นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีการยื่นเรื่องถอดถอนบุคคลต่างๆ สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องการถอดถอนในขณะนี้ โดยเฉพาะนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ที่ยังค้างอยู่ในชั้นของวุฒิสภานั้น ก็มีปัญหา จึงอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จะให้เป็นอำนาจของใคร ในการถอดถอน เพราะไม่มีวุฒิสภาแล้ว ซึ่งจะให้เป็นอำนาจของวุฒิสภาชุดใหม่ หรือ อำนาจของคสช.
นอกจากนี้ ยังมีหลายเรื่องที่ยังค้างคาอยู่ อาทิ การถอดถอน ส.ส.และ ส.ว. ที่แก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของส.ว. ก็ยังค้างคาอยู่ในชั้นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และการยื่นเรื่องยุบพรรคเพื่อไทยประมาณ 3 เรื่อง ค้างอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีปัญหาเนื่องจากคสช. ยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2550 จึงส่งผลให้ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ต้องสิ้นสภาพและทำให้พรรคการเมืองสิ้นสภาพตามรัฐธรรมนูญ จึงต้องรอดูว่ารัฐธรรมนูญใหม่ จะให้เป็นพรรคการเมืองเดิมต่อไป หรือจะให้จดทะเบียนขึ้นใหม่ ก็ต้องอยู่ที่การเขียนรัฐธรรมนูญ
"ขณะนี้กฎหมายที่คสช. ต้องเร่งนำมาพิจารณา และประกาศใช้ด่วน แต่ต้องปรับหลายอย่าง อาทิ กฎหมายภาษี กฎหมายพรรคการเมือง กฎหมายกระจายอำนาจ กฎหมายกองทุนน้ำมัน กฎหมายจำนวน ส.ส.และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และกฎหมายการเข้าสู่การเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ" นายวิรัตน์ กล่าว
**"รังสิมา"เกาะติดใช้งบฯสภาจัดทัวร์
น.ส.รังสิมา รอดรัศมี อดีต ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หลังตนเปิดเผยข้อมูลการใช้งบประมาณจัดซื้อจัดจ้างต่างๆในสภาฯ ตลอดจนการจัดทัวร์ไปต่างประเทศ ของเลขาธิการสภาฯ ปรากฏว่า ได้รับการติดต่อจากข้าราชการในสภาจำนวนมาก ที่จะส่งข้อมูลต่างๆ มาให้ โดยส่วนใหญ่ระบุว่า แม้จะได้ประโยชน์จากการไปดูงานต่างประเทศ แต่ก็รับไม่ได้ กับการใช้จ่ายงบประมาณแบบผลาญ เช่นนี้ ที่สำคัญมีบางรายเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้มีการจัดทัวร์ผู้บริหารในสภาไปดูงานที่ประเทศเยอรมนี มาก่อนหน้านี้ด้วย โดยไม่มีเอกสารใดๆ เพราะมีการประสานงานด้วยวาจา และการใช้โทรศัพท์สื่อสารแจ้งว่า ใครบ้างที่จะได้ไป ซึ่งตนกำลังรวบรวมรายละเอียด และประสานกับเพื่อน อดีต ส.ส. ที่ทราบข้อมูล และยังเป็นที่น่าสังเกตด้วยว่า การจัดพาข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้างสภาฯ ไปดูงานตามแผน เช่น ที่จะไปอินโดนีเซีย เดิมที่คิดค่าหัวสูงถึง 4 หมื่นบาท มีข้าราชการที่ดีให้ข้อมูลว่า โครงการเดินทางไปต่างประเทศต่างๆ ของสภาจะต้องมีการจัดอบรมข้าราชการที่จะไปต่างประเทศก่อน เพื่อให้ครบกระบวนการของบริษัททัวร์ ที่กำหนดตามที่ผู้ใหญ่ในสภาสั่ง เพื่อให้เข้ากับกรอบกำหนดของระเบียบ ทั้งที่ไม่จำเป็น และทำให้ค่าเดินทางมีราคาสูงเกินความเป็นจริง ซึ่งเอกสารส่วนใหญ่ ถูกเก็บคืนผู้บังคับบัญชาหมดแล้ว
ทั้งนี้ ตนติดงานส่วนตัวที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ 1 สัปดาห์ เมื่อกลับมาแล้วจะติดตามในเรื่องการใช้งบประมาณของสภาฯ ต่อ เพราะที่ผ่านมามีเรื่องไม่ชอบมาพากลอีกมาก ที่รอการแก้ไขและการชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสังคม
**เผยมีร่างกม.ค้างสภาจำนวนมาก
ด้านนายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง กรณีที่ นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ด้านกฎหมาย ระบุว่า ภายหลังมีการยุบสภา มีกฎหมายค้างอยู่ในสภาจำนวนมาก และเป็นกฎหมายที่เร่งด่วนของแต่ละกระทรวงว่า ขณะนี้ตนยังไม่ได้พูดคุยกับนายวิษณุ แต่อย่างใด ซึ่งเข้าใจว่าหากจะมีการขอดูกฎหมาย ก็คงขอมายังข้าราชการในสภาฯ ซึ่งที่สภาฯมีสรุปรายงานประจำปีอยู่แล้ว
ส่วนการที่ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี อดีต ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้คสช. ปรับตนออกจากตำแหน่ง เพราะมีการใช้งบประมาณดูงานต่างประเทศหลังยุบสภานั้น ยืนยันว่าไม่มีอะไร และตนได้สั่งให้ชะลอโครงการของสภาฯทั้งหมดแล้ว ตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย. ภายหลัง คสช. มีหนังสือเวียนถึงทุกหน่วยงานให้รอนโยบายของคสช. และเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนมีคสช.
นอกจากนี้ ตนได้ชี้แจงต่อ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้าคสช. ที่รับผิดชอบงานสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ว่า สภาฯมีงบประมาณส.ส.เหลืออยู่กว่า 2 พันล้านบาท และมีงบประมาณข้าราชการเหลืออยู่ส่วนหนึ่ง จึงเตรียมงบประมาณนี้เพื่อรอนโยบายปฏิรูปของคสช. อย่างไรก็ตามถือว่า น.ส.รังสิมา โจมตีใส่ร้ายตนตลอด และทำให้เสียหาย ตนเป็นข้าราชการก็ต้องทำตามกติกา และเป็นกลไกหนึ่ง คสช. จะให้ทำอะไร ก็ยินดีตามที่ไดด้รับมอบหมาย
นอกจากนี้ ยังมีหลายเรื่องที่ยังค้างคาอยู่ อาทิ การถอดถอน ส.ส.และ ส.ว. ที่แก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของส.ว. ก็ยังค้างคาอยู่ในชั้นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และการยื่นเรื่องยุบพรรคเพื่อไทยประมาณ 3 เรื่อง ค้างอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีปัญหาเนื่องจากคสช. ยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2550 จึงส่งผลให้ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ต้องสิ้นสภาพและทำให้พรรคการเมืองสิ้นสภาพตามรัฐธรรมนูญ จึงต้องรอดูว่ารัฐธรรมนูญใหม่ จะให้เป็นพรรคการเมืองเดิมต่อไป หรือจะให้จดทะเบียนขึ้นใหม่ ก็ต้องอยู่ที่การเขียนรัฐธรรมนูญ
"ขณะนี้กฎหมายที่คสช. ต้องเร่งนำมาพิจารณา และประกาศใช้ด่วน แต่ต้องปรับหลายอย่าง อาทิ กฎหมายภาษี กฎหมายพรรคการเมือง กฎหมายกระจายอำนาจ กฎหมายกองทุนน้ำมัน กฎหมายจำนวน ส.ส.และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และกฎหมายการเข้าสู่การเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ" นายวิรัตน์ กล่าว
**"รังสิมา"เกาะติดใช้งบฯสภาจัดทัวร์
น.ส.รังสิมา รอดรัศมี อดีต ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หลังตนเปิดเผยข้อมูลการใช้งบประมาณจัดซื้อจัดจ้างต่างๆในสภาฯ ตลอดจนการจัดทัวร์ไปต่างประเทศ ของเลขาธิการสภาฯ ปรากฏว่า ได้รับการติดต่อจากข้าราชการในสภาจำนวนมาก ที่จะส่งข้อมูลต่างๆ มาให้ โดยส่วนใหญ่ระบุว่า แม้จะได้ประโยชน์จากการไปดูงานต่างประเทศ แต่ก็รับไม่ได้ กับการใช้จ่ายงบประมาณแบบผลาญ เช่นนี้ ที่สำคัญมีบางรายเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้มีการจัดทัวร์ผู้บริหารในสภาไปดูงานที่ประเทศเยอรมนี มาก่อนหน้านี้ด้วย โดยไม่มีเอกสารใดๆ เพราะมีการประสานงานด้วยวาจา และการใช้โทรศัพท์สื่อสารแจ้งว่า ใครบ้างที่จะได้ไป ซึ่งตนกำลังรวบรวมรายละเอียด และประสานกับเพื่อน อดีต ส.ส. ที่ทราบข้อมูล และยังเป็นที่น่าสังเกตด้วยว่า การจัดพาข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้างสภาฯ ไปดูงานตามแผน เช่น ที่จะไปอินโดนีเซีย เดิมที่คิดค่าหัวสูงถึง 4 หมื่นบาท มีข้าราชการที่ดีให้ข้อมูลว่า โครงการเดินทางไปต่างประเทศต่างๆ ของสภาจะต้องมีการจัดอบรมข้าราชการที่จะไปต่างประเทศก่อน เพื่อให้ครบกระบวนการของบริษัททัวร์ ที่กำหนดตามที่ผู้ใหญ่ในสภาสั่ง เพื่อให้เข้ากับกรอบกำหนดของระเบียบ ทั้งที่ไม่จำเป็น และทำให้ค่าเดินทางมีราคาสูงเกินความเป็นจริง ซึ่งเอกสารส่วนใหญ่ ถูกเก็บคืนผู้บังคับบัญชาหมดแล้ว
ทั้งนี้ ตนติดงานส่วนตัวที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ 1 สัปดาห์ เมื่อกลับมาแล้วจะติดตามในเรื่องการใช้งบประมาณของสภาฯ ต่อ เพราะที่ผ่านมามีเรื่องไม่ชอบมาพากลอีกมาก ที่รอการแก้ไขและการชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสังคม
**เผยมีร่างกม.ค้างสภาจำนวนมาก
ด้านนายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง กรณีที่ นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ด้านกฎหมาย ระบุว่า ภายหลังมีการยุบสภา มีกฎหมายค้างอยู่ในสภาจำนวนมาก และเป็นกฎหมายที่เร่งด่วนของแต่ละกระทรวงว่า ขณะนี้ตนยังไม่ได้พูดคุยกับนายวิษณุ แต่อย่างใด ซึ่งเข้าใจว่าหากจะมีการขอดูกฎหมาย ก็คงขอมายังข้าราชการในสภาฯ ซึ่งที่สภาฯมีสรุปรายงานประจำปีอยู่แล้ว
ส่วนการที่ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี อดีต ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้คสช. ปรับตนออกจากตำแหน่ง เพราะมีการใช้งบประมาณดูงานต่างประเทศหลังยุบสภานั้น ยืนยันว่าไม่มีอะไร และตนได้สั่งให้ชะลอโครงการของสภาฯทั้งหมดแล้ว ตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย. ภายหลัง คสช. มีหนังสือเวียนถึงทุกหน่วยงานให้รอนโยบายของคสช. และเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนมีคสช.
นอกจากนี้ ตนได้ชี้แจงต่อ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้าคสช. ที่รับผิดชอบงานสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ว่า สภาฯมีงบประมาณส.ส.เหลืออยู่กว่า 2 พันล้านบาท และมีงบประมาณข้าราชการเหลืออยู่ส่วนหนึ่ง จึงเตรียมงบประมาณนี้เพื่อรอนโยบายปฏิรูปของคสช. อย่างไรก็ตามถือว่า น.ส.รังสิมา โจมตีใส่ร้ายตนตลอด และทำให้เสียหาย ตนเป็นข้าราชการก็ต้องทำตามกติกา และเป็นกลไกหนึ่ง คสช. จะให้ทำอะไร ก็ยินดีตามที่ไดด้รับมอบหมาย
