นักเศรษฐศาสตร์ 65.0% เห็นว่า นายกรัฐมนตรีควรมีคุณสมบัติ “เป็นคนเด็ดขาด กล้าตัดสินใจ และให้ความสำคัญกับการปฏิรูป”ระบุอยากเห็นภาพประเทศไทยไม่มีคอร์รัปชัน ไม่มีระบบอุปถัมภ์ หลังการปฏิรูปแล้วเสร็จ พร้อมให้กำลังใจหัวหน้าคสช. ในการอดทน มั่นคง แนวแน่ กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง โดยยึดผลประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติเป็นสำคัญ ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจต่อจากนี้ไป นักเศรษฐศาสตร์ 80.0% เห็นว่าเศรษฐกิจน่าจะดีขึ้น
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) ร่วมกับคณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผยผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์จากองค์กรชั้นนำ 31 แห่ง จำนวน 60 คน เรื่อง“ประเทศไทยบนโหมดปฏิรูป”โดยเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 26 –30 พ.ค.ที่ผ่านมา ผลสำรวจมีดังนี้
การบริหารประเทศในห้วงเวลานี้ นักเศรษฐศาสตร์ ร้อยละ 65.0 เห็นว่า นายกรัฐมนตรีควรมีคุณสมบัติ เป็นคนเด็ดขาด กล้าตัดสินใจ และให้ความสำคัญกับการปฏิรูป รองลงมาร้อยละ 10.0 ควรเป็นคนประนีประนอม และเป็นที่ยอมรับทั้งฟากกปปส. และ นปช. เมื่อถามถึงกรอบเวลาในการบริหารประเทศที่เหมาะสม ร้อยละ 41.7 เห็นว่าไม่ควรเกิน 1 ปี รองลงมาร้อยละ 20.0 เห็นว่าไม่ควรเกิน 6 เดือน
สำหรับประเด็นการปฏิรูปว่าควรมีตัวแทนจากภาคการเมืองหรือไม่ นักเศรษฐศาสตร์คิดเป็นสัดส่วนที่เท่ากันที่ ร้อยละ 36.7 เห็นว่า ควรมีตัวแทนจากภาคการเมืองโดยให้เหตุผลที่สำคัญว่า “นักการเมืองเป็นผู้รู้ปัญหา และผู้สร้างปัญหาในภาคปฏิบัติ จึงต้องเลือกคนที่เป็นกลางและมีจำนวนไม่มาก หากขาดคนกลุ่มนี้อาจเกิดการไม่ยอมรับในภายหลัง”
ส่วนที่เห็นว่าไม่ควรมีตัวแทนจากภาคการเมืองโดยให้ เหตุผลว่า “ภาคการเมืองเป็นต้นเหตุของปัญหาสำคัญที่ทำให้ต้องมีการปฏิรูปประเทศ จึงไม่ควรมี ทั้งนี้ก็เพื่อความเป็นกลาง เพื่อความเป็นอิสระปราศจากอิทธิพลทางการเมือง ไม่มีการปกป้องผลประโยชน์ทางการเมือง”
ส่วนเรื่องที่นักเศรษฐศาสตร์ ต้องการให้มีการปฏิรูปมากที่สุด คือ ด้านการเมือง ต้องการให้ปฏิรูปเพื่อแก้ปัญหาการทุจริต คอร์รัปชัน ในทุกระดับ (ร้อยละ 41.5) ด้านเศรษฐกิจ ต้องการให้ปฏิรูประบบภาษี (ไม่ว่าจะเป็น ภาษีที่ดิน ภาษีมรดก) เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และกระจายรายได้ กระจายความเจริญไปยังภูมิภาคให้มากขึ้น (ร้อยละ 29.6) ด้านสังคม ต้องการให้ปฏิรูปการศึกษา โอกาสในการศึกษาที่เท่าเทียม พัฒนาบุคลากรทางศึกษา พัฒนาการใช้ภาษาอังกฤษ (ร้อยละ 34.5)
เมื่อถามถึงภาพประเทศไทยในจินตนาการที่คาดหวังให้เกิดขึ้นหลังการปฏิรูปแล้วเสร็จ คือ อันดับ 1 ประเทศไทย ไม่มีคอร์รัปชัน ไม่มีระบบอุปถัมภ์ อันดับ 2 คนไทยรักใคร่ สามัคคี ปรองดอง อันดับ 3 ไม่มีการซื้อสิทธิ ขายเสียง ไม่มีนโยบายประชานิยมสุดโต่ง นักการเมืองมีคุณภาพ โดยนักเศรษฐศาสตร์มั่นใจว่า การปฏิรูปประเทศจะสำเร็จร้อยละ 50.0 จากที่คาดหวังไว้
ส่วนสิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์ อยากบอกกับหัวหน้าคสช. ในประเด็นการปฏิรูป มีดังนี้
อันดับ 1 เป็นกำลังใจให้ ขอให้อดทน มั่นคง แน่วแน่ กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง โดยยึดผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นสำคัญ
อันดับ 2 ต้องเข้าใจปัญหาที่จะปฏิรูป ต้องปฏิรูปอย่างจริงจัง ปูพื้นฐานเรื่องการปฏิรูปให้มั่นคงเพื่อสานต่อในอนาคต
อันดับ 3 ต้องแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นให้ได้ สร้างค่านิยมรังเกียจการคอร์รัปชัน
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจต่อจากนี้ไป นักเศรษฐศาสตร์ร้อยละ 80.0 เห็นว่า เศรษฐกิจน่าจะดีขึ้น รองลงมา ร้อยละ 6.7 เห็นว่าเศรษฐกิจน่าจะแย่ลงอีก.
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) ร่วมกับคณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผยผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์จากองค์กรชั้นนำ 31 แห่ง จำนวน 60 คน เรื่อง“ประเทศไทยบนโหมดปฏิรูป”โดยเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 26 –30 พ.ค.ที่ผ่านมา ผลสำรวจมีดังนี้
การบริหารประเทศในห้วงเวลานี้ นักเศรษฐศาสตร์ ร้อยละ 65.0 เห็นว่า นายกรัฐมนตรีควรมีคุณสมบัติ เป็นคนเด็ดขาด กล้าตัดสินใจ และให้ความสำคัญกับการปฏิรูป รองลงมาร้อยละ 10.0 ควรเป็นคนประนีประนอม และเป็นที่ยอมรับทั้งฟากกปปส. และ นปช. เมื่อถามถึงกรอบเวลาในการบริหารประเทศที่เหมาะสม ร้อยละ 41.7 เห็นว่าไม่ควรเกิน 1 ปี รองลงมาร้อยละ 20.0 เห็นว่าไม่ควรเกิน 6 เดือน
สำหรับประเด็นการปฏิรูปว่าควรมีตัวแทนจากภาคการเมืองหรือไม่ นักเศรษฐศาสตร์คิดเป็นสัดส่วนที่เท่ากันที่ ร้อยละ 36.7 เห็นว่า ควรมีตัวแทนจากภาคการเมืองโดยให้เหตุผลที่สำคัญว่า “นักการเมืองเป็นผู้รู้ปัญหา และผู้สร้างปัญหาในภาคปฏิบัติ จึงต้องเลือกคนที่เป็นกลางและมีจำนวนไม่มาก หากขาดคนกลุ่มนี้อาจเกิดการไม่ยอมรับในภายหลัง”
ส่วนที่เห็นว่าไม่ควรมีตัวแทนจากภาคการเมืองโดยให้ เหตุผลว่า “ภาคการเมืองเป็นต้นเหตุของปัญหาสำคัญที่ทำให้ต้องมีการปฏิรูปประเทศ จึงไม่ควรมี ทั้งนี้ก็เพื่อความเป็นกลาง เพื่อความเป็นอิสระปราศจากอิทธิพลทางการเมือง ไม่มีการปกป้องผลประโยชน์ทางการเมือง”
ส่วนเรื่องที่นักเศรษฐศาสตร์ ต้องการให้มีการปฏิรูปมากที่สุด คือ ด้านการเมือง ต้องการให้ปฏิรูปเพื่อแก้ปัญหาการทุจริต คอร์รัปชัน ในทุกระดับ (ร้อยละ 41.5) ด้านเศรษฐกิจ ต้องการให้ปฏิรูประบบภาษี (ไม่ว่าจะเป็น ภาษีที่ดิน ภาษีมรดก) เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และกระจายรายได้ กระจายความเจริญไปยังภูมิภาคให้มากขึ้น (ร้อยละ 29.6) ด้านสังคม ต้องการให้ปฏิรูปการศึกษา โอกาสในการศึกษาที่เท่าเทียม พัฒนาบุคลากรทางศึกษา พัฒนาการใช้ภาษาอังกฤษ (ร้อยละ 34.5)
เมื่อถามถึงภาพประเทศไทยในจินตนาการที่คาดหวังให้เกิดขึ้นหลังการปฏิรูปแล้วเสร็จ คือ อันดับ 1 ประเทศไทย ไม่มีคอร์รัปชัน ไม่มีระบบอุปถัมภ์ อันดับ 2 คนไทยรักใคร่ สามัคคี ปรองดอง อันดับ 3 ไม่มีการซื้อสิทธิ ขายเสียง ไม่มีนโยบายประชานิยมสุดโต่ง นักการเมืองมีคุณภาพ โดยนักเศรษฐศาสตร์มั่นใจว่า การปฏิรูปประเทศจะสำเร็จร้อยละ 50.0 จากที่คาดหวังไว้
ส่วนสิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์ อยากบอกกับหัวหน้าคสช. ในประเด็นการปฏิรูป มีดังนี้
อันดับ 1 เป็นกำลังใจให้ ขอให้อดทน มั่นคง แน่วแน่ กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง โดยยึดผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นสำคัญ
อันดับ 2 ต้องเข้าใจปัญหาที่จะปฏิรูป ต้องปฏิรูปอย่างจริงจัง ปูพื้นฐานเรื่องการปฏิรูปให้มั่นคงเพื่อสานต่อในอนาคต
อันดับ 3 ต้องแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นให้ได้ สร้างค่านิยมรังเกียจการคอร์รัปชัน
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจต่อจากนี้ไป นักเศรษฐศาสตร์ร้อยละ 80.0 เห็นว่า เศรษฐกิจน่าจะดีขึ้น รองลงมา ร้อยละ 6.7 เห็นว่าเศรษฐกิจน่าจะแย่ลงอีก.