xs
xsm
sm
md
lg

“สหพัฒน์”เชื่อมือทหารแนะ3นโยบายด่วนฟื้นศก.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- "เสี่ยบุณยสิทธ์" ชื่นชมแผนโรดแมพ คสช. เชื่อเดินมาถูกต้องแล้ว มั่นใจเศรษฐกิจกำลังดีขึ้น จีดีพีน่าจะโตถึง 3% เปรียบปีนี้เศรษฐกิจกำลังติดปีก เหมือนการขับเฮลิคอปเตอร์ ชี้นโยบายเร่งด่วนควรเน้นจำนำข้าว การส่งออก และค่าเงินบาท หวังรายได้รวมสหพัฒน์ปีนี้น่าจะทำได้ 1.9 แสนล้านบาทเท่าปีก่อน ถือว่าดีมากแล้วหรืออาจจะโต5%

นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ฯ เปิดเผยว่า ภายหลังที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้เข้ามาควบคุมอำนาจในการบริหารประเทศราว 2อาทิตย์ที่ผ่านมา เชื่อว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น เพราะแนวทางของคสช.ถูกต้อง และมาถูกทางแล้ว

"ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศเข้าใจว่าจะดีขึ้น หลังจากที่ซบเซามานาน แม้ว่าคสช.จะเข้ามาได้เพียง 2-3สัปดาห์ก็ตาม แต่แนวทางที่เกิดขึ้นถือว่ามาถูกทางและถูกต้องแล้ว โดยคสช.ควรเร่งพัฒนาด้านเศรษฐกิจ เศรษฐกิจของไทยจะก้าวได้เร็วขึ้น ถ้าเป็นแบบนี้ กลุ่มผู้ประกอบการพ่อค้าแม่ค้าก็จะวางใจ ทั้งนี้หากเปรียบทิศทางเศรษฐกิจของไทยหลังจากนี้ จากที่เป็นเหมือนกับการขับรถเกียร์ต่ำ ปีนี้มองว่าเปรียบได้กับการติดปีก เหมือนขับเฮลิคอปเตอร์ หลังจากที่ตกเหวมานาน”

สำหรับนโยบายเร่งด่วนที่ทาง คสช.ควรแก้ไขและให้ความสำคัญมากสุดในช่วงนี้ คือ 1.นโยบายเรื่องข้าว หลังจากที่มีเม็ดเงินกว่าส 90,000 ล้านบาท ป้อนสู่ชาวนาแล้ว ควรเร่งเรื่องการส่งออกข้าว จะช่วยให้ระบบเศรษฐกิจกลับมาเร็วขึ้น ส่งออกดีขึ้น 2.เร่งการส่งออกในทุกภาคส่วนโดยควบคุมค่าเงินไม่ให้แข็งจนเกินไป 3.ค่าเงินบาท ต้องการให้อยู่ที่ 33-34 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ เพราะมองว่าตอนนี้ยังแข็งอยู่ ถ้าอ่อนลงอีกนิดจะช่วยให้การส่งออกดีขึ้น

“ทั้งนี้อยากฝากถึง คสช. ว่า หลังจากนี้อยากให้ทุกคนปรองดองกัน หันมาคุยกัน ที่ผ่านมาเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว หลังจากนี้ควรมุ่งสร้างความสามัคคี ไม่มองเรื่องสี แต่ควรมองว่าสจะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจดีขึ้น”

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศปีนี้ หากทุกอย่างดำเนินไปตามโรดแมพที่วางไว้ สิ้นปีจีดีพีของประเทศน่าจะโตได้ถึง 3% โดยหากเทียบปี 2540 ไตรมาสหนึ่งติดลบ แต่กระทบเฉพาะกลุ่มกำลังซื้อสูง และกำลังซื้อระดับล่างไม่กระทบ ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้ ไตรมาสหนึ่งติดลบใกล้เคียงกับปี2540เช่นกัน แต่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อระดับล่าง ส่วนกำลังซื้อระดับบนไม่กระทบ ดังนั้นหากมองในส่วนของภาพรวมตลาดอุปโภคบริโภคแล้ว ทั้งปีนี้หากโตเท่าปีก่อนถือว่าดีมากแล้ว แต่ทั้งนี้ต้องระวังเรื่องปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้อย่าง ภัยธรรมชาติ น้ำท่วม หรือแผ่นดินไหว ที่อาจจะทำให้ภาพรวมตลาดตกลงได้

นายบุณยสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของเครือสหพัฒน์ ปีที่ผ่านมามีรายได้ติดลบ หรือมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 1.5 แสนล้านบาท ปีนี้หากทำได้เท่าปีก่อน และรวมกับรายได้ส่งออกที่มีสัดส่วนอยู่ 20% เทียบรายได้รวมทั้งหมดน่าจะถึง 1.9 แสนล้านบาท หรืออาจะโตได้ 5% ถือว่าดีมาก ซึ่งในช่วงไตรมาสหนึ่งที่ผ่านมา พบว่ากลุ่มอาหารไม่ติดลบแต่ไม่โต แต่กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย เสื้อผ้า ติดลบ

ทั้งนี้ทางเครือสหพัฒน์ยังพร้อมลงทุนต่อเนื่อง ทั้งการร่วมทุนกับทางญี่ปุ่น ในเรื่องของ อาหาร เซอร์วิส เป็นต้น โดยเราจะต้องอธิบายข้อเท็จจริงถึงสถานการณ์ในประเทศไทยให้รับทราบด้วย แม้ทางญี่ปุ่นเองยังเชื่อมั่นในประเทศไทย และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมช่วยคู่ค้าอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีการลงทุนด้านเครื่องจักรใหมๆแทนเครื่องเดิมที่ชำรุด และลงทุนกับแบรนด์ เอราวอง 100 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีปรับโครงการการทำงาน ดึงคนรุ่นใหม่ขึ้นมาบริหารมากขึ้น โดยปัจจุบันถือเป็นเจนเนอเรชั่นรุ่นที่4 แล้ว เพราะคนรุ่นใหม่จะมีความคิดสร้างสรรค์ ไม่ยึดติดอยู่กับแนวคิดเดิมๆ

 เดินหน้าจัดงาน สหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 18 หวังเงินสะพัด300ล้านบาท

นายบุญเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธษนจัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ กล่าวว่า หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เริ่มดำเนินงามตามแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ส่งผลให้หลายฝ่ายเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยที่เคยซบเซาจะกลับมาฟื้นตัวขึ้น จึงเป็นโอกาสอันดีที่เครือสหพัฒน์ได้ร่วมกับ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หอการค้าไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดงาน “สหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 18” ภายใต้แนวคิด An Honest World ระหว่างวันที่ 26-29 มิ.ยนี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

โดยภายในงานจะมีการออกบูทกว่า 1,000 คูหา นำสินค้าในเครือสหพัฒน์มาจำหน่ายในราคาพิเศษ รวมกว่า 10,000 รายการ พร้อมนำเสนอสินค้าใหม่ที่มาพร้อมนวัฒตกรรม ทั้งกลุ่มอาหาร เสื้อผ้า เป็นต้น มั่นใจว่าน่าจะมีเม็ดเงินสะพัดภายในงานไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น