xs
xsm
sm
md
lg

สั่งปิด"IRPC"90วัน โอดสูญรายได้400ล./เดือน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการายวัน - สั่งไออาร์พีซี หยุด 90 วันหลังเกิดเหตุระเบิด ไฟไหม้ ขณะที่ผู้บริหาร "ไออาร์พีซี" แจงความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ทำให้สูญรายได้ไปกว่า 400 ล้านบาทต่อเดือน ขณะเดียวกันสั่งปิดโรงงานพูแรคอีก 30 วันหลังพบบ่อบำบัดน้ำเสียส่งกลิ่นเหม็นทุเรียนเน่าอย่างรุนแรง

วานนี้ (10 มิ.ย.) ที่อาคาร 10 ปี บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ต.เชิงเนิน อ.เมืองระยอง มีการแถลงข่าวกรณีการเกิดเหตุระเบิดมีไฟลุกไหม้ที่หน่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเตา (หน่วย VGOHT:Vacuum Gas Oil Hydro Treating) เพื่อป้อนหน่วยแครกเกอร์เพื่อผลิตเป็นสารโพรไพลีน ภายในบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด เหตุเกิดเมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา ผ่านวีดีโอคอนเฟอร์เร้นส์จากศูนย์เอเนอร์ยี่คอมแพล็กซ์ อาคารบี ชั้น 6 ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ

นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไออาร์พีซี จำกัด เป็นผู้แถลงชี้แจว่า ตนต้องขอแสดงความเสียใจและขออภัยกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เนื่องจากเป็นเหตุสุดวิสัย

ในเบื้องต้นสันนิษฐานว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากการรั่วไหลของสารไฮโดรคาร์บอนด์เป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ หลังเกิดเหตุบริษัทฯ ได้ตัดแยกระบบของหน่วยผลิตที่เกิดเพลิงไหม้ออกจากโรงงานอื่นๆ ของบริษัทฯ และสามารถควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดตั้งแต่เวลา 19.00 น. และดับเพลิงได้ทั้งหมดเมื่อเวลา 20.20 น.วันเดียวกัน โดยไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด"ส่วนเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อมนั้น เบื้องต้นพบว่ามีผลกระทบเล็กน้อยต่อสภาพอากาศ มีเพียงค่ามาตรฐานฝุ่นเกินบ้างในช่วงแรกที่เกิดเพลิงไหม้และได้กลับสู่ค่ามาตรฐานปกติแล้ว พร้อมกับได้ส่งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกไปตรวจเยี่ยมประชาชน "

ขณะนี้บริษัทฯ ได้หยุดการผลิตหน่วย VGOHT และหน่วยใกล้เคียง DCC แล้วทำให้กำลังการผลิตหายไปดังนี้คือ โพรไพลีนหายไป 360 ตัน/วัน น้ำมันดีเซล 1.3 ล้านลิตร/วัน และเบนซิน 1.3 ล้านตัน/วัน หากคิดเป็นมูลค่าความเสียหายเลวร้ายสุดถ้าไม่ได้เปิดหน่วย DCC เฉลี่ยเดือนละ 400 ล้านบาท

แต่ทั้งนี้ บริษัทฯ มั่นใจว่ากรมโรงงานจะอนุญาตให้มีการเปิดเดินเครื่องในหน่วย DCC ได้โดยเร็ว หลังจากสั่งให้ปิดชั่วคราว 90 วัน และเข้าตรวจสอบพื้นที่ในขณะนี้ เนื่องจากเป็นหน่วยที่ไม่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ดังกล่าว โดยหน่วย DCC จะรับวัตถุดิบ คือ น้ำมันเตาจากหน่วย VGOHT ประมาณ 50% ของกำลังการผลิต ดังนั้น หากหน่วย DCC กลับมาผลิตได้อีกครั้งจะต้องเดินเครื่องจักรอย่างน้อย 60% ของกำลังการผลิตรวม ต้องหาวัตถุดิบมาชดเชย โดยโรงกลั่นไออาร์พีซีต้องนำเข้าน้ำมันดิบกำมะถันต่ำ (Sweet Crude) มากลั่นเพื่อให้ได้น้ำมันเตามาใช้ในหน่วย DCC อีกครั้ง ทำให้มูลค่าเสียหายลดลงเหลือเพียง 160 ล้านบาท/เดือน

นายสุกฤตย์ กล่าวต่อว่า จากเหตุการณ์อุบัติเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าวทำให้ผลประกอบการไตรมาส 2 นี้ขาดทุนสุทธิ แม้ว่าค่าการกลั่นรวมเฉลี่ย (GIM)ไตรมาสนี้อยู่ที่ 8.5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (รวมเฮดจิ้ง 1 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล) แต่ปริมาณการผลิตลดลงจากการปิดซ่อมบำรุงโรงงานช่วง 18 มี.ค.-23 เม.ย.ที่ผ่านมา และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากอุบัติเหตุเพลิงไหม้ด้วย ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาภายใน 1-2 วันนี้ว่าจะตั้งสำรองค่าเสียหายดังกล่าวหรือไม่ โดยบริษัทฯได้มีการการทำประกันภัยวงเงิน 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ บริษัทฯ มั่นใจว่าผลประกอบการปีนี้จะมีกำไรสุทธิแน่นอนเนื่องจากครึ่งปีหลังจะรับรู้รายได้จากโครงการเพิ่มประสิทธิ (DELTA)ทำให้ค่าการกลั่นเฉลี่ยเพิ่มขึ้น

**สั่งปิดหน่วยแครกเกอร์IRPC90วัน

นายณัฐพล ณัฎฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยว่า นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี
ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มอบอำนาจในฐานะผู้รักษากฏหมายโรงงานอุตสาหกรรมให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง สั่งหยุดดำเนินการส่วนของยูนิตดังกล่าวเป็นเวลา 90 วันเพื่อปรับปรุง

ด้านนายศักดา พันธ์กล้า รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า ได้รับคำสั่งจากอธิบดีฯให้ลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยจะเข้าไปตรวจสอบจุดที่เกิดเหตุพร้อมผู้สื่อข่าว แต่เนื่องจากบริษัทฯมีข้อกฏหมายในเรื่องของการประกันและรับรองความปลอดภัย บริษัทฯไม่สามารถควบคุมได้ จึงไม่มีอำนาจที่จะพาผู้สื่อข่าวเข้าไปจุดเกิดเหตุได้ แต่ความคืบหน้าขณะนี้กรมโรงงานได้มีคำสั่งให้หยุดและให้ผู้บริหารไออาร์พีซีเซ็นรับทราบคำสั่งแล้ว หลังจากนายธานี สามารถกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ได้ลงนามในคำสั่งให้ไออาร์พีซี หยุดดำเนินการเป็นเวลา 90 วัน

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สำนักการมีส่วนร่วมกรมโรงงานได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อประชาชนรอบโรงงานอย่างไร พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายการฟ้องร้องจากผลกระทบที่เกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มว่า ขณะนี้ชาวบ้านที่อยู่บริเวณรอบโรงงานที่เกิดเหตุยังคงตื่นตระหนกและกังวลเรื่องผลกระทบในด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเกรงจะมีปรากฏการณ์ฝนกรดเกิดขึ้น เนื่องจากสารพิษที่ถูกไฟไหม้และระเบิดออกมาทำให้ควันพวยพุ่งสู่ท้องฟ้าจนเกรงจะทำให้เกิดฝนกรดปนเปื้อนสารพิษได้

อนึ่ง การเกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้ในไออาร์พีซี ครั้งนี้ นับเป็นอีกครั้งหนึ่งหลังจากเคยเกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้ในปี 2532 หรือประมาณ 25 ปี ในสมัยที่เป็นบริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด หรือ ทีพีไอ ยุคนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เป็นเจ้าของกิจการ ก่อนที่จะประสบปัญหาหนี้สินในยุควิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 จนสุดท้ายต้องปรับโครงสร้างหนี้ และกระทรวงการคลังดึง ปตท.ได้เข้ามาฮุบกิจการในที่สุด

**สั่งปิดโรงงาน "พูแรค" 30 วัน

ด้านความคืบหน้ากรณีกลิ่นเหม็นคล้ายทุเรียนเน่ายังคงรบกวนชาวบ้านมาบตาพุดอย่างรุนแรงต่อเนื่อง ล่าสุดมีนักเรียนมัธยมโรงเรียนระยองวิทยาคม นิคมอุตสาหกรรม เลขที่ 99 ถนนมาบตาพุดตัดใหม่ ต.ห้วยโป่ง อ.เมือง จ.ระยอง ได้รับกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรงจนมีอาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลมหมดสติ ถูกหามส่งโรงพยาบาลมาบตาพุด 5 ราย เบื้องต้นแพทย์ได้ทำการปฐมพยาบาล และให้กลับบ้านได้แล้ว

ขณะที่คณะครูได้ประกาศปิดโรงเรียนหนีกลิ่นเหม็นทันที โดยอพยพนักเรียนลงจากอาคารเรียนมายังสนามหญ้าหน้าโรงเรียน จากนั้นได้ให้นักเรียนติดต่อผู้ปกครองมารับกลับบ้านทั้งหมด รวม 500 คน

ล่าสุดนายพีระวัฒน์ รุ่งเรืองศรี รองผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ได้ลงนามคำสั่งปิดบริษัท พูแรค (ประเทศไทย) จำกัด หมู่ 2 ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉางจ.ระยอง หลังเข้าตรวจบ่อบำบัดน้ำเสียของโรงงาน พบส่งกลิ่นเหม็นคล้ายทุเรียนเน่าอย่างรุนแรง ส่งผลให้ชาวบ้านได้รับผลกระทบเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา และมีคำสั่งให้หยุดปรับปรุงแก้ไขตามมาตรา 37 แต่ยังไม่สามารถปรับปรุงแก้ไขให้กลิ่นเหม็นลดลงได้ ส่งผลให้นักเรียนสูดดมจนเป็นลมหน้ามืดหมดสติ จึงมีคำสั่งให้หยุดกระบวนการผลิต 30 วัน ตามมาตรา 39 หากยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ จะขยายคำสั่งปิดออกไปอีก
กำลังโหลดความคิดเห็น