เมืองไทยผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มาเยอะ ทั้งยุคทอง ยุคมืด ยุควิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำ นโยบายโลภนำหน้าการพัฒนา ลดค่าเงินบาท บ้านเมืองแทบล่มจม ส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมชั่วร้าย ความลำพองในอำนาจของนักการเมืองเครือข่ายสมุนบริวารทั้งนั้น
เกิดการรัฐประหารมากกว่า 17 ครั้ง สำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง เวียนว่ายตายเกิดในวัฏจักรการเมืองน้ำเน่า และการเปลี่ยนแปลงซึ่งอยู่ในสภาวะ “เยี่ยวไม่สุด” หรือบางยุคผู้นำเหล่าทัพรัฐประหาร ยึดอำนาจแล้วกลายเป็นเหลือบตัวใหม่สูบเลือดรัฐไทย
ผลสุดท้าย ไม่ว่านักการเมืองหรือผู้นำกองทัพ ก็ไม่สามารถนำพาบ้านเมืองไปสู่ความสำเร็จ การเปลี่ยนแปลงที่จีรังยั่งยืนบนรากฐานใหม่แข็งแกร่ง ประชาชนได้รับผลประโยชน์กันถ้วนหน้าเพราะมีปัจจัยสำคัญคือ “การทำอะไรแบบไทยๆ นั่นเอง”
สังคมไทยมีความใกล้ชิดสนิทสนมแบบเพื่อนพ้องน้องพี่ เครือญาติ เพื่อนร่วมรุ่นสถาบันโน่นนี่นั่น เพื่อนของเพื่อน โยงใยเป็นเครือข่ายทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม การวิ่งเต้น ติดสินบน ไร้ยางอาย ศีลธรรมส่วนบุคคล
สังคมแบบไทยๆ จึงมีทั้งดีและเลว ไม่มีสังคมใดเลียนแบบได้ อย่างเช่นการรัฐประหารโดยไม่เสียเลือดเนื้อ ล่าสุดไม่มีแม้กระทั่งรถถัง ยานรบ หรือการเผชิญหน้า แม้จะมีการคัดค้านก็ไร้พลัง เพราะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างล้นหลาม
นั่นเป็นเพราะประชาชนมีความเชื่อว่าครั้งนี้จะไม่มีปัญหา “เยี่ยวไม่สุด” เพราะคนเยี่ยวเป็นคนกลุ่มเดียวที่มีส่วนก่อการรัฐประหารปี 2549 น่าจะฉลาดพอ ได้รับรู้บทเรียนมาแล้วว่าการทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ ไม่เด็ดขาด ส่งผลร้ายต่อตัวเองและบ้านเมืองอย่างไร
ความสำเร็จและความล้มเหลวของนักการเมือง และผู้นำกองทัพในการจัดการปัญหาบ้านเมืองคือการประเมินสถานการณ์ และอารมณ์ของประชาชนผิดพลาด ความลำพองในอำนาจ การกดขี่รีดนาทาเร้น และพฤติกรรมเยี่ยวรดหัวใจประชาชนนั่นเอง
ผลงานของคณะ คสช.หลังจากรัฐประหาร กุมอำนาจรัฐเต็มที่แทบไม่มีใครต้านนั้นได้ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เช่น การรื้อฐานโครงสร้างกลุ่มอำนาจเก่าในวงการตำรวจ ข้าราชการมหาดไทย องค์กรรัฐวิสาหกิจบางแห่ง ทำให้เห็นความเด็ดขาด
การเร่งจ่ายเงินให้ชาวนาในโครงการรับจำนำข้าวถือว่าได้ใจคนภาคชนบท คสช. ได้ทำกิจกรรมหลายอย่างเช่นเร่งให้เกิดบรรยากาศแห่งการปรองดองสมานฉันท์ เป็นความพยายามผสมน้ำมันให้เข้ากับน้ำ ผลที่ได้มาเหมือนหาบันไดไต่ขึ้นสวรรค์ได้สำเร็จ
ขณะที่มีเสียงชมเชย ก็ยังมีเสียงทวงถาม และท้วงติงว่ายังมีหลายเรื่องที่ คสช.ต้องเร่งจัดการโดยด่วนแข่งกับเวลา ตีเหล็กเมื่อร้อน นั่นคือการคืนความสุขให้ประชาชนอย่างแท้จริง เป็นไปตามที่ประชาชนต้องการ หนึ่งในนั้นคือปรับโครงสร้างราคาพลังงาน
เมื่อคนชนบทได้แล้ว ถึงคิวคนเมืองควรจะได้บ้าง! ที่ผ่านมา คสช.ยังไม่ประกาศอย่างเต็มปากเต็มคำนัก ภาพที่ปรากฏคือมีกลุ่มผลประโยชน์เข้าไปมีส่วนกำกับเรื่องพลังงาน จนสร้างความรู้สึกว่า คสช.อาจโดนพลังโน้มน้าวของคนกลุ่มนี้ให้ไขว้เขวได้
มีคำถามซึ่งยังไร้คำตอบ เช่น ทำไมไม่เรียก “ทักษิณ” และ “พจมาน” มารายงานตัว ทำไมไม่ถอดยศ “ทักษิณ” ทำไมไม่เร่งยึดทรัพย์นักการเมืองตัวแสบ พวกโกงกินในโครงการรับจำนำข้าว? ปล่อยเสือเข้าป่าอีกหรือ? จะถามดังๆ ก็กลัว คสช.ไม่สบอารมณ์
มาบัดนี้ เริ่มเกิดความรู้สึกหวั่นว่า อาจจะมีปรากฏการณ์ “เยี่ยวไม่สุด” อีกรอบ!
จะว่าประชาชนใจร้อนก็ไม่ถูกนัก เพราะการจัดการกับ “ทักษิณ” และเครือข่ายต้องถือว่าเป็นวาระเร่งด่วน จะอ้างว่ามีแผนปรองดองสมานฉันท์แล้ว “ทักษิณ” โดนตัดมือตัดตีน พวกบริวารโดนเรียกมาติวเข้มจนปอดกระเส่า ไม่อยากเคลื่อนไหว กลัวตาย
ได้ยินแกนนำเสื้อแดงตัวแสบในเชียงใหม่อ้างว่าจะประสานให้เสื้อแดงภาคเหนือสมานฉันท์สนับสนุนนโยบาย คสช.แล้วอยากหัวร่อให้ฟันโยก เพราะขี้ข้าทักษิณย่อมเป็นขี้ข้าทักษิณอยู่วันยังค่ำ ยอมเปลี่ยนแนวคิดพฤติกรรมชั่วคราวเพื่อเอาตัวรอดเท่านั้น
ถ้ามองว่าเครือข่ายทักษิณเหมือนลูกไก่ในกำมือ ดิ้น บินหนีไม่ได้ ห้ามออกนอกประเทศ มีกฎเหล็กจำกัดการเคลื่อนไหว ถ้าซ่ายิ่งมีโอกาสได้ติดคุกนานหัวโต แต่ที่เห็น “ทักษิณ” ยังไม่สิ้นฤทธิ์มีเงินทองมหาศาลจ้างผีโม่แป้ง หัวโจกแดงให้ป่วนประเทศต่อไป
ยังมีเครือข่ายเสื้อแดงหลบอยู่ต่างประเทศ ทนายยิวหิวเงิน พวกล็อบบี้ยิสต์ นักประชาสัมพันธ์ โฆษณาชวนเชื่อและสื่อตะวันตกซึ่งได้รับน้ำเลี้ยงมาโดยตลอด และยังมีสื่อในประเทศตามสถานีฟรีทีวี สิ่งพิมพ์ เป็นกระบอกเสียงบิดเบือนข้อเท็จจริงต่อเนื่อง
ยังมีความรู้สึกตะหงิดๆ เป็นความสงสัยในกลุ่มผู้ติดตามผลงานของ คสช.ว่าการเร่งทำกิจกรรมแผนการหลายอย่างนั้น เป็นเพราะไม่อยากทำเรื่องที่จำเป็นเร่งด่วนใช่หรือไม่ โดยเฉพาะการเร่งจัดการ “ทักษิณ” และเครือข่ายพิษร้ายที่ยังหลงเหลือทั้งหลาย
การจัดลำดับความสำคัญในภารกิจแก้ปัญหาบ้านเมืองนั้นจะต้องทำพร้อมกัน ประชาชนยังเห็นว่าไม่มีเหตุผล ไร้คำอธิบายชัดเจนว่าการปล่อยให้ “ทักษิณ” และเครือข่ายยังมีอิสระเสรีทางการเงินอยู่ ไม่ขุดรากถอนโคน มีผลดีต่อบ้านเมืองอย่างไร
มีอะไรแฝงเร้นจนทำให้ประชาชนสงสัยว่าการ “เยี่ยวไม่สุด” ขณะนี้เป็นอาการขัดลำกล้อง หรืออั้นไว้ด้วยเหตุอันใด? แนวคิดเช่นนี้เป็นอันตรายต่อความเชื่อมั่นศรัทธาต่อ คสช.มาก เพราะการไม่จัดการกับ “ทักษิณ” คือโอกาสที่ระบอบทักษิณจะฟื้นได้อีกรอบ
นอกจากจะเป็นอันตรายต่อบ้านเมืองอีกแล้ว ยังเป็นภัยต่อ คสช.อีกด้วย เพราะเมื่อการ “เยี่ยวไม่สุด” ทำให้ค้างคา อาจมีกลุ่มอื่นอยากอาสา “เยี่ยวแทนให้สุด” ก็ได้!
เกิดการรัฐประหารมากกว่า 17 ครั้ง สำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง เวียนว่ายตายเกิดในวัฏจักรการเมืองน้ำเน่า และการเปลี่ยนแปลงซึ่งอยู่ในสภาวะ “เยี่ยวไม่สุด” หรือบางยุคผู้นำเหล่าทัพรัฐประหาร ยึดอำนาจแล้วกลายเป็นเหลือบตัวใหม่สูบเลือดรัฐไทย
ผลสุดท้าย ไม่ว่านักการเมืองหรือผู้นำกองทัพ ก็ไม่สามารถนำพาบ้านเมืองไปสู่ความสำเร็จ การเปลี่ยนแปลงที่จีรังยั่งยืนบนรากฐานใหม่แข็งแกร่ง ประชาชนได้รับผลประโยชน์กันถ้วนหน้าเพราะมีปัจจัยสำคัญคือ “การทำอะไรแบบไทยๆ นั่นเอง”
สังคมไทยมีความใกล้ชิดสนิทสนมแบบเพื่อนพ้องน้องพี่ เครือญาติ เพื่อนร่วมรุ่นสถาบันโน่นนี่นั่น เพื่อนของเพื่อน โยงใยเป็นเครือข่ายทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม การวิ่งเต้น ติดสินบน ไร้ยางอาย ศีลธรรมส่วนบุคคล
สังคมแบบไทยๆ จึงมีทั้งดีและเลว ไม่มีสังคมใดเลียนแบบได้ อย่างเช่นการรัฐประหารโดยไม่เสียเลือดเนื้อ ล่าสุดไม่มีแม้กระทั่งรถถัง ยานรบ หรือการเผชิญหน้า แม้จะมีการคัดค้านก็ไร้พลัง เพราะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างล้นหลาม
นั่นเป็นเพราะประชาชนมีความเชื่อว่าครั้งนี้จะไม่มีปัญหา “เยี่ยวไม่สุด” เพราะคนเยี่ยวเป็นคนกลุ่มเดียวที่มีส่วนก่อการรัฐประหารปี 2549 น่าจะฉลาดพอ ได้รับรู้บทเรียนมาแล้วว่าการทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ ไม่เด็ดขาด ส่งผลร้ายต่อตัวเองและบ้านเมืองอย่างไร
ความสำเร็จและความล้มเหลวของนักการเมือง และผู้นำกองทัพในการจัดการปัญหาบ้านเมืองคือการประเมินสถานการณ์ และอารมณ์ของประชาชนผิดพลาด ความลำพองในอำนาจ การกดขี่รีดนาทาเร้น และพฤติกรรมเยี่ยวรดหัวใจประชาชนนั่นเอง
ผลงานของคณะ คสช.หลังจากรัฐประหาร กุมอำนาจรัฐเต็มที่แทบไม่มีใครต้านนั้นได้ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เช่น การรื้อฐานโครงสร้างกลุ่มอำนาจเก่าในวงการตำรวจ ข้าราชการมหาดไทย องค์กรรัฐวิสาหกิจบางแห่ง ทำให้เห็นความเด็ดขาด
การเร่งจ่ายเงินให้ชาวนาในโครงการรับจำนำข้าวถือว่าได้ใจคนภาคชนบท คสช. ได้ทำกิจกรรมหลายอย่างเช่นเร่งให้เกิดบรรยากาศแห่งการปรองดองสมานฉันท์ เป็นความพยายามผสมน้ำมันให้เข้ากับน้ำ ผลที่ได้มาเหมือนหาบันไดไต่ขึ้นสวรรค์ได้สำเร็จ
ขณะที่มีเสียงชมเชย ก็ยังมีเสียงทวงถาม และท้วงติงว่ายังมีหลายเรื่องที่ คสช.ต้องเร่งจัดการโดยด่วนแข่งกับเวลา ตีเหล็กเมื่อร้อน นั่นคือการคืนความสุขให้ประชาชนอย่างแท้จริง เป็นไปตามที่ประชาชนต้องการ หนึ่งในนั้นคือปรับโครงสร้างราคาพลังงาน
เมื่อคนชนบทได้แล้ว ถึงคิวคนเมืองควรจะได้บ้าง! ที่ผ่านมา คสช.ยังไม่ประกาศอย่างเต็มปากเต็มคำนัก ภาพที่ปรากฏคือมีกลุ่มผลประโยชน์เข้าไปมีส่วนกำกับเรื่องพลังงาน จนสร้างความรู้สึกว่า คสช.อาจโดนพลังโน้มน้าวของคนกลุ่มนี้ให้ไขว้เขวได้
มีคำถามซึ่งยังไร้คำตอบ เช่น ทำไมไม่เรียก “ทักษิณ” และ “พจมาน” มารายงานตัว ทำไมไม่ถอดยศ “ทักษิณ” ทำไมไม่เร่งยึดทรัพย์นักการเมืองตัวแสบ พวกโกงกินในโครงการรับจำนำข้าว? ปล่อยเสือเข้าป่าอีกหรือ? จะถามดังๆ ก็กลัว คสช.ไม่สบอารมณ์
มาบัดนี้ เริ่มเกิดความรู้สึกหวั่นว่า อาจจะมีปรากฏการณ์ “เยี่ยวไม่สุด” อีกรอบ!
จะว่าประชาชนใจร้อนก็ไม่ถูกนัก เพราะการจัดการกับ “ทักษิณ” และเครือข่ายต้องถือว่าเป็นวาระเร่งด่วน จะอ้างว่ามีแผนปรองดองสมานฉันท์แล้ว “ทักษิณ” โดนตัดมือตัดตีน พวกบริวารโดนเรียกมาติวเข้มจนปอดกระเส่า ไม่อยากเคลื่อนไหว กลัวตาย
ได้ยินแกนนำเสื้อแดงตัวแสบในเชียงใหม่อ้างว่าจะประสานให้เสื้อแดงภาคเหนือสมานฉันท์สนับสนุนนโยบาย คสช.แล้วอยากหัวร่อให้ฟันโยก เพราะขี้ข้าทักษิณย่อมเป็นขี้ข้าทักษิณอยู่วันยังค่ำ ยอมเปลี่ยนแนวคิดพฤติกรรมชั่วคราวเพื่อเอาตัวรอดเท่านั้น
ถ้ามองว่าเครือข่ายทักษิณเหมือนลูกไก่ในกำมือ ดิ้น บินหนีไม่ได้ ห้ามออกนอกประเทศ มีกฎเหล็กจำกัดการเคลื่อนไหว ถ้าซ่ายิ่งมีโอกาสได้ติดคุกนานหัวโต แต่ที่เห็น “ทักษิณ” ยังไม่สิ้นฤทธิ์มีเงินทองมหาศาลจ้างผีโม่แป้ง หัวโจกแดงให้ป่วนประเทศต่อไป
ยังมีเครือข่ายเสื้อแดงหลบอยู่ต่างประเทศ ทนายยิวหิวเงิน พวกล็อบบี้ยิสต์ นักประชาสัมพันธ์ โฆษณาชวนเชื่อและสื่อตะวันตกซึ่งได้รับน้ำเลี้ยงมาโดยตลอด และยังมีสื่อในประเทศตามสถานีฟรีทีวี สิ่งพิมพ์ เป็นกระบอกเสียงบิดเบือนข้อเท็จจริงต่อเนื่อง
ยังมีความรู้สึกตะหงิดๆ เป็นความสงสัยในกลุ่มผู้ติดตามผลงานของ คสช.ว่าการเร่งทำกิจกรรมแผนการหลายอย่างนั้น เป็นเพราะไม่อยากทำเรื่องที่จำเป็นเร่งด่วนใช่หรือไม่ โดยเฉพาะการเร่งจัดการ “ทักษิณ” และเครือข่ายพิษร้ายที่ยังหลงเหลือทั้งหลาย
การจัดลำดับความสำคัญในภารกิจแก้ปัญหาบ้านเมืองนั้นจะต้องทำพร้อมกัน ประชาชนยังเห็นว่าไม่มีเหตุผล ไร้คำอธิบายชัดเจนว่าการปล่อยให้ “ทักษิณ” และเครือข่ายยังมีอิสระเสรีทางการเงินอยู่ ไม่ขุดรากถอนโคน มีผลดีต่อบ้านเมืองอย่างไร
มีอะไรแฝงเร้นจนทำให้ประชาชนสงสัยว่าการ “เยี่ยวไม่สุด” ขณะนี้เป็นอาการขัดลำกล้อง หรืออั้นไว้ด้วยเหตุอันใด? แนวคิดเช่นนี้เป็นอันตรายต่อความเชื่อมั่นศรัทธาต่อ คสช.มาก เพราะการไม่จัดการกับ “ทักษิณ” คือโอกาสที่ระบอบทักษิณจะฟื้นได้อีกรอบ
นอกจากจะเป็นอันตรายต่อบ้านเมืองอีกแล้ว ยังเป็นภัยต่อ คสช.อีกด้วย เพราะเมื่อการ “เยี่ยวไม่สุด” ทำให้ค้างคา อาจมีกลุ่มอื่นอยากอาสา “เยี่ยวแทนให้สุด” ก็ได้!