xs
xsm
sm
md
lg

IRPC แจงความเสียหายจากเพลิงไหม้ สูญรายได้ 400 ล้านบาทต่อเดือน ฉุดไตรมาส 2 ขาดทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ไออาร์พีซี” แจงเหตุเพลิงไหม้ สั่งปิดเฉพาะหน่วย VGOHT และหน่วย DCC สูญรายได้เดือนละ 400 ล้านบาท ชี้อาจใช้เวลา 3 เดือนในการปิดซ่อมหน่วย VGOHT ส่วนโรงกลั่นและโรงปิโตรเคมียังเดินเครื่องปกติอยู่ “สุกฤตย์” ชี้ไตรมาส 2 จ่อขาดทุนจากอุบัติเหตุดังกล่าว

นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน)(IRPC) ชี้แจงกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่หน่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเตา (Vacuum Gas Oil Hydro Treating Unit : VGOHT) เพื่อป้อนหน่วยแครกเกอร์ (DCC:Deep Catalytic Cracking) เพื่อผลิตเป็นสารโพรไพลีน น้ำมันเบนซินและดีเซล ที่ ต.เชิงเนิน จ.ระยอง วานนี้ (9 มิ.ย.) ว่า ขณะนี้บริษัทฯ ได้หยุดการผลิตหน่วย VGOHT และหน่วยใกล้เคียง DCC แล้ว ทำให้กำลังการผลิตหายไปดังนี้ คือ โพรไพลีนหายไป 360 ตัน/วัน น้ำมันดีเซล 1.3 ล้านลิตร/วัน และเบนซิน 1.3 ล้านตัน/วัน หากคิดเป็นมูลค่าความเสียหายเลวร้ายสุดถ้าไม่ได้เปิดหน่วย DCC เฉลี่ยเดือนละ 400 ล้านบาท

แต่ทั้งนี้ บริษัทฯ มั่นใจว่ากรมโรงงานจะอนุญาตให้มีการเปิดเดินเครื่องในหน่วย DCC ได้โดยเร็ว หลังจากสั่งให้ปิดชั่วคราวและเข้าตรวจสอบพื้นที่ในขณะนี้ เนื่องจากเป็นหน่วยที่ไม่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ดังกล่าว โดยหน่วย DCC จะรับวัตถุดิบ คือ น้ำมันเตาจากหน่วย VGOHT ประมาณ 50% ของกำลังการผลิต ดังนั้นหากหน่วย DCC กลับมาผลิตได้อีกครั้งจะต้องเดินเครื่องจักรอย่างน้อย 60% ของกำลังการผลิตรวม ต้องหาวัตถุดิบมาชดเชย โดยโรงกลั่นไออาร์พีซีต้องนำเข้าน้ำมันดิบกำมะถันต่ำ (Sweet Crude)มากลั่นเพื่อให้ได้น้ำมันเตามาใช้ในหน่วย DCC อีกครั้ง ทำให้มูลค่าเสียหายลดลงเหลือเพียง 160 ล้านบาท/เดือน

“ขอแสดงความเสียใจ และขออภัยกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ซึ่งเบื้องต้นสันนิษฐานอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดจากการรั่วไหลของสารไฮโดรคาร์บอนเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ที่หน่วย VGOHT ซึ่งเป็นหน่วยหนึ่งเท่านั้น โดยขณะนี้โรงกลั่นน้ำมันไออาร์พีซี และโรงงานปิโตรเคมียังเดินเครื่องจักรตามปกติอยู่ ส่วนการหยุดหน่วย VGOHT ทำให้ต้องส่งออกน้ำมันเตาจากโรงกลั่น 1,000 ตัน/วัน เบื้องต้นคาดว่าจะสรุปว่าจะประเมินความเสียหายและนำวัตถุดิบใดมาผลิตแทนภายใน 2-3 สัปดาห์ และจะซ่อมแซมอุปกรณ์ที่เสียหายจากอุบัติเหตุนี้ได้ภายใน 3 เดือน”

นายสุกฤตย์กล่าวต่อไปว่า จากเหตุการณ์อุบัติเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าวทำให้ผลประกอบการไตรมาส 2 นี้ขาดทุนสุทธิ แม้ว่าค่าการกลั่นรวมเฉลี่ย (GIM) ไตรมาสนี้อยู่ที่ 8.5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (รวมเฮดจิ้ง 1 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล) แต่ปริมาณการผลิตลดลง ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยสูง และยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะตั้งสำรองค่าเสียหายดังกล่าวหรือไม่ โดยบริษัทฯ ได้มีการทำประกันภัยวงเงิน 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ ในช่วงเวลา 18.00 น.ของวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุเพลิงไหม้หน่วย VGOHT บริษัทฯ ได้ตัดแยกระบบของหน่วยที่เกิดเพลิงไหม้ออกจากโรงงานอื่นๆ ของบริษัทฯ และสามารถควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ตั้งแต่เวลา 19.00 น. และทำการดับเพลิงได้ทั้งหมดตั้งแต่เวลา 20.20 น. โดยไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นได้มีการตรวจสอบผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม โดยได้ส่งรถเคลื่อนที่ออกตรวจวัดสภาพอากาศโดยรอบโรงงานทันที เบื้องต้นพบว่ามีผลกระทบเล็กน้อยต่อสภาพอากาศ เนื่องจากช่วงนั้นลมพัดไปทางทะเล มีเพียงค่ามาตรฐานฝุ่นเกินบ้างในช่วงแรกที่เกิดเพลิงไหม้ และกลับสู่ค่ามาตรฐานปกติแล้ว พร้อมทั้งส่งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกตรวจเยี่ยมประชาชน

อุบัติเหตุครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่เกิดขึ้นกับโรงกลั่นน้ำมันไออาร์พีซีในรอบ 25 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้เกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้เมื่อปี 2532 ในสมัยที่เป็นบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (ทีพีไอ) ยุคนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เป็นเจ้าของ ก่อนที่จะประสบปัญหาหนี้สินในยุควิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 จนสุดท้าย ปตท.ได้เข้ามาฮุบกิจการ










กำลังโหลดความคิดเห็น