“ไอ.ซี.ซี.” ปรับทิศลดความเสี่ยงธุรกิจแฟชั่น สร้างขาใหม่เสริมพอร์ตโฟลิโอ ลุยอสังหาริมทรัพย์-ช่องทางตลาดใหม่ (ทีวีชอปปิ้ง-ออนไลน์) ย้ำกำลังซื้อตอนี้ยังไม่กลับคืนมานัก ยอมรับปีนี้หลุดเป้าแน่นอน ต่ำกว่าปีที่แล้ว 10% เร่งลดต้นทุนดำเนินการ ปรับแผนตลอด
นายบุญเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ไอ.ซี.ซี.ก่อตั้งมาครบ 50 ปีแล้ว แต่เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจในอนาคต บริษัทฯ จึงได้ขยายธุรกิจสร้างขาใหม่ ขณะนี้มีการตั้งบริษัทใหม่อย่างน้อย 2 แห่งแล้วคือ บริษัท ดับบลิวบีอาร์อี จำกัด เพื่อทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ และบริษัท ดับบลิวบีแอลอี จำกัด ทำธุรกิจเกี่ยวกับผลิตกระเป๋าเดินทาง ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรับเปลี่ยนมาจากบริษัทในเครือแพนเอเซียที่ปิดกิจการการผลิตรองเท้าจากผลกระทบของค่าแรง 300 บาท ส่วนอีกธุรกิจคือ การร่วมมือกับญี่ปุ่นรุกธุรกิจการขายสินค้าผ่านทีวีชอปปิ้ง-ขายผ่านออนไลน์
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจหลักของ ไอ.ซี.ซี.ก็ยังคงเป็นการผลิตและจำหน่ายรวมทั้งการรับไลเซนส์สินค้าแฟชั่นทั้งแบรนด์ตัวเองและแบรนด์ลิขสิทธิ์ต่างประเทศด้วยรวมมากกว่า 200 แบรนด์ ส่งผลให้ขณะนี้บริษัทมี 3 ขาธุรกิจใหม่คือ กลุ่มสินค้าแฟชั่น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มทีวีชอปปิ้ง-ชอปปิ้งออนไลน์ ทั้งนี้ตั้งเป้าหมายว่าภายใน 3-5 ปีจากนี้ธุรกิจใหม่คือ อสังหาริมทรัพย์ และทีวีชอปปิ้ง จะมีสัดส่วนกำไรประมาณกลุ่มละ 10%
ส่วนแนวทางการขยายธุรกิจ บริษัทฯ ไม่มีนโยบายที่จะไปเทกโอเวอร์ หรือซื้อกิจการ เพราะต้องการเติบโตแบบมั่นคง แต่อาจจะมีการร่วมทุนด้วย โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้ร่วมทุนกับบริษัท ชาญอิสสระ ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาตั้ง บริษัท ร่วมอิสสระ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 80 ล้านบาท เพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ชายหาดชะอำโดยเฉพาะ เริ่มโครงการแรกคือ แบรนด์ “บ้านทิวทะเล ชะอำ-หัวหิน” ที่ติดหาดจำนวน 13 ไร่ จากที่ดินทั้งผืนกว่า 90 ไร่ เป็นรีสอร์ตคอนโดมิเนียมหรูติดทะเลจำนวน 270 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท นอกนั้นก็เป็นการลงทุนของบริษัทฯ เอง คือ โครงการบ้านรักศรีราชา เป็นโครงการบ้านจัดสรรที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี อยู่ระหว่างการดำเนินโครงการ
“สำหรับปีนี้คาดว่าผลประกอบการรวมของบริษัทฯ คงต่ำกว่าเป้าหมายและต่ำกว่ารายได้รวมปีที่แล้ว 10% จากยอดเดิมปีที่แล้ว 13,000 ล้านบาท ในอดีตช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 เราโดนกระทบมาก รายได้รวมเราตกลงถึง 30% ส่วนปีนี้รายได้รวมเราก็ตกลงไป 10% จากปัญหาต่างๆ ทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ กำลังซื้อที่ตกลง แต่ปีหน้าเราตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องเติบโตอย่างน้อย 5% จากฐานเดิม”
นอกจากการพยายามสร้างขาธุรกิจใหม่ๆ แล้ว ไอ.ซี.ซี.ต้องปรับตัวด้วย ซึ่งปีนี้ก็มีการตัดแบรนด์สินค้าไปหลายแบรนด์ บางแบรนด์ยังทำอยู่ แต่ตัดทิ้งในบางแคทิกอรี เพื่อไม่ให้กระทบรายได้รวม รวมมากกว่า 11 แบรนด์ แบรนด์เซนต์แอนดรูว์เลิกทำในส่วนของเสื้อผ้าสตรี หรือเสื้อผ้าแบรนด์วีอาร์ที่เป็นของเราก็เลิกไป ส่วนที่มีเข้ามาใหม่ก็เช่นแบรนด์ฮาซซี่ส์เสื้อผ้าผู้ชายจากเกาหลี เป็นต้น ซึ่งปีนี้ก็มีตัดทิ้งไปหลายแบรนด์เช่นกัน แต่ปีหน้าก็ยังจะมีแบรนด์ใหม่ๆเพิ่มต่อเนื่องเช่นกัน
นายบุญเกียรติ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้กำลังซื้อของผู้บริโภคกลับมาก็จริงแต่ยังไม่มาก เศรษฐกิจโลกก็ไม่ค่อยดี การเข้มงวดเงินนอกระบบของรัฐบาลก็ทำให้กำลังซื้อของคนไทยคนไทยที่พึ่นเงินนอกระบบนี้หายไปมาก แม้ว่าจะมีการขึ้นเงินเดือนข้าราชการแต่ก็คงช่วยได้ไม่มาก ตอนนี้ผู้บริโภคระวังตัวในการใช้จ่ายมาก เพราะทุกอย่างยังขาลงอยู่ ขณะที่ปีนี้เราเองก็ต้องปรับตัวเช่นกัน เพิ่มช่องทางจำหน่ายใหม่ๆ สู่ออนไลน์ ทีวีชอปปิ้ง หรือการลดต้นทุน ค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น แต่งบการตลาดเราไม่ตัดเพียงแต่ใช้ให้มีประสิทธิภาพและระมัดระวังมากขึ้น ต้องบริหารสต็อกให้ดี ลดสต็อกเก่าให้ได้ เราปรับแผนตลอดเวลา มีการทำวิจัยผู้บริโภคเชิงลึกมากขึ้นด้วย
ล่าสุดทุ่มงบตลาด 35 ล้านบาท จัดแคมเปญใหญ่ครั้งแรก “Let's shop I.C.C. โชคดีทุกวัน เที่ยวเมืองแฟชั่นทุกเดือน” โดยการนำแบรนด์สินค้าทั้งหมดของ ไอ.ซี.ซี.มาร่วมลดราคาและร่วมแคมเปญและทำการตลาดรวมทั้งโฆษณาเพื่อให้ผู้บริโภคทราบว่ามีสินค้าอะไรบ้างที่ ไอ.ซี.ซี.จัดจำหน่าย