เมื่อเวลา 07.30 น.วานนี้ (2มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ฝ่ายกิจการพิเศษ ได้เดินทางเข้ามายังตึกบัญชาการทำเนียบรัฐบาลซึ่งเป็นสถานที่ทำงาน จากนั้นเวลา 08.00 น. พล.ต.อ.อดุลย์ ได้เข้าสักการะศาลพระภูมิ เจ้าที่ ประจำทำเนียบรัฐบาล ก่อนเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล ไปประชุมร่วมกับ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ที่กองบัญชาการกองทัพบก
ขณะที่ วันนี้บรรดาข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบรัฐบาล เดินทางเข้าทำงาน ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเปิดทำการเต็มรูปแบบ เป็นครั้งแรก หลังจากเริ่มทยอยทำความสะอาดพื้นที่ ตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมทั้ง มีการบิ๊กคลีนนิ่ง เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ด้านหม่อมหลวง ปนัดดา ดิศกุล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเดินทางมาที่ทำเนียบตั้งแต่เช้า เปิดเผยว่า มีบางหน่วยงานในทำเนียบรัฐบาล ที่เก็บเอกสาร สิ่งของที่ย้ายไปทำงานนอกสถานที่ไม่ทัน ซึ่งทยอยเข้าทำงานในภายหลัง ส่วนตัวยังคงทำงานทั้งที่ทำเนียบรัฐบาล และกระทรวงมหาดไทย ตามคำสั่ง คสช. แต่ยืนยัน จะทำงานทั้ง 2 ตำแหน่งโดยไม่ให้มีข้อบกพร่อง และในวันที่ 5 มิถุนายน จะเรียกประชุมส่วนราชการในทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือจัดระเบียบ และแนวทางการทำงานในเบื้องต้น ส่วนการทำบุญทำเนียบรัฐบาล เป็นเรื่องของข้าราชการ ทำเนียบรัฐบาล และต้องมีการหารือกันอีกครั้ง ระหว่าง ผู้บริหาร และข้าราชการประจำทำเนียบรัฐบาล เพราะเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งนี้ ไม่ทราบรัฐบาลชุดใหม่ จะเข้าทำงานเมื่อไร
ม.ล.ปนัดดา กล่าวด้วยว่า สำหรับการประชุม ร่วมกับ คสช. วันนี้ มีการเชิญทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมาหารือ เพื่อสรุปการดำเนินการภาพรวม ภารกิจของทุกกลุ่ม ว่าได้ทำงานเกิดความเรียบร้อยมากน้อยเพียงใดและจะมีการแนะนำข้อสั่งการว่า ให้ส่วนราชการดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยยึดหลัก ความสามัคคี ของข้าราชการ ที่จะเป็นแบบอย่างแก่ประชาชน ตามแนวทางของ คสช.ในการคืนความสุขให้ประชาชน
ทั้งนี้สำหรับ โรดแมป 3 ขั้นตอน ในส่วนของข้าราชการ คือการทำอย่างไรให้ข้าราชการ เป็นแบบอย่างที่ดี ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย และเป็นการปรับความคิดของข้าราชการ แต่จะทำได้มากน้อยเพียงใด นั้น ส่วนตัวเห็นว่า ความสำนึกในการเป็นข้าราชการของประชาชน อยู่ในใจอยู่แล้ว
** ศธ.ขานรับโรดแมปปรองดอง
นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า พล.ท.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รองเสนาธิการทหารบก ในฐานะรองหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เชิญผู้บริหาร 5 องค์กรหลัก ของกระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงผู้บริหารสำนักบริหารงานการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) สำนักงานส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) และสำนักงานพระพุทธศาสนา ไปประชุมเพื่อหารือเรื่องการสร้างสมานฉันท์ปรองดองในประเทศ ตามโรดแมป ระยะที่ 1 ของ คสช. ทั้งนี้เพราะ ศธ.เป็นหน่วยงานที่มีบุคลากรในสังกัดจำนวนมาก มีครูกว่า 6 แสนคน และยังดูแลตั้งแต่นักเรียนไปจนถึงผู้สูงอายุที่อยู่ในความรับผิดชอบของกศน. เพราะฉะนั้นจึงอยากให้ ศธ.ช่วยขยายผลชี้แจงทำความเข้าใจสถานการณ์บ้านเมืองให้กับบุคลากรระดับล่าง พร้อมกันนั้น ขอให้ ศธ.เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นและสร้างกลไกพร้อมกิจกรรมที่ยั่งยืนในการสร้างความสมานฉันท์ ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้เตรียมให้มีการประชุมทำความเข้าใจในระดับเขตพื้นที่การศึกษาและกำชับให้ปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายของ คสช.รวมถึงสอดส่องเหตุการณ์ในพื้นที่และคอยรายงานมา และมีแนวโน้มว่าจะนำแนวทางของ สพฐ.มาดำเนินการในสังกัดอื่น ๆ
ปลัด ศธ. กล่าวต่อว่า ในวันนี้ (3 มิ.ย.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา ได้นัดประชุมผู้บริหาร ศธ. และระดับปฏิบัติ เวลา 09.00 น. เพื่อหารือโครงการเร่งด่วน 3 เรื่อง ได้แก่ โครงการ 1 คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ต่อ 1 นักเรียน กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) และงบประมาณเยียวยาโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวในภาคเหนือ
**"เรืองไกร-คารม" โร่รายงานตัว คสช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก คสช.ได้ออกประกาศคำสั่ง ฉบับ 42 และ 43 ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม ตั้งแต่เวลา 10.00 –12.00น. รวมทั้งสิ้น 10 คน ประกอบด้วย นายคารม พลพรกลาง ทนายความ กลุ่มนชป. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย พ.ต.อ.นริศ แสวงจิตร ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายปฏิบัติการ 4 กอ.รมน. นางหน่อย แดงเป้า น.ส.การิน ประจันทร์ นายสิทธิชัย กิตติธเนศวร ผู้ช่วย รมต.มหาดไทย นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย นายจักรพันธุ์ ยมจินดา รองประธานกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) นายบัญญัติ เย็นใจเฉื่อย และ นายณรงค์ศักดิ์ พลายอร่าม
โดยน.ส.การิน ประจันทร์ แนวร่วมกลุ่ม นปช. เป็นคนแรกที่เดินทางมารายงานตัวที่หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ จากนั้นบุคคลที่ได้รับคำสั่งคสช.ให้เข้ารายงานตัวได้ทยอยเดินทางมาถึง อาทิ นายบัญญัติ เย็นใจเฉื่อย แกนนำชมรมรักประชาธิปไตยแหลมฉบัง จ.ชลบุรี นายคารม พลพรกลาง และนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า นางหน่อย แดงเป้า แนวร่วม นปช. และ นายณรงค์ศักดิ์ พลอร่าม แนวร่วม นปช. ไม่ได้เดินทางมารายงานตัวแต่อย่างใด
ทั้งนี้ในช่วงสายวันเดียวกัน มีบุคคลที่ได้รับการปล่อยตัวจากการถูกควบคุม อาทิ นางฐิติมา ฉายแสง อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายเกรียงกมล เลาหะไพโรจน์ คนใกล้ชิด นายจาตุรนต์ฉายแสง และมีรายงานว่า นายวิม รุ่งวัฒนะจินดา อดีตเลขานุการรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ได้รับการปล่อยตัวแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา
**"เอกนัฏ"เตรียมบวชอุทิศส่วนกุศลผู้เสียชีวิต
นายเถกิง สมทรัพย์ ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์บลูสกาย แชนแนล โพสต์ขอความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ “เถกิง สมทรัพย์”โดยมีข้อความบางส่วนระบุถึงการสนทนาผ่านโปรแกรมไลน์กับ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. ว่า “ในไลน์เอกนัฏเขียนไว้อย่างนี้ครับ ผมอยากบวช เพราะเรื่องคนตายในการชุมนุม ผมสะเทือนใจมากจนถึงทุกวันนี้ ถึงอยากจะบวช คิดถึงพวกเขาและครอบครัวเขาทุกวัน เราปลอดภัย แต่มีคนตาย ผมรู้สึกเหมือนไม่ยุติธรรม เลยอยากทำอะไรให้พวกเขาเท่าที่ทำได้ เครียดที่สุดตอนที่มีเด็กตายที่ ตราด และราชประสงค์”
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบกับนายเอกนัฏ ได้ยอมรับว่า มีความตั้งใจจะบวชจริง ในเร็วๆ นี้ ซึ่งตั้งใจตั้งแต่ตอนที่ยังชุมนุม และแม้แกนนำ กปปส. จะหาเงินจ่ายเยียวยาให้ครอบครัวผู้เสียชีวิต แต่รู้สึกว่า จิตใจยังไม่สงบ อยากอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิต หากบวชแล้วตนคงจิตใจสงบขึ้น ส่วนจะจัดงานบวชวันเวลาใดนั้น ตอนนี้ยังไม่กำหนด เพราะต้องหารือกับครอบครัว และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ก่อน เนื่องจากนายสุเทพ ยังต้องการให้ตนอยู่ช่วยงานอยู่
ขณะที่ วันนี้บรรดาข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบรัฐบาล เดินทางเข้าทำงาน ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเปิดทำการเต็มรูปแบบ เป็นครั้งแรก หลังจากเริ่มทยอยทำความสะอาดพื้นที่ ตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมทั้ง มีการบิ๊กคลีนนิ่ง เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ด้านหม่อมหลวง ปนัดดา ดิศกุล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเดินทางมาที่ทำเนียบตั้งแต่เช้า เปิดเผยว่า มีบางหน่วยงานในทำเนียบรัฐบาล ที่เก็บเอกสาร สิ่งของที่ย้ายไปทำงานนอกสถานที่ไม่ทัน ซึ่งทยอยเข้าทำงานในภายหลัง ส่วนตัวยังคงทำงานทั้งที่ทำเนียบรัฐบาล และกระทรวงมหาดไทย ตามคำสั่ง คสช. แต่ยืนยัน จะทำงานทั้ง 2 ตำแหน่งโดยไม่ให้มีข้อบกพร่อง และในวันที่ 5 มิถุนายน จะเรียกประชุมส่วนราชการในทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือจัดระเบียบ และแนวทางการทำงานในเบื้องต้น ส่วนการทำบุญทำเนียบรัฐบาล เป็นเรื่องของข้าราชการ ทำเนียบรัฐบาล และต้องมีการหารือกันอีกครั้ง ระหว่าง ผู้บริหาร และข้าราชการประจำทำเนียบรัฐบาล เพราะเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งนี้ ไม่ทราบรัฐบาลชุดใหม่ จะเข้าทำงานเมื่อไร
ม.ล.ปนัดดา กล่าวด้วยว่า สำหรับการประชุม ร่วมกับ คสช. วันนี้ มีการเชิญทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมาหารือ เพื่อสรุปการดำเนินการภาพรวม ภารกิจของทุกกลุ่ม ว่าได้ทำงานเกิดความเรียบร้อยมากน้อยเพียงใดและจะมีการแนะนำข้อสั่งการว่า ให้ส่วนราชการดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยยึดหลัก ความสามัคคี ของข้าราชการ ที่จะเป็นแบบอย่างแก่ประชาชน ตามแนวทางของ คสช.ในการคืนความสุขให้ประชาชน
ทั้งนี้สำหรับ โรดแมป 3 ขั้นตอน ในส่วนของข้าราชการ คือการทำอย่างไรให้ข้าราชการ เป็นแบบอย่างที่ดี ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย และเป็นการปรับความคิดของข้าราชการ แต่จะทำได้มากน้อยเพียงใด นั้น ส่วนตัวเห็นว่า ความสำนึกในการเป็นข้าราชการของประชาชน อยู่ในใจอยู่แล้ว
** ศธ.ขานรับโรดแมปปรองดอง
นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า พล.ท.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รองเสนาธิการทหารบก ในฐานะรองหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เชิญผู้บริหาร 5 องค์กรหลัก ของกระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงผู้บริหารสำนักบริหารงานการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) สำนักงานส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) และสำนักงานพระพุทธศาสนา ไปประชุมเพื่อหารือเรื่องการสร้างสมานฉันท์ปรองดองในประเทศ ตามโรดแมป ระยะที่ 1 ของ คสช. ทั้งนี้เพราะ ศธ.เป็นหน่วยงานที่มีบุคลากรในสังกัดจำนวนมาก มีครูกว่า 6 แสนคน และยังดูแลตั้งแต่นักเรียนไปจนถึงผู้สูงอายุที่อยู่ในความรับผิดชอบของกศน. เพราะฉะนั้นจึงอยากให้ ศธ.ช่วยขยายผลชี้แจงทำความเข้าใจสถานการณ์บ้านเมืองให้กับบุคลากรระดับล่าง พร้อมกันนั้น ขอให้ ศธ.เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นและสร้างกลไกพร้อมกิจกรรมที่ยั่งยืนในการสร้างความสมานฉันท์ ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้เตรียมให้มีการประชุมทำความเข้าใจในระดับเขตพื้นที่การศึกษาและกำชับให้ปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายของ คสช.รวมถึงสอดส่องเหตุการณ์ในพื้นที่และคอยรายงานมา และมีแนวโน้มว่าจะนำแนวทางของ สพฐ.มาดำเนินการในสังกัดอื่น ๆ
ปลัด ศธ. กล่าวต่อว่า ในวันนี้ (3 มิ.ย.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา ได้นัดประชุมผู้บริหาร ศธ. และระดับปฏิบัติ เวลา 09.00 น. เพื่อหารือโครงการเร่งด่วน 3 เรื่อง ได้แก่ โครงการ 1 คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ต่อ 1 นักเรียน กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) และงบประมาณเยียวยาโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวในภาคเหนือ
**"เรืองไกร-คารม" โร่รายงานตัว คสช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก คสช.ได้ออกประกาศคำสั่ง ฉบับ 42 และ 43 ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม ตั้งแต่เวลา 10.00 –12.00น. รวมทั้งสิ้น 10 คน ประกอบด้วย นายคารม พลพรกลาง ทนายความ กลุ่มนชป. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย พ.ต.อ.นริศ แสวงจิตร ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายปฏิบัติการ 4 กอ.รมน. นางหน่อย แดงเป้า น.ส.การิน ประจันทร์ นายสิทธิชัย กิตติธเนศวร ผู้ช่วย รมต.มหาดไทย นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย นายจักรพันธุ์ ยมจินดา รองประธานกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) นายบัญญัติ เย็นใจเฉื่อย และ นายณรงค์ศักดิ์ พลายอร่าม
โดยน.ส.การิน ประจันทร์ แนวร่วมกลุ่ม นปช. เป็นคนแรกที่เดินทางมารายงานตัวที่หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ จากนั้นบุคคลที่ได้รับคำสั่งคสช.ให้เข้ารายงานตัวได้ทยอยเดินทางมาถึง อาทิ นายบัญญัติ เย็นใจเฉื่อย แกนนำชมรมรักประชาธิปไตยแหลมฉบัง จ.ชลบุรี นายคารม พลพรกลาง และนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า นางหน่อย แดงเป้า แนวร่วม นปช. และ นายณรงค์ศักดิ์ พลอร่าม แนวร่วม นปช. ไม่ได้เดินทางมารายงานตัวแต่อย่างใด
ทั้งนี้ในช่วงสายวันเดียวกัน มีบุคคลที่ได้รับการปล่อยตัวจากการถูกควบคุม อาทิ นางฐิติมา ฉายแสง อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายเกรียงกมล เลาหะไพโรจน์ คนใกล้ชิด นายจาตุรนต์ฉายแสง และมีรายงานว่า นายวิม รุ่งวัฒนะจินดา อดีตเลขานุการรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ได้รับการปล่อยตัวแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา
**"เอกนัฏ"เตรียมบวชอุทิศส่วนกุศลผู้เสียชีวิต
นายเถกิง สมทรัพย์ ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์บลูสกาย แชนแนล โพสต์ขอความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ “เถกิง สมทรัพย์”โดยมีข้อความบางส่วนระบุถึงการสนทนาผ่านโปรแกรมไลน์กับ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. ว่า “ในไลน์เอกนัฏเขียนไว้อย่างนี้ครับ ผมอยากบวช เพราะเรื่องคนตายในการชุมนุม ผมสะเทือนใจมากจนถึงทุกวันนี้ ถึงอยากจะบวช คิดถึงพวกเขาและครอบครัวเขาทุกวัน เราปลอดภัย แต่มีคนตาย ผมรู้สึกเหมือนไม่ยุติธรรม เลยอยากทำอะไรให้พวกเขาเท่าที่ทำได้ เครียดที่สุดตอนที่มีเด็กตายที่ ตราด และราชประสงค์”
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบกับนายเอกนัฏ ได้ยอมรับว่า มีความตั้งใจจะบวชจริง ในเร็วๆ นี้ ซึ่งตั้งใจตั้งแต่ตอนที่ยังชุมนุม และแม้แกนนำ กปปส. จะหาเงินจ่ายเยียวยาให้ครอบครัวผู้เสียชีวิต แต่รู้สึกว่า จิตใจยังไม่สงบ อยากอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิต หากบวชแล้วตนคงจิตใจสงบขึ้น ส่วนจะจัดงานบวชวันเวลาใดนั้น ตอนนี้ยังไม่กำหนด เพราะต้องหารือกับครอบครัว และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ก่อน เนื่องจากนายสุเทพ ยังต้องการให้ตนอยู่ช่วยงานอยู่
