xs
xsm
sm
md
lg

มติเอกฉันท์ฟันจำนำข้าว ชงวุฒิถอดถอน"ปู" ดาบสองรอฟันคดีอาญา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ป.ป.ช.มีมติ 7 ต่อ 0 ฟัน "ยิ่งลักษณ์" ปมทุจริตจำนำข้าว ชงวุฒิสภาถอดถอนเพื่อตัดสิทธิทางการเมืองต่อ แม้จะถูกศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดให้พ้นสภาพไปแล้ว ส่วนสำนวนคดีอาญาโครงการรับจำนำข้าวขอไต่สวนเพิ่ม ด้าน "วิชา" แจง "นิวัฒน์ธำรง" นายกฯ ขัดตาทัพยังไม่มีเอี่ยว "หมอวรงค์"ลุ้นดาบสอง ฟันครม.ยกเข่ง

เมื่อเวลา10.00 น. วานนี้ (8พ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี มีการประชุมคณะกรรมการป.ป.ช. ชุดใหญ่ โดยมีวาระที่องค์คณะไต่สวน กรณีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว จะรายงานสรุปสำนวนข้อเท็จจริงให้ที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช. พิจารณาลงมติชี้มูล โดยใช้เวลาพิจารณานานกว่า 6 ชั่วโมง

ต่อมาเวลา 16.00 น. นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานป.ป.ช. พร้อมด้วย นายวิชา มหาคุณ และ นายประสาท พงษ์ศิวาภัย กรรมการป.ป.ช. ร่วมกันแถลงผลการประชุม โดยนายปานเทพ แถลงว่า สำหรับคดีนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้รับคำร้องถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เรื่องปฏิบัติหน้าที่มิชอบในโครงการรับจำนำข้าวมาจากประธานวุฒิสภา ขณะเดียวกัน ยังมีเรื่องร้องเรียนในคดีอาญาเข้ามาอีกด้วย จึงได้มีการแต่งตั้งกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งชุดเป็นองค์คณะไต่สวน โดยองค์คณะไต่สวนเห็นว่า มีข้อมูลเพียงพอที่จะดำเนินการในเรื่องเกี่ยวกับการถอดถอนได้แล้ว จึงรวบรวมผลส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ พิจารณา ซึ่งที่ประชุมป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่ามีมูลเพียงพอ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 ให้ส่งเรื่องให้วุฒิสภา พิจารณาถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อไป ส่วนการไต่สวนคดีอาญาโครงการจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังคงดำเนินการต่อไป

นายวิชา กล่าวว่า คณะกรรมการป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่งนายกฯ และอยู่ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ซึ่งได้กําหนดนโยบายจํานําข้าวมาตั้งแต่ต้น และในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่มีอํานาจหน้าที่ในการกําหนดนโยบาย และการมีส่วนร่วมในการบริหารโครงการ ซึ่ง ป.ป.ช.ได้มีหนังสือแจ้งไปยังผู้ถูกกล่าวหาถึง 2 ครั้งแล้วว่า โครงการดังกล่าวจะก่อให้เกิดปัญหาและความเสียหายอย่างยิ่ง ทั้งจะก่อให้เกิดการทุจริตในทุกขั้นตอนของกระบวนการรับจํานํา

นอกจากนี้ ผู้ถูกกล่าวหายังรับทราบปัญหาในการดําเนินโครงการจากการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งรายงานผลการดําเนินโครงการที่ผ่านมาว่า มีผลขาดทุนสะสมสูงถึง 3 แสนกว่าล้านบาท อีกทั้งหนังสือของสํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แจ้งผลการตรวจสอบโครงการสรุปได้ว่า โครงการมีจุดอ่อน หรือความเสี่ยงในทุกขั้นตอนตั้งแต่การขึ้นทะเบียนเกษตรกร จนถึงการระบายข้าว ซึ่งเป็นช่องทางนําไปสู่การสวมสิทธิ์การจํานํา และการทุจริตในโครงการ เกิดผลกระทบสร้างความเสียหายต่อเงินงบประมาณแผ่นดิน ทั้งเกษตรกร และเสี่ยงต่อระบบการคลังของประเทศ ไม่เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน

นายวิชา กล่าวอีกว่า แม้ในชั้นนี้พยานหลักฐานยังไม่ปรากฏชัดเจนว่า ผู้ถูกกล่าวหามีส่วนร่วมในการทุจริต หรือสมยอมให้เกิดการทุจริตหรือไม่ก็ตาม แต่การที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่บริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อสภาผู้แทนราษฎร ว่าจะป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐอย่างจริงจัง โดยยึดหลักความโปร่งใส และมีธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ทั้งไม่พิจารณาระงับยับยั้งโครงการตั้งแต่เริ่มรับทราบความเสียหายอันร้ายแรงที่สุดของประเทศ จากการดําเนินโครงการ

"จึงมีมติ 7 ต่อ 0 เสียงว่า พฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหา เป็นการส่อว่าจงใจใช้อํานาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติ แห่งรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 178 และส่อว่าจงใจใช้อํานาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายตาม พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินฯ มาตรา 11 (1) อันเป็นเหตุแห่งการถอดถอนผู้ถูกกล่าวหาออกจากตําแหน่ง ตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 270 จึงให้แยกสํานวนการถอดถอน ส่งไปยังวุฒิสภา เพื่อดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ต่อไป ส่วนคดีอาญานั้น ที่ประชุมมีมติให้ดําเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไป จนกว่าจะสิ้นกระแสความ ทั้งนี้โดยไม่ตัดพยานที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้างมาในคําร้องขอนําสืบแก้ข้อกล่าวหาหลังสุด จำนวน 6 ปาก โดยให้นําไปพิจารณาในสํานวนคดีอาญาต่อไป แต่ยังไม่สามารถระบุกรอบเวลาได้ว่า จะพิจารณาเสร็จเมื่อใด" นายวิชา ระบุ

**ปัดรับใบสั่งฟันครม.ทั้งคณะ

นายวิชา กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนกรณีที่มีข่าวแพร่สะพัดว่า ป.ป.ช.รับลูกมาเพื่อลงมติดำเนินการกับครม.ทั้งชุดนั้น ขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีที่คณะกรรมการป.ป.ช.ไต่สวนเลย แต่เป็นเพียงพยานบุคคล ที่คณะกรรมการป.ป.ช. ให้เข้ามาให้ถ้อยคำในสำนวนเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีร้องขอให้ป.ป.ช. ลงพื้นที่ตรวจสอบสต๊อกข้าวว่า ไม่มีข้าวหายจากโกดัง เพื่อยืนยันว่า โครงการไม่ได้ขาดทุน นายวิชา กล่าวว่า ป.ป.ช.ไม่ได้พิจารณาว่า ข้าวหายไปจากสต๊อกหรือไม่ แต่พิจารณาถึงการขาดทุนสะสมในโครงการดังกล่าว ที่ไม่ได้มีการจำหน่ายข้าวออกไป ส่วนการพิจารณาให้รัฐบาลชดใช้ค่าเสียหายจากการขาดทุนในโครงการกว่า 3 แสนล้านบาทนั้น ป.ป.ช. จะนำไปพิจารณาในสำนวนคดีอาญาต่อไป ยืนยันว่า ป.ป.ช. ตัดสินไปตามข้อเท็จจริง ไม่มีธง และไม่ได้รับลูกต่อจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ให้นายกฯพ้นสภาพการเป็นรัฐมนตรี

เมื่อถามว่า ขณะนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้พ้นสถานภาพนายกรัฐมนตรีตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ยังคงต้องดำเนินการถอดถอนต่อไปหรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า แม้น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะพ้นตำแหน่ง แต่กระบวนการถอดถอนยังต้องดำเนินการต่อตามขั้นตอนของกฎหมาย เนื่องจากอาจจะมีผลต่อเนื่องไปถึงการตัดสิทธิ์ทางการเมืองด้วย

**เพิ่มพยานให้ตามคำขอ

ด้านนายประสาท กล่าวว่า สำหรับคดีนี้ คณะกรรมการป.ป.ช.ได้เปิดโอกาสอย่างเต็มที่ให้กับผู้ถูกกล่าวหาตามระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการไต่สวนข้อเท็จจริงของพนักงานไต่สวน พ.ศ.2550 โดยได้เปิดโอกาสให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้อ้างพยาน ชี้แจงเอกสาร และวาจาอย่างเต็มที่ ซึ่งสำหรับการอ้างพยานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในครั้งแรกมีจำนวน 11 ปาก แต่คณะกรรมการป.ป.ช. พิจารณาแล้วว่า มีพยานที่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่ถูกกล่าวหาจำนวน 4 ปากเท่านั้น หลังจากสอบพยานจำนวน 4 ปาก ต่อมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขอให้มีการสอบพยานบุคคลเพิ่มอีก 7 ปากเดิม แต่คณะกรรมการป.ป.ช. พิจารณาแล้วเป็นเอกฉันท์ว่า ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ผู้ถูกกล่าวหาถูกกล่าวหา อีกทั้งมีข้อเท็จจริงเพียงพอแล้ว กระทั่งล่าสุด ก่อนคณะกรรมการป.ป.ช. จะลงมติชี้มูล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ขอให้สอบพยานบุคคลเพิ่มเติมจำนวน 6 ปาก ซึ่งไม่เกี่ยวกับพยานเดิมที่เคยถูกปฏิเสธไป โดยคณะกรรมการป.ป.ช. เห็นว่า ยังมีสำนวนในคดีอาญาอยู่ เพื่อประโยชน์จึงไม่ตัดพยานจำนวนดังกล่าวออกไป แต่จะนำไปรวมเอาไว้ในการพิจารณาในสำนวนคดีอาญาของผู้ถูกกล่าวหาในโอกาสต่อไป เพื่อความเป็นธรรม ทั้งนี้ ขอบคุณนายกฯ ที่เข้าสู่กระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับมติของป.ป.ช. 7 ต่อ 0 นั้น จากปัจจุบันที่มี ป.ป.ช. ดำรงตำแหน่งอยู่ 8 คนนั้น เนื่องพล.ต.อ.สภาพร หลาวทอง กรรมการป.ป.ช. ได้ขอถอนตัวจากการทำหน้าที่ไต่สวนคดีดังกล่าวไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากสมัยที่รับราชการในฐานะจเรตำรวจแห่งชาตินั้น เคยได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าว ในส่วนของการสูญหายของข้าวในโกดังทั่วประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมาก่อน

** "ปู"อยู่บ้านเกาะติดคำวินิจฉัยป.ป.ช.

สำหรับความเคลื่อนไหวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้พ้นสภาพการเป็นรัฐมนตรี ในช่วงเช้าวานนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้พักผ่อนอยู่ที่บ้าน ซอยโยธินพัฒนา 3 ไม่ได้เดินทางมายังสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี แต่อย่างใด ขณะที่ในช่วงบ่าย ได้ติดตามการแถลงของคณะกรรมการป.ป.ช. ที่ชี้มูลต่อข้อกล่าวหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ และใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ส่งผลต่อความเสียหายในโครงการจำนำข้าว

**"หมอวรงค์"พอใจมติ ป.ป.ช.ถอดถอน"ปู"

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงมติคณะกรรมการป.ป.ช. ถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า ตนพอใจในการตัดสิน และการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. ซึ่งถือว่า อธิบายได้ชัดเจน แต่สิ่งที่ต้องลุ้นกันต่อไปคือ คดีทุจิต ผิดกฎหมายอาญา มาตรา 157 หากมีความผิด ก็จะถูกส่งสำนวนไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แม้น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะขอเพิ่มพยานอีก 6 ปาก โดยทาง ป.ป.ช. อนุญาตก็ตาม แต่ถ้าไม่มีสาระ ป.ป.ช.สามารถตัดพยานได้

"ผมเชื่อว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ คงไม่รอด เพราะข้อเท็จจริงเป็นข้อเท็จจริงเดียวกับผลของการถอดถอน และ ป.ป.ช.ได้สอบเรื่องนี้มาถึง 1 ปี 10 เดือนแล้ว และหากผลสอบพัวพันไปถึงใคร ในการขายข้าวแบบจีทูจี หรือรัฐต่อรัฐ เช่นบริษัทค้าข้าว ก็ต้องถูกให้มาชี้แจงข้อกล่าวหาด้วย และถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์ โดนข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ร่วมลงมติ ก็ต้องถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วย ซึ่งขึ้นอยู่ที่ ป.ป.ช.ว่าจะเอาครม.เข้าไปเกี่ยวด้วยหรือไม่" นพ.วรงค์ กล่าว

***คืนเงินยืม2หมื่นล้านก่อนกำหนด

นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า กรมฯ ได้ส่งเงินที่ได้จากการระบายสต๊อกข้าวสารรัฐบาลคืนให้กับกระทรวงการคลังแล้วกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท และในสัปดาห์หน้าคาดว่าจะส่งเงินคืนเพิ่มอีก 4,000-5,000 ล้านบาท ซึ่งจะครบตามจำนวน 2 หมื่นล้านบาท ที่ยืมมาจ่ายค่าข้าวให้กับชาวนา โดยสามารถใช้เงินคืนได้ก่อนกำหนดที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ส่งเงินคืนภายในสิ้นเดือนพ.ค.นี้ และหลังจากนั้น จะส่งเงินที่ได้จากการขายข้าวคืนให้กระทรวงการคลัง เพื่อนำไปจ่ายค่าจำนำข้าวให้ชาวนาต่อไป ซึ่งมั่นใจว่าจะระบายข้าวได้เงินคืนประมาณเดือนละ 1 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ ในช่วงกลางเดือนพ.ค.นี้ จะนำคณะไปเจรจาขายข้าวในตลาดตะวันออกกลางและตลาดแอฟริกาใน 2-3 ประเทศ โดยมั่นใจว่าจะขายข้าวได้เพิ่มขึ้น ส่วนการขายข้าวให้กับมาเลเซีย อยู่ในขั้นตอนการเจรจาเรื่องราคา คาดว่าจะขายได้ 6-8 แสนตัน

***เปิดประมูลข้าวอีก 4.5 แสนตัน

นายสุรศักดิ์กล่าวว่า ในวันที่ 14 พ.ค.นี้ จะเปิดประมูลข้าวสารสต๊อกรัฐบาลปริมาณ 4.5 แสนตัน คาดว่าจะมีผู้ส่งออกเข้าร่วมประมูลเป็นจำนวนมาก แต่การอนุมัติขายจะขายในราคาที่เหมาะสม และไม่ขายในราคาต่ำอย่างแน่นอน รวมถึงการขายข้าวให้กับต่างประเทศ โดยปีนี้ คาดว่าจะส่งออกข้าวได้ 9-10 ล้านตัน มูลค่า 5-5.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 8.5 ล้านตัน

***คาดแนวโน้มราคาข้าวตลาดโลกสูงขึ้น

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า แนวโน้มราคาข้าวในช่วงครึ่งปีหลัง หากมีปัญหาจากภัยธรรมชาติตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์เอาไว้ จะส่งผลกระทบต่อประเทศผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ของโลกอย่างอินเดียและจีน ที่ผลผลิตจะน้อยลง จะส่งผลให้ราคาในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นได้
กำลังโหลดความคิดเห็น