ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมกกต.วานนี้ ( 27 พ.ค.) ที่ประชุมกกต.ได้มีการพิจารณากรณีหลังมีการรัฐประหาร และยกเลิกการบังคับใช้รัฐธรรมนูญ 50 แล้วเรื่องที่หน่วยงานรัฐเสนอขอความเห็นชอบจาก กกต. ตามมาตรา 181 ของรัฐธรรมนูญ โดยคงค้างการพิจารณามาก่อนการรัฐประหารประมาณ 100 กว่าเรื่อง กกต.จะดำเนินการอย่างไร โดยที่ประชุมมีมติเห็นว่า กกต.ไม่มีอำนาจพิจารณาแล้ว และให้ทางสำนักงาน ส่งเรื่องค้างดังกล่าวกลับไปยังหน่วยงานที่เสนอเรื่อง
ขณะเดียวกัน กรณีเรื่องที่ กกต.มีมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 181 ก่อนที่จะมีการรัฐประหารนั้น ก็ให้ทางสำนักงานเร่งแจ้งไปยังหน่วยงานดังกล่าวทราบโดยเร็ว อย่างเช่น กรณีที่ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.)ได้ขอความเห็นชอบ ใช้งบกลางจำนวน 2,309 ล้านบาท เพื่อจ่ายเป็นค่าเบี้ยเลี้ยง ให้กับเจ้าหน้าที่ที่มาปฏิบัติงานที่ ศรส. ซึ่ง กกต.ก็ได้เห็นชอบไปเมื่อวันที่ 21 พ.ค. หลังจากทางสำนักงบประมาณ มีหนังสือแจ้งยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรมาว่า หน่วยงานต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ ที่ถูกส่งมาปฏิบัติหน้าที่ ที่ศรส. สามารถจ่ายเงินค่าเบี้ยเลี้ยงให้กับผู้
ปฏิบัติงานไปก่อนได้ แล้วจึงค่อยมาทำเรื่องของอนุมัติภายหลังได้
อีกทั้งที่ประชุมกกต. ยังมีมติว่า ผู้สมัคร ส.ว.จากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 30 มี.ค. ไม่ต้องแจ้งบัญชีค่าใช้จ่ายในการ เลือกตั้ง เนื่องจากพ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. สิ้นผลไป แต่ในส่วนของเรื่องร้องเรียนร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. ที่ประชุมกกต. มีมติให้ดำเนินการสืบสวนต่อไป เนื่องจากแม้ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. จะสิ้นผลไป แต่ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 24 ให้ พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ยังคงอยู่ กกต.จึงต้องปฏิบัติหน้าที่ตามที่ พ.ร.บ.กกต.กำหนด
ขณะเดียวกันกฎหมายก็กำหนดให้การดำเนินการของ กกต.ในกรณีนี้ ยึดโยงกับศาลยุติธรรม และเรื่องร้องเรียน ร้องคัดค้านกกต.ได้เริ่มพิจารณาไปแล้ว จึงเห็นว่า เพื่อเลี่ยงต่อการถูกตีความ ฐานละเว้น กกต.ต้องสืบสวนสอบสวนกรณีเรื่องร้องเรียน ร้องคัดค้านต่อไป และหากเห็นว่ามีมูลความผิดต้องเสนอเพิกถอนสิทธิ หรือสั่งเลือกตั้งใหม่ ก็ให้ส่งศาลยุติธรรมเป็นผู้วินิจฉัย หากศาลฯ เห็นว่า กกต. หรือศาลไม่มีอำนาจพิจารณาวินิจฉัย เนื่องจากเหตุมีการยกเลิกกฎหมายเลือกตั้งไปแล้ว ก็ย่อมเป็นที่สุด ไม่มีผู้ใดโต้แย้งได้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการเลือกตั้งท้องถิ่นช่วงสุดสัปดาห์นี้ ราว 30 กว่าแห่ง ที่ประชุมกกต. มีมติให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปก่อน เพื่อให้สอดคล้องกับประกาศ คสช. ฉบับที่ 7 ที่ห้ามชุมนุมทางการเมือง โดยในการประชุมกกต.วันนี้ ( 28 พ.ค.) ทางสำนักงานฯจะมีการเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาว่า จะเลื่อนเป็นเวลา 30 วัน หรือ 45 วัน ตามที่เคยปฏิบัติก่อนหน้านี้
ขณะเดียวกัน กรณีเรื่องที่ กกต.มีมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 181 ก่อนที่จะมีการรัฐประหารนั้น ก็ให้ทางสำนักงานเร่งแจ้งไปยังหน่วยงานดังกล่าวทราบโดยเร็ว อย่างเช่น กรณีที่ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.)ได้ขอความเห็นชอบ ใช้งบกลางจำนวน 2,309 ล้านบาท เพื่อจ่ายเป็นค่าเบี้ยเลี้ยง ให้กับเจ้าหน้าที่ที่มาปฏิบัติงานที่ ศรส. ซึ่ง กกต.ก็ได้เห็นชอบไปเมื่อวันที่ 21 พ.ค. หลังจากทางสำนักงบประมาณ มีหนังสือแจ้งยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรมาว่า หน่วยงานต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ ที่ถูกส่งมาปฏิบัติหน้าที่ ที่ศรส. สามารถจ่ายเงินค่าเบี้ยเลี้ยงให้กับผู้
ปฏิบัติงานไปก่อนได้ แล้วจึงค่อยมาทำเรื่องของอนุมัติภายหลังได้
อีกทั้งที่ประชุมกกต. ยังมีมติว่า ผู้สมัคร ส.ว.จากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 30 มี.ค. ไม่ต้องแจ้งบัญชีค่าใช้จ่ายในการ เลือกตั้ง เนื่องจากพ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. สิ้นผลไป แต่ในส่วนของเรื่องร้องเรียนร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. ที่ประชุมกกต. มีมติให้ดำเนินการสืบสวนต่อไป เนื่องจากแม้ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. จะสิ้นผลไป แต่ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 24 ให้ พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ยังคงอยู่ กกต.จึงต้องปฏิบัติหน้าที่ตามที่ พ.ร.บ.กกต.กำหนด
ขณะเดียวกันกฎหมายก็กำหนดให้การดำเนินการของ กกต.ในกรณีนี้ ยึดโยงกับศาลยุติธรรม และเรื่องร้องเรียน ร้องคัดค้านกกต.ได้เริ่มพิจารณาไปแล้ว จึงเห็นว่า เพื่อเลี่ยงต่อการถูกตีความ ฐานละเว้น กกต.ต้องสืบสวนสอบสวนกรณีเรื่องร้องเรียน ร้องคัดค้านต่อไป และหากเห็นว่ามีมูลความผิดต้องเสนอเพิกถอนสิทธิ หรือสั่งเลือกตั้งใหม่ ก็ให้ส่งศาลยุติธรรมเป็นผู้วินิจฉัย หากศาลฯ เห็นว่า กกต. หรือศาลไม่มีอำนาจพิจารณาวินิจฉัย เนื่องจากเหตุมีการยกเลิกกฎหมายเลือกตั้งไปแล้ว ก็ย่อมเป็นที่สุด ไม่มีผู้ใดโต้แย้งได้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการเลือกตั้งท้องถิ่นช่วงสุดสัปดาห์นี้ ราว 30 กว่าแห่ง ที่ประชุมกกต. มีมติให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปก่อน เพื่อให้สอดคล้องกับประกาศ คสช. ฉบับที่ 7 ที่ห้ามชุมนุมทางการเมือง โดยในการประชุมกกต.วันนี้ ( 28 พ.ค.) ทางสำนักงานฯจะมีการเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาว่า จะเลื่อนเป็นเวลา 30 วัน หรือ 45 วัน ตามที่เคยปฏิบัติก่อนหน้านี้