โฆษก ปชป.ปูดข้อมูลฝ่ายความมั่นคง แก๊งแดงแยกหลายสาย สะสมอาวุธก่อเหตุป่วน พร้อมนำกองกำลังจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ากรุง สังหารแกนนำ กปปส. และฝ่ายตรงข้าม หน่ายรัฐบาลอ้างกฎหมายเพื่อประโยชน์ต้วเอง เชื่อปัญหาไม่จบ แนะรัฐบาลยึดประโยชน์ชาติ ประชาชนสละอำนาจ เปิดทางตั้งรัฐบาลมีอำนาจเต็มเข้ามาแก้ปัญหา เตือน “นิวัฒน์ธำรง” กอดเก้าอี้รับใช้ตระกูลชินวัตร จบไม่สวยแน่
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ วิเคราะห์สถานภาพของรัฐบาลในขณะนี้ว่า อยู่ในภาวะจนแต้มทางการเมืองเพราะไม่มีทางออก เนื่องจากคนเสื้อแดงน้อยกว่าเป้าหมายกว่าสิบเท่า ได้รับรายงานว่าการชุมนุมที่ถนนอักษะแทบไม่เหลือคนแล้ว มีการเบี้ยวเงินการชุมนุม แต่สิ่งที่น่ากังวลคือข้อมูลจากฝ่ายความมั่นคงยืนยันว่ามีชายชุดดำกลับเข้ามา กองกำลังปทุมธานีมีการรวมตัวมาปฏิบัติการใน กทม. ที่เขตลาดกระบัง รับอาวุธที่ จ.ราชบุรี มาจัดการกับกลุ่ม กปปส. และยังมีกลุ่ม จ.สมุทรปราการ ประจำการบางส่วนอยู่ที่พุทธมณฑล ภายใต้การบัญชาการของนักการเมืองใหญ่ในรัฐบาล และยังมีการนำกองกำลังจากประเทศเพื่อนบ้านนำโดยแกนนำเสื้อแดง จากอุดรธานี เข้า กทม.เพื่อก่อเหตุในช่วง 3 วันอันตราย มีเป้าหมายสังหารแกนนำ กปปส.และฝ่ายตรงข้าม
นอกจากนี้ กองกำลังดังกล่าวยังประสานกับตำรวจที่รับใช้การเมืองด้วย หากรัฐบาลเดินหน้าเช่นนี้คิดผิดเพราะประชาชนก้าวข้ามความหวาดกลัวไปแล้ว จึงขอเตือนว่าให้เสียสละไม่เช่นนั้นจะเป็นรัฐบาลทรราชย์อย่างสมบูรณ์ จากการใช้กองกำลังนอกรูปแบบ
นายชวนนท์ย้ำว่า การเมืองจะหาทางออกไม่ได้หากรัฐบาลยังต้องการเข้าสู่อำนาจโดยไม่คำนึงถึงสาเหตุของปัญหาว่าผู้ก่อวิกฤตคือพรรคเพื่อไทยในช่วงที่เป็นรัฐบาล การไม่ยอมรับความจริงทำให้ประเทศไม่มีความหวังที่จะเดินหน้าสู่การปรองดอง เพราะมีการอ้างข้อกฎหมายเฉพาะกรณีได้เปรียบและได้ประโยชน์ แต่ถ้าเสียประโยชน์จะมีขบวนการโจมตี บิดเบือน ลดความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรม บ่งบอกคุณลักษณะของพรรคเพื่อไทย เห็นกฎหมายเป็นแค่เครื่องอำนวยความสะดวกตามความต้องการและจะเป็นอุปสรรคทันทีหากกฎหมายไม่เป็นไปตามความต้องการของตัวเอง จึงเห็นว่าประเด็นที่ควรพิจารณาคือเรื่องความชอบธรรมมากกว่า
“ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ทำงานใน ศอ.รส.ในฐานะอะไร การอ้างว่าต้องรอประกาศราชกิจจานุเบกษาให้พ้นตำแหน่งนั้น ฟังไม่ขึ้น เพราะพ้นตำแหน่งไปแล้ว เช่นเดียวกับกรณีของนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ที่จะฟ้องตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แสดงว่าไม่เคารพกฎหมาย แต่กลับใช้กฎหมายมาต่อรอง รัฐบาลอ้างว่ามีอำนาจทูลเกล้าฯพระราชกฤษฎิกาได้ แต่อ้างว่าไม่แน่ใจที่จะทูลเกล้าฯ ตำแหน่งประธานวุฒิสภา แสดงว่าเลือกอ้างกฎหมายเฉพาะที่เป็นประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น ทางออกเดียวคือรัฐบาลต้องเสียสละ การอ้างข้อกฎหมายเพื่อตัวเองจะยิ่งสร้างความขัดแย้งมากขึ้น ในขณะที่มีปัญหามากมายรอรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มมาแก้ไข”
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า มีปัญหาที่รอรัฐบาลแก้ไขอย่างน้อยสี่เรื่องที่สำคัญคือ โครงการจำนำข้าวยังมีชาวนา ที่ไม่ได้รับเงินอีกประมาณ 9 หมื่นล้านบาทที่จะไม่มีวันได้รับเงินจนกว่าจะมีรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม เพราะเงิน 2 หมื่นล้านที่ของบกลางมานั้นเป็นก้อนสุดท้ายที่นำมาชำระให้ชาวนา การระบายข้าวก็ต้องนำเงินที่ได้ไปชำระคืนงบกลางก่อน จึงต้องถามว่านายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ จะแก้ปัญหาอย่างไร มีวิธีเดียวคือนายนิวัฒน์ธำรงต้องถอยออกไป
2. ปัญหาภัยแล้งจะเป็นปัญหาหนักของไทย เพราะน้ำฝนน้อยกว่าปกติ แต่รัฐบาลไม่มีท่าทีในการรับรู้และสะท้อนแนวทางแก้ปัญหาแต่อย่างใด 3. เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ภาคเหนือ พื้นที่ประสบภัยล้วนเป็นฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย แต่มีการร้องเรียนมายังนายอัศวิน วิภูศิริ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐเลย ในขณะที่มีพื้นที่เสียหาย 13 อำเภอ 51 ตำบล กว่า 400 หมูบ้าน เกิดอาฟเตอร์ช็อก 696 ครั้ง จึงมีปัญหาเรื่องการฟื้นฟูโครงสร้างที่รัฐต้องเร่งแก้ไข รวมถึงการดูแลจิตใจของประชาชนที่ยังหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะไม่เคยเกิดกับประเทศไทยมาก่อน ต้องมีรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มไปแก้ไข และพรรคจะจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูรวมถึงทีมบรรเทาทุกข์ด้านจิตวิทยาลงพื้นทีด้วย
4. เหตุไม่สงบในภาคใต้ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉพาะเดือนเมษายนมีผู้เสียชีวิตกว่า 20 คน เหตุรุนแรงลุกลามไปยังหาดใหญ่ และสงขลา ปัญหาเกิดจากรัฐบาลตั้ง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เป็นเลขาธิการ สมช. โดยมุ่งแต่เรื่องการตลาด และเมื่อนายถวิล เปลี่ยนศรี กลับมาเป็นเลขาฯ สมช.ก็ถูกตัดอำนาจทำให้ไม่สามารถเข้าถึงการทำงานด้านความมั่นคงอย่างแท้จริง นอกจากนี้ รัฐบาลไม่มีอำนาจเต็มทำให้เพิ่มความรุนแรงยกระดับก่อการร้ายหวังแบ่งแยกดินแดน
“คุณนิวัฒน์ธำรงต้องเสียสละทันทีเลิกอ้างข้อกฎหมายที่เป็นประโยชน์ตัวเอง มีหน้าที่ในการแก้ปัญหาเพื่อประโยชน์ประชาชนเท่านั้น คุณนิวัฒน์ธำรงลาออกได้ เพราะไม่มีหนทางที่จะเป็นทางออกของประเทศได้ หากอ้างกฎหมายเพียงในส่วนที่ตัวเองได้ประโยชน์ จึงต้องเดินหน้าปฏิรูป ให้มีการเลือกตั้งที่ทุกฝ่ายยอมรับ แต่ถ้ายังรับใช้ตระกูลชินวัตร ผมเชื่อว่าจบไม่สวย”