เอพี - โมนิกา ลูวินสกี อดีตเจ้าหน้าที่ฝึกงานในทำเนียบขาวเปิดเผยกับนิตยสารวานิตีแฟร์ที่จะวางแผงในเดือนนี้เปิดเผยความรู้สึกต่อสาธารณะล่าสุดว่า “ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เจ้านายของเธอ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ บิล คลินตัน หาผลประโยชน์จากเธอในขณะที่เขาดำรงตำแหน่ง”
โมนิกา ลูวินสกี ในวัย 40 ปี อดีตเจ้าหน้าที่ฝึกงานทำเนียบขาวกล่าวยืนยันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ บิล คลินตัน นั้น เป็นลักษณะที่เต็มใจทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าหากมีการบีบบังคับเกี่ยวข้อง ซึ่งก็คงหมายถึงภายหลังจากนั้นที่บรรดาคนวงในของคลินตันพยายามที่จะลดความน่าเชื่อถือของเธอลงไป และคู่แข่งทางการเมืองของคลินตันใช้เธอเป็นเหยื่อ
ซึ่งในข้อเขียนของลูวินสกีในนิตยสารวานิตีแฟร์ที่จะวางแผงในเดือนนี้มีช่วงหนึ่ง กล่าวว่า บางทีเธออาจจะเป็นแพะรับบาปตัวแรกในสมัยยุคอินเทอร์เน็ต และต้องการที่จะสะท้อนความรู้สึกของเหยื่อที่ถูกทำให้อับอายผ่านออนไลน์
แต่ทว่าจังหวะที่ลูวินสกีต้องการเริ่มที่จะเปิดปากพูดอาจจะไม่ดีเท่าไรนัก เนื่องจากเป็นช่วงเดียวกันกับที่อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ฮิลลารี คลินตัน กำลังตัดสินใจที่จะลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯปี 2016 และทางพรรครีพับลิกันได้ส่งสัญญาณว่าข่าวฉาวของสามีฮิลลารีในปลายยุค 90 นั้นจะเป็นหนึ่งในประเด็นที่จะขุดคุ้ย
ทั้งนี้ ส.ว. แรนด์ พอล จากรัฐเคนทักกี สายพรรครีพับลิกัน ที่ถือเป็นหนึ่งคนที่อาจตัดสินใจลงชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯแข่งกับฮิลลารี คลินตัน ได้ตอบข้อวิจารณ์ถึงปัญหาสตรีเพศกับพรรครีพับลิกันในเดือนมกราคมล่าสุด ว่า มีแต่ประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตที่มีพฤติกรรมนักล่ากับผู้หญิง เช่น ลูวินสกี ที่มีอายุ 22 ปี ในขณะนั้นเมื่อเธอเริ่มมีความสัมพันธ์กับคลินตันในปี 1995 และต่อมาอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯได้โกหกกล่าวปกปิดความสัมพันธ์จนเป็นผลให้เขาถูกตั้งกระบวนการถอดถอนออกจากตำแหน่งโดยสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯในปี 1998 แต่วฒิสภาสหรัฐฯมีมติให้คลินตันยังสามารถดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯต่อไปได้
นอกจากนี้ ลูวินสกี ยังเปิดเผยว่า เธอรู้สึกเสียใจในความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น และยังอธิบายถึงสาเหตุที่เธอต้องปิดปากเงียบในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯหลายครั้งที่ผ่านมาเพื่อไม่ให้เกิดความไขว้เขว
โดย ลูวินสกี เปิดเผยว่า “ถึงเวลาแล้วที่จะเลิกกังวลถึงอดีตของตัวดิฉัน และอนาคตของคนอื่นๆ ดิฉันตั้งใจที่จะให้ตอนจบของเรื่องนี้ต่างออกไป ดิฉันตั้งใจจะให้ศีรษะเหนือพ้นกำแพง”
นอกจากนี้ ลูวินสกี ยังกล่าวถึงการฉายซ้ำอย่างไม่รู้จบของรายการโทรทัศน์ที่กล่าวถึงหมวกที่เธอสวม และคราบเปื้อนที่เป็นหลักฐานมัด บิล คลินตัน ว่า “ถึงเวลาแล้วที่ต้องเผาหมวกเบเร่ต์ และฝังชุดสีนำเงิน” และเธอกล่าวย้ำต่อไปว่า “แน่นอนที่สุด เจ้านายของดิฉันหาผลประโยชน์จากดิฉัน แต่ดิฉันยังคงยืนยันหนักแน่นในจุดนี้ว่า เป็นความสัมพันธ์แบบเต็มใจ และการบีบบังคับนั้นเกิดขึ้นในภายหลังเมื่อดิฉันต้องยอมเป็นแพะเพื่อปกป้องตำแหน่งที่ทรงอำนาจของเขา”
