xs
xsm
sm
md
lg

ทรงพระเจริญ ‘พระราชาซีอีโอ...ที่ไม่มีวันเกษียณ’

เผยแพร่:   โดย: คำนูณ สิทธิสมาน

จำได้มั้ยครับว่า ส.ค.ส.ปี 2549 เมื่อ 8 ปีที่แล้วที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานแก่พสกนิกรเป็นอะไร?

เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่าน

ในฉลองพระองค์สีเขียว มีภาพปักรูป “คุณทองแดง” ที่กระเป๋าด้านซ้าย ทรงฉายคู่กับ “คุณทองแดง” สุนัขทรงเลี้ยงที่โด่งดังมาแล้วหลายปี และแม่จนทุกวันนี้ก็ยังคงโด่งดังอยู่

เป็นส.ค.ส.พระราชทานที่สร้างความตื่นเต้นและปลาบปลื้มแก่พสกนิกรชาวไทยถ้วนหน้า

เพราะเป็นอีกครั้งหนึ่งที่พวกเราได้เห็นพระองค์ทรงมีพระเกษมสำราญยิ่ง

อีกทั้งได้ยลโฉม “คุณทองแดง” อีกคราหนึ่ง

ในส.ค.ส.พระราชทานนั้น ตัวเลขสีแดง 2005 12 07 16.44 ทำให้คนไทยได้รับทราบโดยทั่วกันว่า ณ วันนั้น “คุณทองแดง” มีอายุได้ 7 ปีกว่าแล้ว และถ้านับถึงวันนี้อายุก็ต้องบวกเข้าไปอีก 8 ปี

เธอเป็นสุนัขเพศเมีย เกิดที่ซอยศูนย์แพทย์พัฒนา แถววังทองหลาง เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2541 เป็นลูกของสุนัขจรจัด ชื่อ “แม่แดง” มีพี่น้องทั้งหมด 6 ตัวด้วยกัน

ก่อนหน้านี้ใครๆ ก็เชิญชวนกันแต่ให้รับฟังพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในช่วงวันที่ 4 ธันวาคมของทุกปี แต่ผมว่าฟังแล้วจะแค่พนมมือแล้วเปล่งเสียงถวายพระพร “ทรงพระเจริญ” จากนั้นก็มีชีวิตอยู่ตามวิถีเดิมต่อไป ไม่น่าจะเป็นประโยชน์ ทว่าวันนี้แม้แต่จะแค่กระทำเช่นนั้นเราคนไทยก็แทบไม่มีโอกาสแล้ว เพราะไม่ได้ทรงเสด็จออกในวันที่ 4 ธันวาคมมาหลายปีแล้ว แต่ผมเชื่อว่าคนไทยก็ยังเฝ้ารอกระแสพระราชดำรัสที่ทรงพระราชทานในวโรกาสงานพระราชพิธีและรัฐพิธีต่างๆ

วันนี้ – วันที่ 5 พฤษภาคม 2557 – วันฉัตรมงคล – เป็นอีกวันหนึ่งที่คนไทยเฝ้ารอ

ในหลวงของคนไทยเป็นทั้งพ่อ ทั้งพระ ทั้ง “พระราชาซีอีโอ” สมควรที่คนไทยจะบูชาด้วยรูปแบบสูงสุด ไม่ใช่แค่ “อามิสบูชา” คือบูชาด้วยดอกไม้ หรือรูปแบบ พิธีกรรม หากแต่จะต้องเป็น “ปฏิบัติบูชา” คือบูชาด้วยการปฏิบัติตามคำสอน

คำว่า “พระราชาซีอีโอ” ไม่ใช่ผมพูดเอง แต่มาจากพระบรมราโชวาทพระราชทานแด่คณะผู้ว่าฯ ซีอีโอ เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2546 ซึ่งเป็นพระบรมราโชวาทองค์ที่จับใจพสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศ ในพระบรมราโชวาทองค์นี้ ทรงรับสั่งว่าพระองค์ท่านเป็น...

“พระราชาซีอีโอ – ที่ไม่มีวันเกษียณ”

พระองค์ทรงเล่าว่า ทรงปฏิบัติภารกิจมาตั้งแต่ปี 2496 โดยเริ่มโครงการตามพระราชดำริแห่งแรกที่เขาเต่า ประจวบคีรีขันธ์ พระองค์ท่านทรงชี้แนะว่า...

หน้าที่ของผู้ว่าฯ ซีอีโอ ไม่เหมือนซีอีโอบริษัท เพราะไม่ต้องทำเงินให้บริษัท แต่จะต้องสร้างความเจริญให้ประชาชนในพื้นที่ คือให้ประชาชนมีความสามารถที่จะทำมาหากินได้ หรือพูดง่ายๆ คือทำให้ประชาชนรวย – ไม่ใช่ทำให้ตัวเองรวย

จากนั้นพระองค์ท่านทรงเตือนว่า ที่ใครๆ ว่าเศรษฐกิจกำลังขึ้นนั้น ที่ขึ้นตามไปด้วยคือการทุจริต

นับแต่ปี 2540 ที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งที่แล้ว เมื่อถึงวันที่ 4 ธันวาคมคราใด พสกนิกรทั่วราชอาณาจักรต่างก็ตั้งตารอคอยกระแสพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครานั้น

พระองค์ทรงชี้แนะ “เศรษฐกิจพอเพียง” มานับไม่ถ้วน

พระราชทานมาครั้งแรก ณ วันที่ 4 ธันวาคม 2540 และพระราชทานคำอรรถาธิบายเพิ่มเติมในอีก 1 ปีถัดมา เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2541 และยังมีอีกในวันที่ 4 ธันวาคม 2542

พระมหากรุณาธิคุณและพระอัจฉริยภาพในพระผู้ทรงเป็นพระราชาซีอีโอนั้น หากอ่านความระหว่างบรรทัดทั้งในกระแสพระราชดำรัส และพระราชนิพนธ์ทุกพระองค์ โดยเฉพาะ “เรื่องทองแดง” ที่พระราชทานลงมาเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2545 และสัก 2 ปีถัดมายังมีเวอร์ชันสำหรับเด็ก “เรื่องทองแดง – ฉบับการ์ตูน” ออกมา

กล่าวได้ว่าพระองค์ทรงพระราชทานสิ่งที่ ท่านอาจารย์รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์ ขนานนามว่า “Bangkok ConsensusW ให้พวกเราทั้งประชาชน และรัฐบาล ไปขบคิดว่าจะเป็นยุทธศาสตร์ชาติยุคใหม่มาเสริมหรือทดแทน “Washington Consensus” ได้ในลักษณะใด

ใครได้อ่าน “เรื่องทองแดง” นอกจากจะได้รับรู้เรื่องราวของสุนัขนาม “คุณทองแดง” ที่มีทั้งความดี และความจงรักภักดีต่อพระองค์แล้ว หากอ่านในเชิงเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ปัจจุบัน ยังจะตระหนักได้ว่า...

คนไทย, วิถีไทย, ภูมิปัญญาไทย, ภูมิปัญญาตะวันออกนั้น -- หากได้รับโอกาสเท่าเทียมกับฝรั่ง นอกจากจะไม่ด้อยกว่าแล้ว ยังเหนือกว่า

เพราะถึงพร้อมด้วยคุณสมบัติฉลาด, น่ารัก, ใฝ่รู้, จงรักภักดี, อ่อนน้อมถ่อมตน และ ฯลฯ

ที่ผ่านมาเป็นเพราะไม่ได้รับโอกาส ถูกทิ้งขว้างอยู่ข้างถนน มีชีวิตอยู่ไปตามมีตามเกิด

พระราชนิพนธ์องค์นี้ สมควรอย่างยิ่งที่ผู้มีส่วนร่วมกำหนดนโยบายของประเทศไทยควรจะต้องอ่าน และรับใส่เกล้ากันทุกคน โดยเฉพาะท่ามกลางกระแสที่จะนำไปสู่การปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ในขณะนี้

และหากศึกษาพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2545 ประกอบ ก็จะพบว่าของไทย - ภูมิปัญญาไทย ก็เหมือน “หมาไทย” แทนที่จะทิ้งขว้างไว้ข้างถนน หากนำขึ้นมาดูแลและศึกษา ก็จะเป็นประโยชน์มหาศาล

พวกเราจะต้องตระหนักในวิธีคิดนอกกรอบ

ต้องละทิ้งแนวคิดเดิมที่เปิดรับโลกาภิวัตน์อย่างไม่มีการจำแนกไปสู่การสร้างเกราะคุ้มกันภัยจากโลกาภิวัตน์

เพราะถึงที่สุดแล้ว ยาเสพติดที่ร้ายแรงที่สุดไม่ใช่ยาบ้า, ยาเค, ยาอี หรือโคเคน

หากแต่เป็นลัทธิบริโภคนิยมไร้ขอบขอบ และ/หรือสิ่งที่เรียกว่า เปิดรับโลกาภิวัตน์อย่างไม่มีการจำแนก


ในหลวงของเรายังเคยทรงพระราชนิพนธ์แปลบทที่ 4 ของหนังสือ Small is Beautiful : Economics as if People Mattered ของนักเศรษฐศาสตร์กระแสรองนามกระเดื่อง “อี. เอฟ. ชูเมกเกอร์” ที่พิมพ์เผยแพร่ออกมาเป็นที่โด่งดังในวงวิชาการ เมื่อปี ค.ศ. 1973 บทที่ 4 ชื่อ Buddhist Economics พระองค์ทรงแปลว่า

“เศรษฐศาสตร์ตามนัยของพระพุทธศาสนา บทที่ 4 เล็กดี รสโต”

ภูมิปัญญาไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภูมิปัญญาในองค์พระมหากษัตริย์ไทยนั้น ได้เล็งเห็นภัยจากการเรียนรู้จากตะวันตกโดยไม่มีการจำแนก มาอย่างน้อยตั้งแต่ครั้งรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์

จนถึงทุกวันนี้หากใครหยิบธนบัตร 500 บาทขึ้นมาพลิกดูด้านหลัง

จะเห็นพระบรมฉายาลักษณ์อยู่กลาง และถ้าเพ่งสักนิดจะเห็นพระราชดำรัสองค์สำคัญ พิมพ์ไว้ด้วยตัวเล็กๆ ตรงมุมขวาล่าง อ่านยาก สักหน่อย

“การงานสิ่งใดของเขาก็ดี ควรจะเรียนร่ำเอาไว้ ก็เอาอย่างเขา แต่อย่าให้นับถือเลื่อมใสไปทีเดียว”

ทรงพระเจริญพระพุทธเจ้าข้าพระราชาซีอีโอที่ไม่มีวันเกษียณของข้าแผ่นดิน
กำลังโหลดความคิดเห็น