ยแต่ก็รอดชีวิตกลับมาได้จากความลำบาก พี่ตี๋มีรอยยิ้ม เขามีกำลังใจต่อสู้อย่างเข้มแข็ง ยังทำงานสร้างสรรค์ให้กับประเทศนี้

พี่ตี๋วาดรูปพระสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทุกรูปงดงามหาที่ติไม่ได้ ในสายตาของผม ลายเส้นที่วาดทำให้รูป มีพลังงาน งดงามแฝงไปด้วยศรัทธาเปี่ยมล้น พี่ตี๋ชิงชัยเพิ่งจะวาดรูปในหลวง มีการประมูลไปได้1แสนบาทรายได้มอบให้เอเอสทีวีทั้งหมดที่ภัตตาคารจันทร์เพ็ญเมื่อคืนวันเสาร์ที่14 มิถุนายนที่ผ่านมา

เจอคุณแม่น้องโบว์ (น้องอังคณา ระดับปัญญาวุฒิ ) ซึ่งเหตุการณ์7 ตุลาอีกเช่นกันที่ต้องสูญเสียลูกสาวไป นิ้วเท้าของคุณแม่น้องโบว์ถูกระเบิดของตำรวจยิงใส่ขาดไปสองสามนิ้ว ส่วนลูกสาวอันเป็นที่รักเสียชีวิต

อย่าได้ถามเลยว่าคุณแม่เสียใจ เหนื่อยไหม ท้อแท้ไหม เศร้าไหม ทุกคนยังมีลมหายใจ ยังมีความหวังกับประเทศนี้เสมอ รับรู้เหตุการณ์บ้านเมืองอยู่ทุกวันและหวังว่าประเทศนี้จะต้องดีกว่านี้แน่

เราให้กำลังใจท่านอยู่แล้วครับกองทัพแห่งชาติที่รัก

...แม้ท่านจะปิดเอเอสทีวีสถานีโทรทัศน์ของผม วันนี้จึงไม่ได้เล่าเรื่องศาสตร์ของพระราชาให้พี่น้องประชาชนฟังทางโทรทัศน์ เราก็จะเขียนให้พี่น้องอ่าน

ที่ภัตตาคารจันทร์เพ็ญเมื่อวันเสาร์ที่14 มิถุนายน มีการจัดงานวันเกิด ( เกิดอยากจะพบกัน เกิดอยากเจอกันของคนที่รักเอเอสทีวี เพื่อหารายได้ช่วยพนักงานเอเอสทีวี ตั้งใจจะจัดกัน20-30โต๊ะ แต่มากันเกิน60โต๊ะ

แววตาของคนที่มางานไม่มีวี่แววว่าชีวิตนี้จะท้อแท้เหนื่อยหน่ายกับประเทศนี้เลย

ตลอดหลายปีมานี้ผมไม่เคยเห็นนักการเมืองคนไหนจริงจัง กับการพูดถึงการสร้างชาติด้วยศาสตร์ของพระราชา

ตลอดหลายปี ผมไม่เคยเห็นนักการเมืองคนไหน ผลักดันนโยบายแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง เป็นนโยบายของชาติทำอย่างจริงจัง ขับเคลื่อนให้เป็นแนวนโยบายพื้นฐาน ทั้งๆที่รัฐธรรมนูญเขียนเอาไว้ให้ทำดันไม่ทำกัน หากไม่รู้ ไม่เข้าใจว่าพระราชาสอนอะไร ให้ไปที่ มาบเอื้อง จังหวัดชลบุรี หากยังไม่รู้อีกว่าในหลวงทรงมุ่งหวังในการสอนการทำอยู่ทำกินด้วยหลักการอย่างง่ายให้กับประชาชนอย่างไร ให้ไปดูกันที่ศูนย์ภูมิรักษ์ จ.นครนายก

เกษตรกร ชาวนา ชนชั้นกลาง คนใดที่ได้ไปเรียนรู้กับ อาจารย์วิวัฒน์ ศัลยกำธร หรือกับอาจารย์ปัญญา ปุลิเวคินทร์ ที่นำศาสตร์ของพระราชามาสอนคนในประเทศนี้

ร้อยทั้งร้อย พูดตรงกันว่าประเทศนี้สมบรูณ์เพียงใด ประเทศนี้โชคดีอย่างไรบ้าง

ขณะเดียวกันเราก็พูดตรงกันว่าเราโชคร้าย เป็นกรรมประเทศเช่นกัน ที่เรามีนักการเมืองคนเลวๆอยู่ในประเทศนี้มาก

ตลอดหลายปีผมไม่เคยเห็นนักการเมืองเขาพูดให้สังคมไทยได้ยินว่า

หากไม่มีเงินเราก็แก้ปัญหาความยากจนได้ เริ่มต้นที่เงิน สิ้นสุดที่เงิน เราถึงเห็นความอับจนเกิดขึ้นมาแล้ว ในแผ่นดินที่แสนจะสมบรูณ์ เมื่อเงินเป็นตัวตั้ง ชาวนากลับฆ่าตัวตายมากมาย ในแผ่นดินที่สมบรูณ์

ผมไม่เคยเห็นนักการเมือง พูดถึงหลักการการห่มดินว่า ห่มดินทำไม ห่มดินแล้วได้อะไร ห่มดินแล้วแก้ความยากจนได้ ห่มดินทำให้มีกินขึ้นในแผ่นดินอย่างไรได้อย่างไร แต่ศาสตร์พระราชากลับสอนประชาชน


พี่น้องประชาชน ที่อ่านบทความนี้ เพราะยังดูเอเอสทีวีกันไม่ได้ ตั้งขอสังเกตไหมครับทำไมพระราชาพระมหากษัตริย์ถึงสอนหลักการห่มดิน ให้กับคนในประเทศ ในการห่มดินแก้ปัญหาหลายอย่าง ดินไม่สมบรูณ์ ดินเป็นกรด ดินขาดความชุ่มชื้น ดินเปรี้ยว การห่มดินสอนให้เราพึ่งตนเอง อินทรียวัตถุมีอยู่แล้วในแผ่นดิน ใบไม้เศษหญ้าวัชพืชฟางข้าว สิ่งเหล่านี้ทำให้ดินสมบรูณ์ได้ด้วยการพึ่งตนเอง ไม่พึ่งเงิน ไม่ต้องเติมเคมี ไม่สร้างปัญหาใหม่กับแผ่นดิน

ทำไมที่แม้แต่ นายโคฟี อันนัม ซึ่งมาจากประเทศกานา ท่านเป็นอดีตเลขาธิการสหประชาชาติซึ่งนั่งทำงานอยู่ในมหานครนิวยอร์ค ถึงกล่าวยกย่องให้โลกรับรู้ถึงหลักเศรษฐกิจพอเพียงว่า

“...หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง คือแสงสว่างในโลกทุนนิยมอันมืดมน..”

ทำไมในชนบท ทุกวันนี้งานปศุสัตว์การเลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ เลี้ยงเป็ด ลูกหมูลูกเป็ดลูกไก่ ต้องเพาะต้องซื้อมาจากฟาร์มขนาดใหญ่ เลี้ยงตามที่ทุนใหญ่บอกให้เลี้ยง ซื้อตามที่ทุนใหญ่บอกให้ซื้อ พึ่งพิง พึ่งพา ยากจน แล้วเป็นหนี้

ทำไมการปลูกพืชผัก”เมล็ดพันธุ์” เก็บสายพันธ์ไม่ได้ ปลูกไม่ขึ้นทั้งที่ในอดีตสังคมไทย ฟักแฟง แตงไทย แตงกวาน้ำเต้าฟักทอง ถั่วพู ถั่วฝักยาว ถั่วฝักสั้นสารพัดถั่ว เกษตรกรเก็บเมล็ดพันธุ์ตากแห้งหน้าแล้ง ฤดูฝนก็เอามาปลูก รู้จักการอนุรักษ์แลกเปลี่ยนในหมู่บ้านผสมสายพันธุ์ คัดสรรพันธุ์ด้วยแมลงและเกสร อยู่กันมาได้ไม่ลำบากยากจน พันธุกรรมเหล่านี้เก็บรักษาไว้ได้ แต่ทุกวันนี้ต้องเปิดกระป๋องปลูก พึ่งพิง พึ่งยา พึ่งปุ๋ย แล้วก็ยากจน เป็นหนี้

ทำอย่างไรไม่ให้ประชาชนเป็นหนี้ ทำอย่างไรไม่ให้ประชาชนต้องพึ่งพิง พิ่งพา พึ่งยา พึ่งคนอื่น พึ่งตนเองไม่ได้

หากคิดอะไรไม่ออก ผมอยากให้คณะ รักษาความสงบแห่งชาติ เดินทางไปแบบเงียบๆไปศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง จังหวัดชลบุรี หรือไม่ก็เดินทางไปที่ศูนย์ภูมิรักษ์ จังหวัดนครนายก นักปราชญ์ผู้ปฏิบัติบูชาในศาสตร์ของพระราชาอยู่ที่นั่น ครับเขาจะบอกท่านว่าการสร้างชาติด้วยศาสตร์พระราชาควรทำอย่างไร

ก่อนจบขอนำแสงสว่างของชีวิต พระราชดำรัสเมื่อ40ปีที่แล้ว มาฝากท่านผู้อ่านครับ

ว่าพระราชาเห็นอะไร เห็นก่อน บอกประชาชนก่อน แต่ทำไมนักการเมืองถึงปล่อยให้ประเทศทรุดโทรม

“…การพัฒนาประเทศจำเป็นต้องทำตาม ลำดับขั้น ต้องสร้างพื้นฐาน คือความพอมี พอกิน พอใช้ ของประชาชนเป็นเบื้องต้นก่อน โดยใช้วิธีการและอุปกรณ์ที่ประหยัด แต่ถูกต้องตามหลักวิชา เมื่อได้พื้นฐานมั่นคงพร้อมพอควรและปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญและฐานะทางเศรษฐกิจขั้นที่สูงขึ้นโดยลำดับ ต่อไป หากมุ่งแต่จะทุ่มเทสร้างความเจริญ ยกฐานะทางเศรษฐกิจขึ้นได้รวดเร็วแต่ประการเดียว โดยไม่ให้แผนปฏิบัติการสัมพันธ์กับสภาวะของประเทศ และของประชาชน โดยสอดคล้องด้วย จะเกิดความไม่สมดุลในเรื่องต่างๆได้ ซึ่งอาจกลายเป็นความยุ่งยากล้มเหลวในที่สุด…”

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” พระราชทานพระราชดำรัสหลักปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” ครั้งแรกในงานพระราชทานปริญญาบัตร ณ.มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อ วันพุธที่ 18 กรกฎาคม 2517

ยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที
รายการสภากาแฟ-สภาประชาชน

กำลังโหลดความคิดเห็น