xs
xsm
sm
md
lg

คสช.กลับลำตรึงLPG ยึดราคาเดิม22.63บาท/กก.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คสช.กลับลำสั่งกระทรวงพลังงานลดราคาแอลพีจีที่ปรับขึ้นเมื่อ 1 มิ.ย. 50 สตางค์ต่อ กก.หันมาใช้ราคาเดิมคือเดือน พ.ค.ที่ 22.63 บาทต่อกก. จนกว่าจะปรับโครงสร้างภาพรวมเสร็จ ส่วนนโยบายดีเซลยังคงเดินหน้ายึดราคาไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรไปก่อนจนกว่าจะปรับโครงสร้างใหญ่ ด้านผู้ค้าน้ำมันลดแก๊สโซฮอล์ลง 40 สตางค์ต่อลิตร หลังเพิ่งขึ้นไปวันเดียวแบบไม่มีเหตุผล

พล.อ.อ. ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศและรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กระทรวงพลังงานดําเนินการตรึงราคากาซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคครัวเรือนโดยให้กลับไปใช้ราคาเดิมของเดือน พ.ค.ซึ่งจะมีราคาอยู่ที่ 22.63 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) โดยการเปลี่ยนแปลงราคาจะรอจนกว่าจะดําเนินการปรับ โครงสร้างราคาแอลพีจีภาพรวมให้แล้วเสร็จ
“เกณฑ์ราคาเดิมที่จะต้องปรับขึ้นทุกเดือนๆ ละ 50 สตางค์ต่อกก.โดยเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.57 ได้ปรับขึ้นอีก 50 สตางค์ต่อกก.ทำให้ราคาแอลพีจีครัวเรือนมีราคาอยู่ที่ 23.13 บาทต่อ กก. ก็ให้กลับมาใช้ในราคาเดือน พ.ค.แทนโดยเรื่องนี้ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงพลังงานและบมจ.ปตท.ดำเนินการตรวจสอบราคาให้กลับมาจำหน่ายในราคาเดือน พ.ค.ไปก่อนจนกว่าจะมีความชัดเจนในโครงสร้างใหม่” พล.อ.อ.ประจินกล่าว

นอกจากนี้ยังเห็นชอบให้ตรึงราคาน้ำมัน ดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรต่อไปตามนโยบายเดิมจนกว่าจะมีการปรับโครงสร้าง ราคานํามันและราคาพลังงานใหเสร็จในภาพรวม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (1มิ.ย.) เวลา 17.00 น. บมจ.บางจากและ บมจ.ปตท.ได้แจ้งลดราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล์ลงทุกชนิด40 สตางค์ต่อลิตร ยกเว้นแก๊สโซฮอล์อี 85 ลดลง 20สตางค์ต่อลิตรมีผลตั้งแต่วันนี้(2มิ.ย.)เป็นต้นไป หลังจากที่ผู้ค้าน้ำมันได้แจ้งเปลี่ยนแปลงราคาขึ้นไปเมื่อวันที่ 31 พ.ค.และมีผลเพียงวันเดียวคือเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.อ ย่างไรก็ตาม การแจ้งลดราคาไม่ได้ให้เหตุผลถึงสาเหตุที่แท้จริงแต่อย่างใด

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันในเขตกทม.และปริมณฑลเป็นดังนี้ เบนซิน 95คงเดิมที่ 49.15 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่41.13 บาทต่อลิตร อี 20 อยู่ที่ 36.18 บาทต่อลิตร อี 85 อยู่ที่ 24.78 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 38.68 บาทต่อลิตร และดีเซลคงเดิมที่ 29.99 บาทต่อลิตร

พล.องอ.ประจินยังสั่งให้คงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่อัตรา 7% ออกไปอีก 1 ปี พร้อมกับเร่งปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบ โดยมอบหมายให้นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง ไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งในสัปดาห์หน้า

นอกจากนี้ยังมีโครงการเร่งด่วน คือ โครงการประกันภัยข้าวนาปี 2557 โดยให้เตรียมวงเงินไว้สำหรับจ่ายค่าเบี้ยประกัน และจ่ายค่าเสียหายที่จะเกิดขึ้น และให้มีการเร่งลงทุนขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐาน รถไฟฟ้า รางรถไฟ และถนน โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมด่วน เพื่อหาแนวทางขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงให้มีการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดน ทั้ง ไทย-มาเลเซีย, ไทย-ลาว และไทย-พม่าอย่างเป็นรูปธรรมให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้

"โครงการที่ต้องขับเคลื่อนเร่งด่วน เช่น การค้ำประกันสินเชื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพื่อให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่น และให้ผลักดันสินเชื่อที่อาศัย ผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โดยจะปล่อยกู้ให้กับลูกค้าที่มีประวัติดี ไม่เป็นหนี้เสีย รายละ 1.5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 1-3 ปีคงที่ 4.125% และเร่งแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ" พล.อ.อ.ประจิน กล่าว

สำหรับโครงการเร่งด่วนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของ 30 โครงการเร่งด่วนที่ต้องให้แล้วเสร็จในเดือนมิ.ย. ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ 30 ด้าน ที่สามารถสรุปออกมาได้เป็น 10 เรื่อง คือ 1.การใช้งบประมาณไม่เกินตัวจนผิดวินัยการคลัง 2.สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน 3.เร่งงบประมาณปี 2557 ที่ค้างอยู่ 4.แก้ไขข้อจำกัดด้านกฏหมายที่ส่งผลต่อด้านเศรษฐกิจ

5.เร่งรัดเขตเศรษฐกิจพิเศษ 6.ยึดวินัยการคลัง กฎกติกาของบริษัทมหาชน 7.จัดตั้งกองทุนเอกชน ทดแทนการลงทุนภาครัฐ 8.เพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานรัฐวิสาหกิจ 9.ผลักดันด้านพลังงานทดแทน และ 10.เน้นความโปร่งใสตรวจสอบได้.
กำลังโหลดความคิดเห็น