นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึคงสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันว่า การเมืองจะหาทางออกไม่ได้ หากรัฐบาลยังต้องการเข้าสู่อำนาจโดยไม่คำนึงถึงสาเหตุของปัญหา ว่าผู้ก่อวิกฤตคือพรรคเพื่อไทยในช่วงที่เป็นรัฐบาล การไม่ยอมรับความจริงทำให้ประเทศไม่มีความหวังที่จะเดินหน้าสู่การปรองดอง เพราะมีการอ้างข้อกฎหมายเฉพาะกรณีได้เปรียบ และได้ประโยชน์ แต่ถ้าเสียประโยชน์จะมีกระบวนการโจมตี บิดเบือน ลดความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรม บ่งบอกคุณลักษณะของพรรคเพื่อไทย เห็นกฎหมายเป็นแค่เครื่องอำนวยความสะดวกตามความต้องการ และจะเป็นอุปสรรคทันทีหากกฎหมายไม่เป็นไปตามความต้องการของตัวเอง จึงเห็นว่าประเด็นที่ควร พิจารณาคือ เรื่องความชอบธรรมมากกว่า
" คุณเฉลิม อยู่บำรุง ทำงานใน ศอ.รส. ในฐานะอะไร การอ้างว่าต้องรอประกาศราชกิจจานุเบกษานั้น ฟังไม่ขึ้น เพราะพ้นตำแหน่งไปแล้ว เช่นเดียวกับกรณีของ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ที่จะฟ้องตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แสดงว่าไม่เคารพกฎหมาย แต่กลับใช้กฎหมายมาต่อรอง รัฐบาลอ้างว่ามีอำนาจทูลเกล้าฯ กฤษฎีกาได้ แต่อ้างว่าไม่แน่ใจที่จะทูลเกล้าฯ ตำแหน่งประธานวุฒิสภา แสดงว่าเลือกอ้างกฎหมายเฉพาะที่เป็นประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น ทางออกเดียวคือ รัฐบาลต้องเสียสละ การอ้างข้อกฎหมายเพื่อตัวเอง จะยิ่งสร้างความขัดแย้งมากขึ้น ในขณะที่มีปัญหามากมายรอรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มมาแก้ไข"
นายชวนนท์ กล่าวด้วยว่า มีปัญหาที่รอรัฐบาลแก้ไขอย่างน้อย 4 เรื่องที่สำคัญคือ
1.โครงการจำนำข้าว ยังมีชาวนาที่ยังไม่ได้รับเงินอีกประมาณ 9 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะไม่มีวันได้รับเงิน จนกว่าจะมีรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม เพราะเงิน 2 หมื่นล้านบาท ที่ของบกลางมานั้น เป็นก้อนสุดท้ายที่นำมาชำระให้ชาวนา การระบายข้าว ก็ต้องนำเงินที่ได้ไปชำระคืนงบกลางก่อน จึงต้องถามว่า นายนิวัฒน์ธำรง จะแก้ปัญหาอย่างไร ซึ่งมีวิธีเดียวคือ นายนิวัฒน์ธำรง ต้องถอยออกไป
2. ปัญหาภัยแล้ง จะเป็นปัญหาหนักของไทย เพราะน้ำฝนน้อยกว่าปกติ แต่รัฐบาลไม่มีท่าทีในการรับรู้และสะท้อนแนวทางแก้ปัญหาแต่อย่างใด
3. เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ภาคเหนือ ซึ่งพื้นที่ประสบภัยล้วนเป็นฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย แต่มีการร้องเรียนมายัง นายอัศวิน วิภูศิริ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐเลย ในขณะที่มีพื้นที่เสียหาย 13 อำเภอ 51 ตำบล กว่า 400 หมูบ้าน เกิดอาฟเตอร์ช็อก 696 ครั้ง จึงมีปัญหาเรื่องการฟื้นฟูโครงสร้างที่รัฐต้องเร่งแก้ไข รวมถึงการดูแลจิตใจของประชาชนที่ยังหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะไม่เคยเกิดกับประเทศไทยมาก่อน ต้องมีรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มไปแก้ไข และพรรคจะจัดตั้งกองทุนฟื้นฟู รวมถึงทีมบรรเทาด้านจิตวิทยาลงพื้นทีด้วย
4. เหตุไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉพาะเดือนเมษายนมีผู้เสียชีวิตกว่า 20 คน เหตุรุนแรงลุกลามไปยัง หาดใหญ่ และสงขลา ซึ่งปัญหาเกิดจากรัฐบาลตั้ง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เป็นเลขาฯ สมช. โดยมุ่งแต่เรื่องการตลาด และเมื่อนายถวิล เปลี่ยนศรี กลับมาเป็น เลขาฯสมช. ก็ถูกตัดอำนาจ ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงการทำงานด้านความมั่นคงอย่างแท้จริง นอกจากนี้ รัฐบาลไม่มีอำนาจเต็ม ทำให้เพิ่มความรุนแรงยกระดับก่อการร้ายหวังแบ่งแยกดินแดน
"นายนิวัฒน์ธำรง ต้องเสียสละทันที เลิกอ้างข้อกฎหมายที่เป็นประโยชน์ตัวเอง มีหน้าที่ในการแก้ปัญหาเพื่อประโยชน์ประชาชนเท่านั้น นายนิวัฒน์ธำรง ลาออกได้ เพราะไม่มีหนทางที่จะเป็นทางออกของประเทศได้ หากอ้างกฎหมายเพียงในส่วนที่ตัวเองได้ประโยชน์ จึงต้องเดินหน้าปฏิรูป ให้มีการเลือกตั้งที่ทุกฝ่ายยอมรับ แต่ถ้ายังรับใช้ตระกูลชินวัตร ผมเชื่อว่า จบไม่สวย" นายชวนนท์ กล่าว
" คุณเฉลิม อยู่บำรุง ทำงานใน ศอ.รส. ในฐานะอะไร การอ้างว่าต้องรอประกาศราชกิจจานุเบกษานั้น ฟังไม่ขึ้น เพราะพ้นตำแหน่งไปแล้ว เช่นเดียวกับกรณีของ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ที่จะฟ้องตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แสดงว่าไม่เคารพกฎหมาย แต่กลับใช้กฎหมายมาต่อรอง รัฐบาลอ้างว่ามีอำนาจทูลเกล้าฯ กฤษฎีกาได้ แต่อ้างว่าไม่แน่ใจที่จะทูลเกล้าฯ ตำแหน่งประธานวุฒิสภา แสดงว่าเลือกอ้างกฎหมายเฉพาะที่เป็นประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น ทางออกเดียวคือ รัฐบาลต้องเสียสละ การอ้างข้อกฎหมายเพื่อตัวเอง จะยิ่งสร้างความขัดแย้งมากขึ้น ในขณะที่มีปัญหามากมายรอรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มมาแก้ไข"
นายชวนนท์ กล่าวด้วยว่า มีปัญหาที่รอรัฐบาลแก้ไขอย่างน้อย 4 เรื่องที่สำคัญคือ
1.โครงการจำนำข้าว ยังมีชาวนาที่ยังไม่ได้รับเงินอีกประมาณ 9 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะไม่มีวันได้รับเงิน จนกว่าจะมีรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม เพราะเงิน 2 หมื่นล้านบาท ที่ของบกลางมานั้น เป็นก้อนสุดท้ายที่นำมาชำระให้ชาวนา การระบายข้าว ก็ต้องนำเงินที่ได้ไปชำระคืนงบกลางก่อน จึงต้องถามว่า นายนิวัฒน์ธำรง จะแก้ปัญหาอย่างไร ซึ่งมีวิธีเดียวคือ นายนิวัฒน์ธำรง ต้องถอยออกไป
2. ปัญหาภัยแล้ง จะเป็นปัญหาหนักของไทย เพราะน้ำฝนน้อยกว่าปกติ แต่รัฐบาลไม่มีท่าทีในการรับรู้และสะท้อนแนวทางแก้ปัญหาแต่อย่างใด
3. เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ภาคเหนือ ซึ่งพื้นที่ประสบภัยล้วนเป็นฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย แต่มีการร้องเรียนมายัง นายอัศวิน วิภูศิริ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐเลย ในขณะที่มีพื้นที่เสียหาย 13 อำเภอ 51 ตำบล กว่า 400 หมูบ้าน เกิดอาฟเตอร์ช็อก 696 ครั้ง จึงมีปัญหาเรื่องการฟื้นฟูโครงสร้างที่รัฐต้องเร่งแก้ไข รวมถึงการดูแลจิตใจของประชาชนที่ยังหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะไม่เคยเกิดกับประเทศไทยมาก่อน ต้องมีรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มไปแก้ไข และพรรคจะจัดตั้งกองทุนฟื้นฟู รวมถึงทีมบรรเทาด้านจิตวิทยาลงพื้นทีด้วย
4. เหตุไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉพาะเดือนเมษายนมีผู้เสียชีวิตกว่า 20 คน เหตุรุนแรงลุกลามไปยัง หาดใหญ่ และสงขลา ซึ่งปัญหาเกิดจากรัฐบาลตั้ง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เป็นเลขาฯ สมช. โดยมุ่งแต่เรื่องการตลาด และเมื่อนายถวิล เปลี่ยนศรี กลับมาเป็น เลขาฯสมช. ก็ถูกตัดอำนาจ ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงการทำงานด้านความมั่นคงอย่างแท้จริง นอกจากนี้ รัฐบาลไม่มีอำนาจเต็ม ทำให้เพิ่มความรุนแรงยกระดับก่อการร้ายหวังแบ่งแยกดินแดน
"นายนิวัฒน์ธำรง ต้องเสียสละทันที เลิกอ้างข้อกฎหมายที่เป็นประโยชน์ตัวเอง มีหน้าที่ในการแก้ปัญหาเพื่อประโยชน์ประชาชนเท่านั้น นายนิวัฒน์ธำรง ลาออกได้ เพราะไม่มีหนทางที่จะเป็นทางออกของประเทศได้ หากอ้างกฎหมายเพียงในส่วนที่ตัวเองได้ประโยชน์ จึงต้องเดินหน้าปฏิรูป ให้มีการเลือกตั้งที่ทุกฝ่ายยอมรับ แต่ถ้ายังรับใช้ตระกูลชินวัตร ผมเชื่อว่า จบไม่สวย" นายชวนนท์ กล่าว
