ทางเลือกของ “บิ๊กตู่”

โสภณ องค์การณ์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์

จากประกาศกฎอัยการศึกวันที่ 22 พฤษภาคม ตามมาด้วยการรัฐประหารอีก 2 วันต่อมา คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ทำงานรวดเร็วพอสมควร ทั้งการไล่ล่าแหล่งซ่องสุมอาวุธ ติวเข้มนักการเมือง แกนนำมวลชนสมุนบักเหลี่ยม หวังว่าจะขุดรากถอนโคนเครือข่ายของพวกเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ

คสช.ได้ใจคนภาคชนบทไปแล้ว เมื่อจัดการเร่งจ่ายเงินให้ชาวนา ขณะที่เร่งให้งบประมาณแผ่นดินสำหรับปีใหม่เป็นตัวกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจ เป็นการทำงานหลายด้าน ระดมนักกฎหมายมาวางพื้นฐานธรรมนูญการปกครอง

จากนี้ไป คสช. ต้องได้ใจคนเมือง เช่นการปรับเปลี่ยนทิศทางนโยบายพลังงาน หาทางลดราคาน้ำมันและแก๊สเพื่อลดค่าครองชีพ หลังจากกลุ่มธุรกิจ พลังงานได้เสวยสุขจากกำไรก้อนมหาศาลเป็นลาภลอยบนทะเลน้ำตาชาวบ้าน

ถ้าลดราคาน้ำมันเบื้องต้นได้ 5-6 บาทต่อลิตร จากนั้นเดินหน้าปรับโครงสร้างราคาพลังงาน ค่าภาคหลวง การแบ่งกำไรจากสัมปทานปิโตรเลียม โดยใช้ต้นแบบของต่างประเทศ ก็จะทำให้เกิดความเป็นธรรมต่อประเทศไทย

บริษัทต่างชาติได้กอบโกยความมั่งคั่งจากทรัพยากรธรรมชาติของไทยมา 3-4 ทศวรรษ ข้าราชการกังฉินร่ำรวยจากการไม่ปกป้องผลประโยชน์ของชาติ การทุจริตทำให้สูญเสียมหาศาลจากการรั่วไหลของทรัพย์สินแผ่นดิน
คณะรัฐประหาร และพล อ. ประยุทธ์ มีภารกิจเร่งด่วนหลายประกาศ แข่งกับเวลา และต้องไม่ก้าวพลาดจนทำให้เสียคะแนนนิยม ก่อให้เกิดความระแวงสงสัย ความไม่ไว้วางใจของประชาชนซึ่งได้สนับสนุนการยึดอำนาจรัฐ

ที่ผ่านมา คสช. ได้ประสบความสำเร็จพอสมควร ยังมีคำถามค้างคาอยู่ว่าระยะยาวนั้นจะทำอย่างไรกับระบอบทักษิณ ทำไมจึงไม่ประกาศเรียกตัวทักษิณ และอดีตภรรยามารายงานตัว เป็นแผนปรองดองแบบลับๆ หรือไง

การปรับเปลี่ยนคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ แหล่งขุมทรัพย์ของเครือข่ายทักษิณจะต้องเกิดขึ้น นอกเหนือจากการกำจัดเชื้อร้ายต่างๆ ให้สิ้นสภาพการต้าน เพราะพล.อ. ประยุทธ์และพวกย่อมรู้ว่าการตีงูให้หลังหักจะเป็นอย่างไร

พล.อ. ประยุทธ์ รู้ดีว่าได้เดินทับรอยของ คมช. ที่ตัวเองมีส่วนร่วมในการรัฐประหารปี 2549 และรู้ว่าอะไรเป็นต้นเหตุของความล้มเหลว จนหัวหน้าคณะที่มีอำนาจมหาศาลได้ฉายาน่าหัวร่อว่าเป็น “บังเละ” และเป็นลูกไล่ของทักษิณ

การมีฐานกำลังคือกองทัพ และได้ใจประชาชนนั้นยังไม่เพียงพอ คสช. ต้องมีประชาชนเป็นฐานหลัก เพราะอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า พล.อ. ประยุทธ์ต้องเกษียณอายุ สิ้นอำนาจจากกองทัพ จะหวังให้ตัวแทนหนุนต่อเนื่องนั้นไม่ง่าย

ผลงานจากนี้ไปจะเป็นตัววัดว่า คสช. จะมั่นคงสืบผลต่อเนื่องเป็นรัฐบาลโดยมี “บิ๊กตู่” เป็นหัวหน้าคณะรัฐบาลได้หรือไม่ ป่านนี้น่าจะรู้แล้วว่าการนั่งอยู่บนหลังเสือเป็นอย่างไร มีความเสี่ยงแค่ไหนเมื่อระบอบทักษิณยังอยู่

ถ้าไม่เปรียบกับการขี่หลังเสือ พล อ. ประยุทธ์อยู่ในสภาพไม่ต่างจากทหารซึ่งพยายามเดินฝ่าดงกับระเบิด ก้าวพลาดเมื่อไหร่ถ้าไม่ตายก็พิการ อำนาจของกองทัพต้องได้รับการสนับสนุนจากประชาชนต่อสู้กับกลุ่มต้าน ต่อให้ชาติมหาอำนาจนำโดยสหรัฐฯ คว่ำบาตร มีนโยบายเป็นปฏิปักษ์กับประเทศไทย ถ้า ประชาชนหนุน คสช. เพียงพอ ย่อมไม่น่าหนักใจ ตราบใดที่ประชาชนพอใจ อยู่ดีกินดี ไม่มีปัญหาใหญ่ยากแก่การแก้ไข สหรัฐก็ต้องเงียบ

การจะต่อสู้หรือเดินหน้าเพื่อฟันฝ่าอุปสรรค ให้ได้รับการยอมรับจากชาติอื่นๆ คสช. ต้องระดมทรัพยากรบุคคลจากส่วนต่างๆ และภาคเอกชนให้เป็นตัวจักรขับเคลื่อนบ้านเมือง ฟื้นฟูความสงบ เร่งสร้างความเชื่อมั่นต่อนานาชาติ

เป็นความจำเป็นที่ คสช. ต้องเอาภาคเอกชนไปทำงานประชาสัมพันธ์เชิงรุกด้านภาพลักษณ์ต่อนานาชาติ การใช้กฎหมาย การตอบโต้การใส่ร้ายป้ายสี โดยกลุ่มเคลื่อนไหวในต่างประเทศ อ้างว่าได้มีการตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น

เพื่อให้ประสบความสำเร็จ “บิ๊กตู่” ต้องไม่เห็นแก่หน้าเพื่อนพ้องน้องพี่ จนทำให้เสียงานการ ความน่าเชื่อถือ เพื่อนร่วมรุ่น ญาติโกโหติกา ต้องถูกคัดสรรให้เหลือแต่ผู้มีฝีมือ ซื่อสัตย์ เพื่อเอามาทำงาน ต้องปลอดกลิ่นคาวทุจริต

ที่สำคัญ คสช. ต้องไม่ดำเนินแนวทางเพื่อผลักดันมิตรให้ไปเป็นศัตรู การปฏิรูปสื่ออย่างเร่งด่วน จัดการเครือข่ายทักษิณที่ฝังตัวลึกในวงจรข่าวสื่อทีวี วิทยุ สิ่งพิมพ์ และสื่อออนไลน์ ไม่ให้เป็นอุปสรรค ต้องทำให้สำเร็จโดยเร็ว

การเร่งแยกมิตร ศัตรู เป็นปัจจัยสำคัญต่อความอยู่รอดของ คสช. หรือรัฐบาลซึ่งคนใน คสช. จะเป็นองค์ประกอบหลักของรัฐบาล จะต้องไม่มีระบบพวกพ้องน้องพี่ แต่ละคนมุ่งเน้นการกอบโกย ทิ้งภารกิจกอบกู้ชาติบ้านเมือง

ประชาชนกำลังมองว่า พล.อ. ประยุทธ์มีเจตนาแน่วแน่ ไฟแรง ว่าจะทำงานเพื่อชาติอย่างจริงจังหรือไม่ และมีทางเลือกว่าตัวเองต้องการเป็นรัฐบุรุษ ผู้ประสบความสำเร็จ หรือเป็นคนล้มเหลว ถูกประณามโดยประชาชน

ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่พ้นจากสนามกับระเบิด และตัวเองเท่านั้นรู้ดีว่าจะลงเอยแบบใด เพราะเจตนาจะเป็นตัวชี้วัด เมื่อมีกำลังกองทัพ ก็ต้องมีสติปัญญาที่จะรักษาอำนาจ เพราะการเป็นรัฐบุรุษ การเป็นทรราช หรือเป็นคนล้มเหลวนั้นขึ้นอยู่ความตั้งใจว่าจะทำงานเพื่อประชาชนหรือเพื่อตนเอง