xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.ห่วงพฤษภาเดือด รัฐบาล-ศอ.รส.ต้องปลดชนวน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเป็นห่วงถึงสถานการณ์การเมืองใน เดือนพฤษภาคมว่า จะเป็นเดือนพฤษภาเดือดเพราะจะมีการพิจารณาคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทั้งของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) และศาลรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มมวลชนที่จะเคลื่อนไหว ทั้งที่สนับสนุนและต่อต้านรัฐบาล การนัดชุมนุมของมวลชนสองฝ่ายเกิดใน กทม. แม้ว่าจะออกมายืนยันว่า จะชุมนุมโดยสงบไม่ใช้ความรุนแรง ไม่เผชิญหน้า แต่ไม่มีหลักประกันว่า จะมีการก่อให้เกิดเหตุรุนแรงหรือไม่ จึงถือว่าเป็นสถานการณ์เดือดของประเทศไทย ที่อาจก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองนำไปสู่การแก้ปัญหา หรืออาจเป็นสถานการณ์ที่นำไปสู่การเพิ่มวิกฤตประเทศมากขึ้น
ทั้งนี้ คณะบุคคลที่มีส่วนช่วยแก้วิกฤต คือ ผู้ที่รับผิดชอบในการรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง คือรัฐบาล และน.ส.ยิ่งลักษณ์ รวมถึง ศอ.รส. ที่เป็นหน่วยงานรักษาความสงบ จึงหวังว่านายกฯ รัฐบาล และศอ.รส. จะเป็นกลไกสำคัญของบ้านเมืองช่วยกันรักษาบรรยากาศของประเทศไม่ให้เข้าสู่บรรยากาศที่จะก่อให้เกิดวิกฤตในบ้านเมือง
นายองอาจ ยังกล่าวว่า ยิ่งใกล้เวลาตัดสินคดีมากเท่าไร ก็มีการเคลื่อนไหวหลากหลายรูปแบบในบ้านเมือง โดยสองส่วนที่สำคัญคือ เดินเกมบนดินและใต้ดิน
เกมบนดิน ประการแรก คือ แกนนำรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้ร้ายป้ายสี ดิสเครดิต ศาลรัฐธรรมนูญ และป.ป.ช.อย่างต่อเนื่อง 2. บิดเบือนข้อเท็จจริงของคดี พูดขาวเป็นดำ ดำเป็นขาว สร้างความสับสนให้สังคม 3. ข่มขู่ศาลรัฐธธรรมนูญ และป.ป.ช.อย่างเปิดเผย
ส่วนเกมใต้ดินก็มีอย่างต่อเนื่อง คือ 1. การปล่อยข่าวโจมตีผ่านโซเชียลมีเดีย ให้กระทบถึงสถาบันฯ ซึ่งยังดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน 2. มีบุคคลไม่ทราบฝ่ายใช้ความรุนแรง คุกคามกดดันด้วยอาวุธสงคราม ต่อองค์กรที่กำลังพิจารณาคดีความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยกลไกรัฐไม่ดำเนินการใดๆ 3. มีการอาฆาตมาดร้ายต่อองค์กรอิสระในทางลับ รวมทั้งองค์กรศาลฯ แต่ไม่ปรากฏเป็นข่าว
ทั้งนี้เกมบนดินและใต้ดินที่ดำเนินการอยู่นั้น หวังที่จะให้ผลการพิจารณาคดีแปรเปลี่ยนจากหลักนิติรัฐและนิติธรรม แต่เชื่อมั่นว่าเกมบนดินและใต้ดิน ที่ดำเนินการอยู่นั้นไม่สามารถเปลี่ยนข้อเท็จจริง หลักกฎหมายในการพิจารณาคดีของ ป.ป.ช.และศาลรัฐธรรมนูญได้
ด้านนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรอบเวลาชี้มูลความผิดนายกรัฐมนตรี ฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ในคดีโครงการรับจำนำข้าวว่า ยังเป็นวันที่ 15 พ.ค. เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ส่วนเรื่องมาตรการดูแลความปลอดภัย ก็ได้มีการขอกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ เข้ามาดูแลสำนักงานอยู่เหมือนเดิม ไม่ได้มีการขอกำลังเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมแต่อย่างใด
เลขาธิการ ป.ป.ช. ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าการเอาผิด นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า ได้มีการยื่นหนังสือไปที่สภาทนายความแล้ว ซึ่งกระบวนการหลังจากนี้ จะต้องไปคัดเลือกกรรมการขึ้นเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่นายบัญชา กล่าวว่า ตนมาดำเนินการในฐานะที่เป็นเป็นผู้รับมอบอำนาจตามกฎหมาย ไม่ใช่ทนายความนั้น นายสรรเสริญ กล่าวว่า คดีที่อยู่ในป.ป.ช. ผู้รับมอบอำนาจ มีสิทธิแค่เพียงรับทราบข้อกล่าวหา หรือดำเนินการทางเอกสารได้เท่านั้น หากจะมีการดำเนินคดีกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. จริง จะต้องเป็นน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือผู้ถูกร้อง แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น