สหพัฒน์จับมือโตคิว ญี่ปุ่น ผุดบ้านเช่าญี่ปุ่น เผยเปิดกว้างบริษัทในเครือลงทุนอสังหาฯ

สหพัฒน์ เปิดกว้างบริษัทในเครือลงทุนอสังหาฯได้เอง เผยจับมือโตคิว ญี่ปุ่น ผุดบ้านเช่าญี่ปุ่นย่านศรีราชา เล็งนำแลนด์แบงก์แปลงที่มีศักยภาพมาพัฒนา ระบุเห็นด้วยรัฐเก็บภาษีที่ดินฯ รวมถึงรีดภาษีมหาเศรษฐี 10%/ปี ล่าสุด ลงทุนเปิดเฟส 3 Blu คอนโดฯ มูลค่า 1,500 ล้านบาท ชะอำ โครงการร่วมทุนกลุ่มชาญอิสสระ

นายบุญเกียรติ โชควัฒนา ประธานกรรมการบริหารและกรรมการอำนวยการ บริษัทไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และประธานบริษัท ร่วมอิสระ จำกัด เปิดเผยว่า แผนการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ของเครือสหพัฒน์ จะเป็นรูปแบบค่อยเป็นค่อยไป และเปิดกว้างให้บริษัทในเครือทั้งหมดที่มีความพร้อมนำที่ดินสะสมมาพัฒนาได้เลย พร้อมทั้งยังเปิดกว้างในการร่วมทุนพันธมิตรในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย

“แม้เราจะมีที่ดินในมือหลายแปลงในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แต่ทุกแปลงไม่ใช่เหมาะที่จะนำมาพัฒนาโครงการ รวมทั้งดูจังหวะเวลา และโอกาสของการลงทุนที่เหมาะสมด้วย เพราะธุรกิจอสังหาฯ ไม่ใช่ธุรกิจหลักของเครือสหพัฒน์” นายบุญเกียรติ กล่าว

ส่วนโครงการใหม่ที่มีแผนจะลงทุนต่อจากนี้เป็นโครงการร่วมทุนกับบริษัทโตคิว ญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาโครงการบ้านพักเพื่อให้เช่า เน้นเจาะลูกค้าญี่ปุ่น ตั้งอยู่ใกล้กับโครงการคอมมูตีมอลล์สไตล์ญี่ปุ่น เจพาร์ค ของเครือสหพัฒน์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งมีชาวญี่ปุ่นทำงานแ ละเข้าพักอาศัยบริเวณสวนอุตสาหกรรมศรีราชาเป็นจำนวนมาก

ในครึ่งปีหลังเชื่อว่าภาพรวมเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวมากยิ่งขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมไปถึงนักลงทุนมีความมั่นใจในการบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าจะสามารถบริหารประเทศให้ตามนโยบายที่ได้วางไว้

“หลังจากนี้ประเทศจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ จึงอยากให้ภาครัฐมีการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน คือ เรื่องการขจัดปัญหาคอร์รัปชัน ซึ่งมั่นใจว่าจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว ในส่วนของอุตสาหกรรมพลังงาน ก็เป็นเรื่องที่น่าจับตามองอยากให้ภาครัฐเข้ามาบริหารจัดการ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่คนไทยมากที่สุด ส่วนโครงการระบบสาธารณูปโภคที่มีการชะลอตัวไปนั้น อยากให้นำกลับมาพิจารณาใหม่อีกครั้ง” นายบุญเกียรติ กล่าว

ส่วนการที่รัฐบาลจะนำการจัดเก็บภาษีที่ดิน และสิงปลูกสร้างมาใช้ก็เห็นด้วย รวมถึงการจัดเก็บภาษีผู้มีรายได้มากกว่า 50 ล้านบาท/ปี ในอัตรา 10% แต่ควรทำแบบค่อยเป็นค่อยไป และมีความสมเหตุสมผล

ด้านนายสงกรานต์ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้ร่วมทุนกับเครือสหพัฒน์ ผ่านบริษัท ร่วมอิสระ จำกัด โดยลงทุนพัฒนาที่ดินขนาด 90 ไร่ บริเวณถนนเพชรเกษม อ. ชะอำ จ.เพชรบุรี ภายใต้ชื่อโครงการ “ทิวทะเล” ในรูปแบบมิกซ์ยูส ทั้งที่อยู่อาศัย โรงแรม คอมมูนิตีมอลล์ ที่ผ่านมา ได้พัฒนาคอนโดมิเนียมมาแล้ว 2 เฟสๆ แรกมูลค่าโครงการ 2,100 ล้านบาท ปัจจุบันยอดขายแล้วกว่า 90% เฟสที่ 2 มูลค่า1,900 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 60%

ล่าสุด ได้เปิดตัวคอนโดฯ เฟสที่ 3 ภายใต้แบรนด์ Blu เป็นอาคารคอนโดมิเนียมสูง 21 ชั้น มีจำนวนห้องทั้งสิ้น 491 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท โดยแบบห้องมีให้เลือกทั้งแบบ 1 และ 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยมีตั้งแต่ 30-60 ตารางเมตร ราคาต่อตารางเมตรเริ่มตั้งแต่ 70,000 จนถึง 95,000 บาท ราคาต่อยูนิตเริ่มต้นที่ 2.1 ล้านบาท ไปจนถึง 5.7 ล้านบาท

สำหรับแผนการลงทุนของชาญอิสสระ ในปีนี้ตั้งเป้าพัฒนา 4 โครงการ ในชะอำ เชียงใหม่ สาทร และสุขสวัสดิ์ มูลค่าโครงการ 5,000-6,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 2,000-2,100 ล้านบาท