ASTVผู้จัดการรายวัน - คสช.ยังไม่ฟันธงล้มไม่ล้มแท็บเล็ต แต่ให้ชะลอดำเนินการทุกกรณีทั้งปี 56-57 พร้อมสั่งตั้งคณะทำงานศึกษาแท็บเล็ตให้เวลา 15 วันรายงาน ดูข้อดี ข้อเสีย เป้าหมายมุ่งเน้นให้ใช้ประโยชน์จากเทคโนลยีได้สูงสุด รวมทั้งสั่งให้สรุปตัวเลข และงบประมาณซ่อมแซมสถานศึกษาเสียหายเหตุแผ่นดินไหวใหม่
วานนี้ (3 มิ.ย.) ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ศธ. โดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ได้เข้าประชุมร่วมกับ พล.ท.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รองเสนาธิการทหารบก ในฐานะรองหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่กองบัญชาการทหารบก เพื่อหารือในประเด็นเร่งด่วน 3 ประเด็น ประเด็นแรกโครงการ 1 คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ต่อ 1 นักเรียน ซึ่งทาง คสช.ต้องการให้ทบทวนโครงการแท็บเล็ตในภาพรวมทั้งหมดก่อนที่จะตัดสินใจดำเนินการใด ๆ ต่อไป เพราะฉะนั้น จึงสั่งให้ชะลอโครงการทั้งหมดทั้งโครงการในปีงบประมาณ 2556 ที่ยังค้างดำเนินการในโซน 4 ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ที่อยู่ระหว่างรอการประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อี-ออกชันในช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้ ขณะที่โครงการแท็บเล็ตของปี 2557 ก็ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ เช่นกัน พร้อมกันนี้ที่ประชุมสั่งให้ตั้งคณะทำงานที่มีตัวแทนจาก 8 หน่วยงาน ทำหน้าที่ศึกษาและหาข้อสรุปว่าโครงการแท็บเล็ตจะเดินหน้าต่อไปเช่นเดิมหรือมีการปรับเปลี่ยนโครงการ โดยให้เวลาคณะทำงานศึกษาและรายงานภายใน 2 สัปดาห์หรือ 15 วัน
“จุดยืนของ คสช.ในเรื่องนี้คือทำอย่างไรให้โครงการนี้ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาเกิดประโยชน์สูงสุด เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด แต่สำหรับตอนนี้ คสช.ยังไม่มีการฟันธงว่าจะให้ทำต่อหรือจะยกเลิก หรือจะปรับโครงการเป็นอย่างไรเพราะฉะนั้น คสช.ต้องการให้คณะทำงานไปศึกษาว่าโครงการแท็บเล็ตมีผลดีอย่างไร และหากไม่ทำต่อจะมีผลกระทบใด หรือถ้ามีการเปลี่ยนไปทำรูปแบบอื่นสมควรจะเป็นรูปแบบใด ซึ่งในที่ประชุมมีคนเสนอหลากหลายรูปแบบ เช่น เพิ่มงบประมาณในการจัดซื้อเครื่องแท็บเล็ต เพื่อให้สามารถซื้อเครื่องแท็บเล็ตที่มีคุณภาพดี อย่างเช่น ไอแพด โดยไม่ได้ให้ติดตัวแต่ประจำโรงเรียนเวียนกันใช้ ขณะที่แนวคิดเรื่องสมาร์ทคลาสรูมก็มีการพูดในที่ประชุมเช่นกัน”นางสุทธศรี กล่าว
ปลัด ศธ. กล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับโครงการเยียวยาสถานศึกษาทุกสังกัดที่ได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหว โดย ศธ.เสนอตัวเลขและสถานศึกษาที่ได้รับความเสียหาย 214 แห่งใช้งบประมาณในการซ่อมแซม 319 ล้านบาทแต่เนื่องจากตัวเลขยังมีความคลาดเคลื่อนและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาอันเนื่องจากมีอาฟเตอร์ช็อกต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม คสช.ยังไม่ไฟเขียวงบประมาณที่หน่วยงานใน ศธ.ของบประมาณไปแต่ให้ไปทำรายละเอียดมาใหม่ เพราะเห็นว่าข้อมูลของ ศธ.มีการปรับเปลี่ยนตัวเลขตลอดเวลา จึงให้รวบรวมความเสียหายและนำข้อมูลกลับมาเสนอภายใน 2 วัน นอกจากนี้ ในส่วนของกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) นั้นที่ประชุมรับทราบเป้าหมายการปล่อยกู้นักเรียน นักศึกษา รายใหม่ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2557 จำนวน 204,000 รายใช้งบประมาณ 3,610 ล้านบาท ซึ่งที่ประชุมได้ขอให้ กยศ.ไปงบประมาณของกองทุนว่ามีงบประมาณเหลือบริหารจัดการกองทุนเหลือจำนวนเท่าไร งบประมาณที่ต้องใช้จริงเป็นจำนวนเท่าไร และต้องขอเพิ่มเท่าไร เพราะขณะนี้ในส่วนของอุดมศึกษาได้เลื่อนเปิดเทอมไปเดือนสิงหาคมแล้ว
วานนี้ (3 มิ.ย.) ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ศธ. โดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ได้เข้าประชุมร่วมกับ พล.ท.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รองเสนาธิการทหารบก ในฐานะรองหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่กองบัญชาการทหารบก เพื่อหารือในประเด็นเร่งด่วน 3 ประเด็น ประเด็นแรกโครงการ 1 คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ต่อ 1 นักเรียน ซึ่งทาง คสช.ต้องการให้ทบทวนโครงการแท็บเล็ตในภาพรวมทั้งหมดก่อนที่จะตัดสินใจดำเนินการใด ๆ ต่อไป เพราะฉะนั้น จึงสั่งให้ชะลอโครงการทั้งหมดทั้งโครงการในปีงบประมาณ 2556 ที่ยังค้างดำเนินการในโซน 4 ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ที่อยู่ระหว่างรอการประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อี-ออกชันในช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้ ขณะที่โครงการแท็บเล็ตของปี 2557 ก็ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ เช่นกัน พร้อมกันนี้ที่ประชุมสั่งให้ตั้งคณะทำงานที่มีตัวแทนจาก 8 หน่วยงาน ทำหน้าที่ศึกษาและหาข้อสรุปว่าโครงการแท็บเล็ตจะเดินหน้าต่อไปเช่นเดิมหรือมีการปรับเปลี่ยนโครงการ โดยให้เวลาคณะทำงานศึกษาและรายงานภายใน 2 สัปดาห์หรือ 15 วัน
“จุดยืนของ คสช.ในเรื่องนี้คือทำอย่างไรให้โครงการนี้ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาเกิดประโยชน์สูงสุด เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด แต่สำหรับตอนนี้ คสช.ยังไม่มีการฟันธงว่าจะให้ทำต่อหรือจะยกเลิก หรือจะปรับโครงการเป็นอย่างไรเพราะฉะนั้น คสช.ต้องการให้คณะทำงานไปศึกษาว่าโครงการแท็บเล็ตมีผลดีอย่างไร และหากไม่ทำต่อจะมีผลกระทบใด หรือถ้ามีการเปลี่ยนไปทำรูปแบบอื่นสมควรจะเป็นรูปแบบใด ซึ่งในที่ประชุมมีคนเสนอหลากหลายรูปแบบ เช่น เพิ่มงบประมาณในการจัดซื้อเครื่องแท็บเล็ต เพื่อให้สามารถซื้อเครื่องแท็บเล็ตที่มีคุณภาพดี อย่างเช่น ไอแพด โดยไม่ได้ให้ติดตัวแต่ประจำโรงเรียนเวียนกันใช้ ขณะที่แนวคิดเรื่องสมาร์ทคลาสรูมก็มีการพูดในที่ประชุมเช่นกัน”นางสุทธศรี กล่าว
ปลัด ศธ. กล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับโครงการเยียวยาสถานศึกษาทุกสังกัดที่ได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหว โดย ศธ.เสนอตัวเลขและสถานศึกษาที่ได้รับความเสียหาย 214 แห่งใช้งบประมาณในการซ่อมแซม 319 ล้านบาทแต่เนื่องจากตัวเลขยังมีความคลาดเคลื่อนและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาอันเนื่องจากมีอาฟเตอร์ช็อกต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม คสช.ยังไม่ไฟเขียวงบประมาณที่หน่วยงานใน ศธ.ของบประมาณไปแต่ให้ไปทำรายละเอียดมาใหม่ เพราะเห็นว่าข้อมูลของ ศธ.มีการปรับเปลี่ยนตัวเลขตลอดเวลา จึงให้รวบรวมความเสียหายและนำข้อมูลกลับมาเสนอภายใน 2 วัน นอกจากนี้ ในส่วนของกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) นั้นที่ประชุมรับทราบเป้าหมายการปล่อยกู้นักเรียน นักศึกษา รายใหม่ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2557 จำนวน 204,000 รายใช้งบประมาณ 3,610 ล้านบาท ซึ่งที่ประชุมได้ขอให้ กยศ.ไปงบประมาณของกองทุนว่ามีงบประมาณเหลือบริหารจัดการกองทุนเหลือจำนวนเท่าไร งบประมาณที่ต้องใช้จริงเป็นจำนวนเท่าไร และต้องขอเพิ่มเท่าไร เพราะขณะนี้ในส่วนของอุดมศึกษาได้เลื่อนเปิดเทอมไปเดือนสิงหาคมแล้ว