ASTVผู้จัดการรายวัน - ในหลวง พระพักตร์สดใส เสด็จฯ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ จากพระตำหนักเปี่ยมสุข ไปยังศาลาราชประชาสมาคม วังไกลกังวล เพื่อทรงประกอบพระราชพิธีฉัตรมงคล ทหาร 3 เหล่าทัพ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติฝ่ายละ 21 นัด ขณะที่พสกนิกรจากทั่วทุกสารทิศ พร้อมใจใส่เสื้อเหลือง มารอรับเสด็จอย่างเนื่องแน่น และตลอดเส้นทางที่เสด็จๆผ่าน พสกนิกร ต่างพร้อมใจเปร่งเสียง“ทรงพระเจริญ”ดังกึกก้อง น้ำตาแห่งความปลื้มปิติ สื่อนอกตีข่าวในหลวงเสด็จฯออกมหาสมาคมในวันฉัตรมงคล
วันนี้ 5 พฤษภาคม เวลา 10.21 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในฉลองพระองค์ปกติสีขาวประดับเหรียญ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ โดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระตำหนักเปี่ยมสุข ไปยังศาลาราชประชาสมาคม วังไกลกังวล จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทานเนื่องในวันฉัตรมงคล
เมื่อเสด็จถึงศาลาราชประชาสมาคม (วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี) จากนั้นเสด็จฯเข้าท้องพระโรงศาลาราชประชาสมาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการ สมเด็จพระราชาคณะถวายศีล พระสงฆ์ 20 รูปถวายพระพร จบแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามกุฏราชกุมาร ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา (พระสงฆ์ไปรับพระราชทานฉันที่ชั้นบนศาลาราชประชาสมาคม) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยบูชาเทพยดารักษานพปฎลมหาเศวตฉัตรสิริราชกกุธภัณฑ์
จากนั้นทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ได้ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติฝ่ายละ 21 นัด โดยทหารบกยิงสลุตที่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ในวังไกลกังวล กองทัพเรือยิงที่เรือหลวงมกุฏราชกุมารบริเวณท่าเทียบเรือถวายความปลอดภัย และกองทัพอากาศยิงที่สนามบินบ่อฝ้าย จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯกลับ
ในเวลาต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงปฏิบัตพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ในการสมโภชนพปฎลมหาเศวตฉัตรสิริราชกกุธภัณฑ์ พราหณ์เบิกแว่นเวียนเทียนสมโภชนพปฎลมหาเศวตฉัตรสิริราชกกุธภัณฑ์ พนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร บัณเฑาะว์ และวงดุริยางค์แล้ว พราหณ์เจิมนพปฎลมหาเศวตฉัตร โหรผูกผ้าสีชมพู สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงพระสุหร่ายเครื่องราชกกุธภัณฑ์ และพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ทองคำประจำรัชกาล เสร็จแล้วเสด็จฯกลับ
สำหรับบรรยากาศโดยรอบวังไกลกังวลผู้สื่อข่าวรายงานว่าพสกนิกรจากทั่วทุกสารทิศ เดินทางมารับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เสด็จพระราชดำเนินในการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุประธาน เนื่องในวันฉัตรมงคล กันอย่างเนื่องแน่น และตลอดเส้นทางที่เสด็จฯผ่านพสกนิกร ต่างพร้อมใจกันเปร่งเสียง “ทรงพระเจริญ”ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ท่ามกลางน้ำตาแห่งความปลื้มปิติที่ได้ชื่นชมพระบารมี
ทั้งนี้ ตั้งแต่เช้าตรู่วันที่ 5 พ.ค.พสกนิกรจากทั่วประเทศ ส่วนใหญ่พร้อมใจกันสวมเสื้อสีเหลือง เข้ามาจับจองพื้นที่บริเวณริมถนนเพชรเกษม ด้านหน้าวังไกลกังวล อ.หัวหิน จ. ประจวบคีรีขันธ์ กันเต็มพื้นที่ เนื่องจากมีประชาชนมาเฝ้ารับเสด็จจำนวนมาก จนเจ้าหน้าที่ต้องปิดการจราจรฝั่งขาออก ด้านหน้าวังไกลกังวล เพื่อให้ประชาชนได้รับเสด็จกันอย่างทั่วถึง ขณะที่ทางเทศบาลหัวหิน ได้นำธงชาติไทย และธงตราสัญญาลักษณ์ พระปรมาภิไธรย่อ ภปร.มาแจกจ่ายตามจุดต่างๆ ให้กับประชาชนอีกด้วย เช่นเดียวกับที่บริเวณถนนข้างวัง ด้านหน้าโรงเรียนวังไกลกังวล ประชาชนเข้ามาเฝ้ารอรับเสด็จฯกันเต็มทั้งสองฝังถนน ท่ามกลางอากาศที่ร้อน แต่ไม่ทำให้ความตั้งใจของพสกนิกรที่คอยชื่นชมพระบารมีลดน้อยลงไปไม่
นางหมี่จู ชุติมา มอแลกู่ ประธานเครือข่ายอาข่าลุ่มแม่น้ำโขงนำชาวเขา 7 ชาติพันธุ์ อาทิ กะเหรี่ยง อาข่า ไทยอง มารอรับเสด็จ โดยผู้นำกลุ่มบอกว่า ทุกคนในที่นี้เคยเห็นและได้ยินเรื่องราวที่พระองค์ท่านเสด็จมาในหมู่บ้าน ตอนนั้นเราเด็กๆ คิดว่าท่านเป็นผู้ใหญ่บ้านคนใหม่ ทรงมาอยู่กับพวกเราโดยไม่ถือตัว จนเรารู้ว่าท่านเป็นใครพระองค์ท่านก็เหมือนเดิมไมทำให้ชาวเขารู้สึกแตกต่าง รักท่านมากไม่สามารถเอาอะไรมาเปรียบได้ และจะตอบแทนแผ่นดินนี้ที่ท่านทรงรักษาไว้ให้เราอยู่เย็นเป็นสุขอย่างเต็มที่
"พระองค์ท่านเป็นยอดมนุษย์ที่ไม่ถือตัว รักลูกเท่ากัน เป็นใคร ใช้ภาษาอะไร กินอยู่อย่างไรท่านก็รักเท่ากันนี่คือสิ่งที่ซึ้งกินใจเรามาก อยากจะเดินตามรอยพ่อ ทำความดีทุกอย่างเพื่อถวายพ่อ ที่ผ่านมาท่านหวังให้เรามีความสุข ไม่ใช่ให้ตัวท่านสุขเพราะฉะนั้นเราอยากทำให้ตัวท่านสมหวัง ชื่นใจถ้าลูกทุกคนเป็นคนดี รักกัน
สิ่งที่พอจะทำได้ในตอนนี้คือป้องกันภัยให้ประเทศ หมู่บ้านพวกเราอยู่ตรงชายแดนต้องทำหน้าที่เป็นรั้วของบ้าน เวลามีอะไรไม่ชอบมาพากล อย่างเช่นลักลอบตัดไม้ หรือขนส่งยาเสพติดเราก็ช่วยแจ้งตำรวจไม่ให้ภัยเข้ามาได้ ถือว่าเป็นตอบแทนพระคุณแผ่นดินที่ท่านดูแลให้เราอยู่เย็นเป็นสุข " หมี่จู กล่าว
ส่วนที่ภายในท้องพระโรง ศาลาราชประชาสมาคม มีคณะบุคคล ประกอบด้วย พระราชวงศ์ องคมนตรี คณะรัฐมนตรี พร้อมด้วย ผบ.เหล่าทัพเฝ้ารับเสด็จฯ ขณะที่ด้านล่างศาลาราชประชาสมาคม มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.เพชรบุรี โดยบริเวณเต็นท์รอบศาลามีประชาชนจำนวน 1,500 คน ซึ่งเป็นแขกที่ทาง จ.ประจวบคีรีขันธ์ และเพชรบุรี เชิญเข้ามาร่วมพระราชพิธี อาทิ กลุ่มพลังมวลชนต่างๆ ชาวบ้าน เป็นต้น
ในส่วนของบริเวณศาลาราชประชาสมาคมนั้น เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังได้ทำการประดับไม้ดอกไม้ประดับโดยเน้นสีเหลืองกว่า 50,000 ดอก รวมทั้งเต็นท์ และเก้าอี้ภายในบริเวณศาลาอีกจำนวน1,500เพื่อรองรับผู้ที่มาเฝ้ารับเสด็จฯ
ด้านการรักษาความปลอดภัย วันนี้ ทหาร และตำรวจตระเวนชายแดนค่ายพระรามหก ตำรวจตระเวนชายแดนค่ายนเรศวร ได้นำสุนัขตำรวจ พร้อมหน่วยตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด (อีโอดี) ออกตรวจสอบสแกนพื้นที่ทั้งเส้นทางถนนเพชรเกษมหน้าวังไกลกังวล ไปจนถึงศาลาราชประชาสมาคม จุดที่จะมีประชาชนเดินทางมาเฝ้ารับเสด็จ
ขณะเดียวกันที่ปราสาทพระเทพบิดร ในพระบรมมหาราชวัง ได้มีผู้ที่ได้รับเครื่องราชอิสยาภรณ์ จุลจอมเกล้า นำดอกไม้ธูปเทียนแพ มาถวายบังคมสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช ตั้งแต่เวลา 08.00 -17.00 น.นอกจากนี้ยังมีข้าราชการ ประชาชน เข้าไปถวายบังคมด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ
****ข้าราชการ-ปชช.ร่วมพิธีถวายราชสดุดี
ในส่วนของข้าราชการและประชาชนในทุกๆจังหวัด ได้ร่วมในพิธีถวายราชสดุดีเนื่องในวันฉัตรมงคลปี 2557 เพื่อน้อมรำลึกและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงเสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติ และทรงปกครองแผ่นดินโดยธรรม ทำให้ประเทศชาติมีความเจริญก้าวหน้า ประชาชนอยู่อาศัยด้วยความร่มเย็นเป็นสุข ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน.
***สื่อนอกตีข่าวในหลวงเสด็จฯออกมหาสมาคม
สำนักข่าวเอเอฟพีประจำประเทศไทยรายงานจากกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 5 พ.ค. ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จฯออกมหาสมาคม ณ วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เนื่องในวโรกาสวันฉัตรมงคล 5 พ.ค. ซึ่งตรงกับวันที่พระองค์ทรงเข้ารับการประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ของไทย เมื่อ 64 ปีที่แล้ว โดยมีพสกนิกรมารอเฝ้าฯรับเสด็จกับอย่างเนืองแน่นเต็ม 2 ฝั่งถนน ตลอดเส้นทางที่ขบวนรถยนต์พระที่นั่งของพระองค์เคลื่อนผ่าน ทุกคนสวมเสื้อสีเหลืองซึ่งเป็นสีแทนวันประสูติของพระองค์ คือวันจันทร์ พร้อมชูพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์และโบกธงชาติกันอย่างพร้อมเพรียง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงได้รับการบันทึกสถิติจาก "กินเนสส์ บุ๊ค ออฟ เวิลด์ เรคคอร์ด" ให้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ซึ่งทรงครองราชย์นานที่สุดในโลกและยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ ตลอดรัชสมัยของพระองค์จนถึงปัจจุบันเกิดการรัฐประหารกว่า 15 ครั้ง การเปลี่ยนรัฐธรรมนูญ 18 ฉบับ และนายกรัฐมนตรี 28 คน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงเป็นที่รักและเคารพยิ่งของชาวไทยทุกคน ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่า กฎหมายไทยในเรื่องการปกป้องสถาบันกษัตริย์นั้นมีบทลงโทษรุนแรงมาก ผู้ที่แสดงออกซึ่งการดูหมิ่นราชวงศ์อาจต้องรับโทษจำคุกนานถึง 15 ปี