หากไม่อยากเป็นอเวไนยสัตว์ก็จงรู้ไว้ว่าทางออกฯ หนึ่งเดียวคือ
การเอาชนะคนชั่วไร้สำนึกของคนดี
สถานการณ์ของประเทศไทยในขณะนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าตั้งอยู่บนความไม่แน่นอนที่จะเกิดความไม่สงบจากความขัดแย้งทางการเมือง
ฝ่ายหนึ่งคือฝ่ายของระบอบทักษิณที่เป็นรัฐบาลอยู่ในขณะนี้ไม่ยอมลงจากอำนาจตามประเพณีปฏิบัติของนักการเมืองที่มีจริยธรรมคุณธรรม ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งที่นำโดย กปปส.ก็รุกไล่ให้ฝ่ายระบอบทักษิณคืนอำนาจให้กับประชาชนโดยให้มีการตั้งนายกฯ และรัฐบาลที่จะเข้ามาปฏิรูปการเมืองในประเด็นสำคัญ เช่น การปฏิรูปพรรคการเมืองและการเลือกตั้งเสียก่อนที่จะมีการเลือกตั้งเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจอนาคตของตนเองต่อไป
นับจากการชุมนุมของ กปปส. ในปลายเดือน ต.ค. 56 ที่ผ่านมา ฝ่ายของระบอบทักษิณจากที่เคยครองอำนาจที่ดูเหมือนจะไร้ผู้ต่อต้านได้พ่ายแพ้ถอยร่นในทุกๆ ด้าน ต้องยอมถอนกฎหมายสำคัญซึ่งล้วนหวังจะเอื้อประโยชน์ให้กับทักษิณและระบอบของเขาไม่ว่าจะเป็น กฎหมายนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง การแก้ไขวิธีการได้มาซึ่ง ส.ว. กฎหมายกู้เงินขนาดใหญ่ ออกไปจากการพิจารณาของสภาฯ ทั้งๆ ที่เป็นฝ่ายเสียงข้างมาก
นับจากการยุบสภาเมื่อ 9 ธ.ค. 56 การพยายามดื้อแพ่งยื้ออยู่ในอำนาจจึงกระทำโดยปราศจากความชอบธรรมทั้งทางกฎหมายและจริยธรรมหรือคุณธรรม อาศัยแต่เพียงการข่มขู่ว่าจะเกิดการใช้ความรุนแรงเพื่อสร้างแรงกดดันต่อสังคมให้พวกตนได้อยู่ในอำนาจต่อไป
ขณะที่การอยู่ต่อโดยปราศจากอำนาจเพราะเป็นรัฐบาลรักษาการก็แสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาประเทศที่กำลังเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ ได้แต่อย่างใด จวบจนบัดนี้เป็นเวลาเกือบปีแล้ว การทอดทิ้งชาวนาประมาณ 1 ล้านครอบครัวเพราะรัฐบาลไม่สามารถขายข้าวหรือกู้เงินมาชำระค่าข้าวที่ชาวนาเอามาจำนำเป็นตัวอย่างที่ดี ไม่ได้เงินค่าจำนำข้าวก็ส่งผลร้ายกับผู้ที่มีรายได้จากการขายข้าวปีละไม่เกิน 2 ครั้งอยู่แล้ว ที่แย่มากไปกว่านั้นก็คือ ฝนและฤดูกาลผลิตข้าวนาปีกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่ชาวนาผู้ผลิตข้าวจะเอาเงินที่ไหนไปทำทุนปลูกข้าวในฤดูกาลผลิตใหม่
เศรษฐกิจไทยในอนาคตจะก้าวเดินไปได้อย่างไร หากคนอีก 1 ล้านครอบครัวไม่มีเงินจับจ่ายใช้สอย และคนอีกกว่า 1 ล้านคนที่จะไม่สามารถเริ่มผลิตข้าวให้กับคนอื่นๆ ในประเทศได้ใช้บริโภค และหากข้าวมีไม่พอเพียงจะสามารถส่งออกไปขายเอารายได้เข้าประเทศได้อย่างไร
ทางออกของระบอบทักษิณในขณะนี้จึงเป็นไปอย่างสิ้งหวัง ทำได้แต่เพียงการดื้อแพ่งอยู่ในอำนาจเพื่อรอการเลือกตั้งที่จะสร้างความชอบธรรมในการเข้าสู่อำนาจ แต่ก็เป็นความหวังที่เป็นไปได้ยาก
ความขัดแย้งทางการเมืองในขณะนี้มิได้เกิดจากการปฏิรูปก่อนเลือกตั้งหรือกลับกัน ไม่ใช่การขัดแย้งเรื่องอุดมการณ์ทางการเมือง หากแต่เป็นความขัดแย้งระหว่างคนดีที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศที่หมดความอดทนกับคนชั่วเพียงน้อยนิดที่ไร้สำนึกแต่ได้เข้ามามีอำนาจทางการเมือง
ดังนั้นการจะเข้ามาสู่อำนาจอีกครั้งหนึ่งของคนชั่วไร้สำนึกจึงถูกคนดีขัดขวาง ดูการเลือกตั้งเมื่อ 2 ก.พ. 57 ที่ผ่านมาก็ได้ว่าผลเป็นอย่างไร เป็นที่ชัดเจนหรือไม่ว่าคนดีส่วนใหญ่เจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริงไม่อดทนยอมคนชั่วไร้สำนึกที่เป็นส่วนน้อยยึดกุมอำนาจของพวกเขาอีกต่อไปแล้ว
กฎหมายในขณะนี้จึงเป็นเพียงเครื่องมือที่ต้องนำมาใช้เพื่อสนับสนุนเจตนารมณ์ของเจ้าของอำนาจอธิปไตย อย่าได้นำมาตั้งแง่ เล่นคำ ตีความ เป็นข้ออ้างอีกต่อไปเลยเพราะประเทศไทยต้องเดินก้าวไปข้างหน้า
ระบอบทักษิณและรัฐบาลของเขาในขณะนี้แม้มีตัวตนอยู่ แต่ก็เป็นเหมือนเช่นภูติผีหรือวิญญาณที่ล่องลอยคล้ายหมอกควัน สัมผัสไม่ได้ เรียกร้องให้ทำอะไรก็ไม่ได้ รอเพียงแต่สายลมของวันใหม่พัดให้สูญสลายหายไป หากชาวนาหรือใครจะมาติดต่อ นายบุญทรง นายกฯ กำมะลอ จะไปจุดธูปติดต่อได้ที่ใดหรือเมื่อติดต่อพูดคุยได้แล้วจะสามารถทำอะไรได้บ้าง จะกล้าลงนามในหนังสือซักฉบับหรือไม่?
ในอีกด้านหนึ่งการเข้าไปทำงานที่ทำเนียบฯ ของกำนันสุเทพเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์อย่างเป็นรูปธรรมมีตัวมีตนว่าขบวนการมวลมหาประชาชนสามารถสร้างสถานการณ์ “อำนาจคู่” และกดดันจนกระทั่งอยู่ในสภาวะที่เริ่มคว้ารัฏฐาธิปัตย์ในระดับที่เอื้อมมือมาแตะเชิงสัญลักษณ์ได้แล้วในวันนี้
มันเป็น “ชัยชนะเชิงสัญลักษณ์” ก้าวใหญ่ของการยึดรัฏฐาธิปัตย์กลับมาเป็นของมวลมหาประชาชนที่มีกำนันสุเทพและกปปส. เป็นร่างทรง เป็นสิ่งที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่เคยทำได้มาก่อน ขบวนการนักศึกษา 14 ตุลา 2516 ก็ทำไม่ได้ ภาคประชาชนที่ต่อสู้เผด็จการทหารในช่วงพฤษภาทมิฬ 2535 ก็ทำไม่ได้ ครั้งนี้ต้องถือว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทยสมัยใหม่เลยก็ว่าได้
ถึงเวลาแล้วคนเสื้อแดงที่ไปชุมนุมกับแกนนำเสื้อแดงก็ดี คนในรัฐบาลที่ยังยื้อดื้ออยู่ในอำนาจก็ดี หรือข้าราชการที่ยังคอยรับใช้ระบอบทักษิณอยู่ก็ดี ท่านกำลังทำตัวเป็นเสมือนอเวไนยสัตว์เป็นเสมือนดอกบัวที่จมอยู่ในโคลนตมรอวันถูกปลาเต่ากัดกินหรือเน่าเปื่อยไม่สามารถโผล่พ้นเหนือน้ำรับแสงสว่างแห่งชีวิต
หากระบอบทักษิณเป็นอุปสรรคทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลองก็ต้องกำจัดออกไป เช่นเดียวกับผู้ที่มีหน้าที่ที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในประเทศที่ได้รับเกียรติยืนอยู่แถวหน้าเวลามีงานพิธี ถึงเวลาแล้วที่ท่านต้องมีความกล้าหาญทางจริยธรรมทำหน้าที่ “ผู้ใหญ่” ของท่าน อย่าต้องให้คนยืนแถวหลังสุดกู่ “กำนัน” ร่างทรงประชาชนมาทำหน้าที่แทนอีกต่อไปเลย
ทางออกของประเทศไทยในสถานการณ์ปัจจุบันจึงอยู่ที่การสร้าง “อำนาจบังคับ” ของมวลมหาประชาชนเพื่อขับไล่ภูติผีที่เป็นดุจดั่งหมอกควันที่ปกคลุมทางเดินของประเทศให้ออกไป
การเอาชนะคนชั่วไร้สำนึกของคนดี
สถานการณ์ของประเทศไทยในขณะนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าตั้งอยู่บนความไม่แน่นอนที่จะเกิดความไม่สงบจากความขัดแย้งทางการเมือง
ฝ่ายหนึ่งคือฝ่ายของระบอบทักษิณที่เป็นรัฐบาลอยู่ในขณะนี้ไม่ยอมลงจากอำนาจตามประเพณีปฏิบัติของนักการเมืองที่มีจริยธรรมคุณธรรม ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งที่นำโดย กปปส.ก็รุกไล่ให้ฝ่ายระบอบทักษิณคืนอำนาจให้กับประชาชนโดยให้มีการตั้งนายกฯ และรัฐบาลที่จะเข้ามาปฏิรูปการเมืองในประเด็นสำคัญ เช่น การปฏิรูปพรรคการเมืองและการเลือกตั้งเสียก่อนที่จะมีการเลือกตั้งเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจอนาคตของตนเองต่อไป
นับจากการชุมนุมของ กปปส. ในปลายเดือน ต.ค. 56 ที่ผ่านมา ฝ่ายของระบอบทักษิณจากที่เคยครองอำนาจที่ดูเหมือนจะไร้ผู้ต่อต้านได้พ่ายแพ้ถอยร่นในทุกๆ ด้าน ต้องยอมถอนกฎหมายสำคัญซึ่งล้วนหวังจะเอื้อประโยชน์ให้กับทักษิณและระบอบของเขาไม่ว่าจะเป็น กฎหมายนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง การแก้ไขวิธีการได้มาซึ่ง ส.ว. กฎหมายกู้เงินขนาดใหญ่ ออกไปจากการพิจารณาของสภาฯ ทั้งๆ ที่เป็นฝ่ายเสียงข้างมาก
นับจากการยุบสภาเมื่อ 9 ธ.ค. 56 การพยายามดื้อแพ่งยื้ออยู่ในอำนาจจึงกระทำโดยปราศจากความชอบธรรมทั้งทางกฎหมายและจริยธรรมหรือคุณธรรม อาศัยแต่เพียงการข่มขู่ว่าจะเกิดการใช้ความรุนแรงเพื่อสร้างแรงกดดันต่อสังคมให้พวกตนได้อยู่ในอำนาจต่อไป
ขณะที่การอยู่ต่อโดยปราศจากอำนาจเพราะเป็นรัฐบาลรักษาการก็แสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาประเทศที่กำลังเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ ได้แต่อย่างใด จวบจนบัดนี้เป็นเวลาเกือบปีแล้ว การทอดทิ้งชาวนาประมาณ 1 ล้านครอบครัวเพราะรัฐบาลไม่สามารถขายข้าวหรือกู้เงินมาชำระค่าข้าวที่ชาวนาเอามาจำนำเป็นตัวอย่างที่ดี ไม่ได้เงินค่าจำนำข้าวก็ส่งผลร้ายกับผู้ที่มีรายได้จากการขายข้าวปีละไม่เกิน 2 ครั้งอยู่แล้ว ที่แย่มากไปกว่านั้นก็คือ ฝนและฤดูกาลผลิตข้าวนาปีกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่ชาวนาผู้ผลิตข้าวจะเอาเงินที่ไหนไปทำทุนปลูกข้าวในฤดูกาลผลิตใหม่
เศรษฐกิจไทยในอนาคตจะก้าวเดินไปได้อย่างไร หากคนอีก 1 ล้านครอบครัวไม่มีเงินจับจ่ายใช้สอย และคนอีกกว่า 1 ล้านคนที่จะไม่สามารถเริ่มผลิตข้าวให้กับคนอื่นๆ ในประเทศได้ใช้บริโภค และหากข้าวมีไม่พอเพียงจะสามารถส่งออกไปขายเอารายได้เข้าประเทศได้อย่างไร
ทางออกของระบอบทักษิณในขณะนี้จึงเป็นไปอย่างสิ้งหวัง ทำได้แต่เพียงการดื้อแพ่งอยู่ในอำนาจเพื่อรอการเลือกตั้งที่จะสร้างความชอบธรรมในการเข้าสู่อำนาจ แต่ก็เป็นความหวังที่เป็นไปได้ยาก
ความขัดแย้งทางการเมืองในขณะนี้มิได้เกิดจากการปฏิรูปก่อนเลือกตั้งหรือกลับกัน ไม่ใช่การขัดแย้งเรื่องอุดมการณ์ทางการเมือง หากแต่เป็นความขัดแย้งระหว่างคนดีที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศที่หมดความอดทนกับคนชั่วเพียงน้อยนิดที่ไร้สำนึกแต่ได้เข้ามามีอำนาจทางการเมือง
ดังนั้นการจะเข้ามาสู่อำนาจอีกครั้งหนึ่งของคนชั่วไร้สำนึกจึงถูกคนดีขัดขวาง ดูการเลือกตั้งเมื่อ 2 ก.พ. 57 ที่ผ่านมาก็ได้ว่าผลเป็นอย่างไร เป็นที่ชัดเจนหรือไม่ว่าคนดีส่วนใหญ่เจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริงไม่อดทนยอมคนชั่วไร้สำนึกที่เป็นส่วนน้อยยึดกุมอำนาจของพวกเขาอีกต่อไปแล้ว
กฎหมายในขณะนี้จึงเป็นเพียงเครื่องมือที่ต้องนำมาใช้เพื่อสนับสนุนเจตนารมณ์ของเจ้าของอำนาจอธิปไตย อย่าได้นำมาตั้งแง่ เล่นคำ ตีความ เป็นข้ออ้างอีกต่อไปเลยเพราะประเทศไทยต้องเดินก้าวไปข้างหน้า
ระบอบทักษิณและรัฐบาลของเขาในขณะนี้แม้มีตัวตนอยู่ แต่ก็เป็นเหมือนเช่นภูติผีหรือวิญญาณที่ล่องลอยคล้ายหมอกควัน สัมผัสไม่ได้ เรียกร้องให้ทำอะไรก็ไม่ได้ รอเพียงแต่สายลมของวันใหม่พัดให้สูญสลายหายไป หากชาวนาหรือใครจะมาติดต่อ นายบุญทรง นายกฯ กำมะลอ จะไปจุดธูปติดต่อได้ที่ใดหรือเมื่อติดต่อพูดคุยได้แล้วจะสามารถทำอะไรได้บ้าง จะกล้าลงนามในหนังสือซักฉบับหรือไม่?
ในอีกด้านหนึ่งการเข้าไปทำงานที่ทำเนียบฯ ของกำนันสุเทพเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์อย่างเป็นรูปธรรมมีตัวมีตนว่าขบวนการมวลมหาประชาชนสามารถสร้างสถานการณ์ “อำนาจคู่” และกดดันจนกระทั่งอยู่ในสภาวะที่เริ่มคว้ารัฏฐาธิปัตย์ในระดับที่เอื้อมมือมาแตะเชิงสัญลักษณ์ได้แล้วในวันนี้
มันเป็น “ชัยชนะเชิงสัญลักษณ์” ก้าวใหญ่ของการยึดรัฏฐาธิปัตย์กลับมาเป็นของมวลมหาประชาชนที่มีกำนันสุเทพและกปปส. เป็นร่างทรง เป็นสิ่งที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่เคยทำได้มาก่อน ขบวนการนักศึกษา 14 ตุลา 2516 ก็ทำไม่ได้ ภาคประชาชนที่ต่อสู้เผด็จการทหารในช่วงพฤษภาทมิฬ 2535 ก็ทำไม่ได้ ครั้งนี้ต้องถือว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทยสมัยใหม่เลยก็ว่าได้
ถึงเวลาแล้วคนเสื้อแดงที่ไปชุมนุมกับแกนนำเสื้อแดงก็ดี คนในรัฐบาลที่ยังยื้อดื้ออยู่ในอำนาจก็ดี หรือข้าราชการที่ยังคอยรับใช้ระบอบทักษิณอยู่ก็ดี ท่านกำลังทำตัวเป็นเสมือนอเวไนยสัตว์เป็นเสมือนดอกบัวที่จมอยู่ในโคลนตมรอวันถูกปลาเต่ากัดกินหรือเน่าเปื่อยไม่สามารถโผล่พ้นเหนือน้ำรับแสงสว่างแห่งชีวิต
หากระบอบทักษิณเป็นอุปสรรคทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลองก็ต้องกำจัดออกไป เช่นเดียวกับผู้ที่มีหน้าที่ที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในประเทศที่ได้รับเกียรติยืนอยู่แถวหน้าเวลามีงานพิธี ถึงเวลาแล้วที่ท่านต้องมีความกล้าหาญทางจริยธรรมทำหน้าที่ “ผู้ใหญ่” ของท่าน อย่าต้องให้คนยืนแถวหลังสุดกู่ “กำนัน” ร่างทรงประชาชนมาทำหน้าที่แทนอีกต่อไปเลย
ทางออกของประเทศไทยในสถานการณ์ปัจจุบันจึงอยู่ที่การสร้าง “อำนาจบังคับ” ของมวลมหาประชาชนเพื่อขับไล่ภูติผีที่เป็นดุจดั่งหมอกควันที่ปกคลุมทางเดินของประเทศให้ออกไป