ปลื้มปีติ! ยายชาวนาบุรีรัมย์ถูกนำเรื่องราวชีวิตสร้างภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ “ในหลวง”

บุรีรัมย์- “ยายบุญมา” ชาวนาบุรีรัมย์ วัย 73 ปี สุดปลื้มปีติ และเป็นเกียรติประวัติแก่ครอบครัวที่ถูกนำเรื่องราวชีวิต และความทรงจำอันยิ่งใหญ่ของสามัญชนคนธรรมดา กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สร้างภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ พร้อมเผยหลังได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เมื่อปี 2547 ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น

วันนี้ (21 พ.ย.) นางบุญมา ศรีจันทร์ อายุ 73 ปี ชาวนา บ้านหนองบัว ต.ดอนกอก อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ ที่ถูกนำเรื่องราวชีวิต และความทรงจำอันยิ่งใหญ่ของสามัญชนคนธรรมดากับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทครั้งหนึ่งในชีวิต ไปสร้างเป็นภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 88 พรรษา 5 ธันวาคมนี้ สุดปลื้มปีติ และถือเป็นเกียรติประวัติของครอบครัว

โดยเรื่องราว และความทรงจำอันยิ่งใหญ่ของยายบุญมา สืบเนื่องมาจากยายบุญมา ได้ทอผ้าไหมมัดหมี่ลายคุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยงในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จนทำให้มีโอกาสได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างใกล้ชิด เมื่อปี 2547 ซึ่งเมื่อนึกถึงคราวใดเป็นต้องปลาบปลื้มทุกครั้ง

ยายบุญมา บอกว่า ตอนแรกเข้าใจว่าจะโดนโทษทัณฑ์ เพราะไม่ได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต แต่เมื่อพระองค์มีกระแสพระราชดำรัสทำนองว่า อย่าให้คุณทองแดงไปอยู่รวมกับคนอื่น ให้อยู่คนเดียว และทำออกมาหลายอิริยาบถ ได้ยินเช่นนั้น จึงโล่งอก เงยหน้าขึ้นมองพระพักตร์ ยังเห็นพระองค์ทรงพระสรวล จึงนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ที่พระองค์ทรงมีต่อชาวบ้านตัวเล็กๆ คนหนึ่ง

ยายบุญมา ยังเผยถึงเรื่องราว และสิ่งดีๆในชีวิตที่เกิดขึ้นกับคุณยาย เมื่อราวปี 2540 อีกด้วยว่า ด้วยฐานะที่ยากจน มีอาชีพทำนา และทอผ้าไหมไปเร่ขายตามจังหวัดต่าง กระทั่งวันหนึ่งขณะกลับจากเร่ขายผ้าไหมที่ จ.อุดรธานี และ จ.ขอนแก่น มากว่า 10 วัน แต่ขายไม่ได้แม้แต่ผืนเดียว เมื่อนั่งรถมาลง อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น ไม่มีรถต่อเข้าไปยังหมู่บ้าน จึงตั้งใจเดินเท้าเกือบ 20 กิโลเมตร

แต่เมื่อเดินมาเรื่อยๆ เหลืออีกราว 5 กิโลเมตรจะถึงหมู่บ้าน ตนสังเกตเห็นขบวนเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ความกดดันที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต ทั้งหนี้นอกระบบ และปากท้องคนในครอบครัวจึงตัดสินใจนั่งลงพนมมือริมถนนลูกรังท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุ ไม่นานรถเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังคันหนึ่งจอดลงมาสอบถาม และพาขึ้นรถไปส่งที่บ้านยายจึงได้ระบายความทุกข์ยากในชีวิตให้ฟัง เจ้าหน้าที่ไม่เพียงอุดหนุนผ้าไหมในคราวนั้น

ต่อจากนั้นไม่ถึง 2 เดือน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็เข้ามาขุดสระขนาด 2 ไร่ ส่งเสริมการปลูกผักปลูกหม่อนเลี้ยงไหม และรับผ้าไหมของชาวบ้านไปจำหน่ายที่ร้านภูฟ้าทั้งหมด ปีต่อมา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ก็ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมราษฎรบ้านหนองบัวด้วยพระองค์เองด้วย

เรื่องราวที่เกิดขึ้นถือเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของยาย ทุกวันนี้ยายมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและได้ยึดพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาปรับใช้ในชีวิตประจำวันบนความพอเพียงอีกด้วย และเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 88 พรรษา 5 ธันวาคมนี้ ยายได้ตั้งจิตอธิษฐานขอพระสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง และมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของพสกนิกรชาวไทยตลอดไปด้วย