xs
xsm
sm
md
lg

“หลวงแจ่ม-แป๊ะฮวยอิ้ว” 2 สุนัขทรงเลี้ยงผู้โด่งดังในวังพระราชา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
ถือว่าเป็นเรื่องราวความประทับใจที่ฟังกี่ครั้งยังอดยิ้มตามไม่ได้ สำหรับเรื่องราวของสุนัขทรงเลี้ยงในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งต้องบอกก่อนว่านอกจาก “คุณทองแดง” ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นสุนัขประจำรัชกาลแล้ว ยังมีสุนัขทรงเลี้ยงอีกมากมายในพระราชวังที่มีความน่ารัก แสนรู้ จงรักภักดีไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “หลวงแจ่ม” และ “แป๊ะฮวยอิ้ว” ที่ต้องบอกเลยว่าที่มาของการมาเป็นสุนัขทรงเลี้ยง นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ . .

“หลวงแจ่ม” ไม่ได้แจ่มแค่ชื่อ

ต้องบอกเลยว่าเรื่องราวของคุณหลวงแจ่มนี่แจ่มสมชื่อเลยจริงๆ เพราะวีรกรรมความแสบซนแท้ๆ ทำให้สุนัขใจดีไซส์ใหญ่ตัวนี้ ได้กลายเป็นสุนัขทรงเลี้ยงของพ่อหลวง รัชกาลที่ 9 อย่างไม่คาดฝัน

“หลวงแจ่ม ภักดี” ชื่อเดิมคือ “เจ้าเจมส์” เป็นสุนัขเพศผู้พันธุ์เซนต์เบอร์นาร์ด รูปร่างใหญ่โต ขนยาว มีนิสัยใจดีและนุ่มนวล ซึ่งวีรกรรมความซนของเจ้าเจมส์มีอยู่ว่าเดิมเป็นสุนัขของ “คุณฉันทนา ศรีสวัสดิ์” ซึ่งมีบ้านตั้งอยู่หน้าวังไกลกังวล มักจะแอบมุดรั้วลวดหนามเข้าไปในวังและบางครั้งเจ้าเจมส์แอบไปนอนตากแอร์ในครัวฝรั่งจนเจ้าหน้าที่ต้องจูงกลับมาถึง 3 ครั้ง

จนครั้งสุดท้ายเจ้าเจมส์ได้แอบมุดรั้วเข้าไปถึงเขตพระราชฐานชั้นในจนเจ้าหน้าที่ต้องเข้ามาตักเตือน หลังจากนั้นไม่นานในหลวงได้มีรับสั่งถามหาเจ้าเจมส์ คุณฉันทนาและเจ้าหน้าที่จึงได้นำเจ้าเจมส์ไปอาบน้ำทำความสะอาดและพาเข้าเฝ้าโดยได้อยู่ในวังไกลกังวลถึง 3 วัน

หลังจากนั้น คุณฉันทนาจึงตัดสินใจถวายเจ้าเจมส์ให้เป็นสุนัขทรงเลี้ยงพระองค์จึงพระราชทานนามให้เจ้าเจมส์ว่า “คุณหลวงแจ่ม” เนื่องจากชื่อเดิมของคุณหลวงแจ่มคือเจ้าเซอร์เจมส์ แต่เมื่อมาอยู่กับพระเจ้าแผ่นดินไทยจึงพระราชทานบรรดาศักดิ์แบบไทยพร้อมกับพระราชทานนามสกุลให้ว่า “ภักดี” สื่อถึงความจงรักภักดีของคุณหลวงแจ่มนั่นเอง

ในหลวง ร.๙ รับสั่งคุณทองแดง “เขาขี้อิจฉา”

เรียกได้ว่าเป็นเรื่องเล่าที่ฟังแล้วอดอมยิ้มไม่ได้เกี่ยวกับคุณทองแดงเมื่อแรกเจอ “เจ้าเจมส์” ก่อนที่จะได้รับการเปลี่ยนชื่อภายหลัง เมื่อคุณทองแดงส่งเสียงทักทายหรือไม่แน่ว่าอาจกำลังฉงนสงสัยในตัวเจ้าเจมส์อยู่ก็เป็นไปได้ โดยคุณฉันทนาเล่าไว้ว่า

ในช่วงที่คุณฉันทนานำเจ้าเจมส์เข้าเฝ้าฯ ถวายให้เป็นสุนัขทรงเลี้ยง ห่างออกหน่อยหนึ่ง สุนัขเทศสีแดง ชื่อ “ทองแดง” ซึ่งทรงเลี้ยงมาอยู่ก่อน นั่งรออยู่ คุณทองแดงวิ่งออกมาเห่าเจ้าเจมส์ คุณฉันทนาจึงได้กราบบังคมทูลถามว่า “เขาถูกกันไหมเพคะ” พระองค์ทรงรับสั่งตอบว่า “ไม่รู้สิ ยังไม่เคยเจอกัน แต่นี่เขาขี้อิจฉา” รับสั่งพลางทรงชี้ไปที่คุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยง

ทั้งยังมีเรื่องเล่าของคุณทองแดงอีกว่าเป็นสุนัขขี้น้อยใจ โดยมักแสดงปฏิกิริยาเมื่อเห็นภาพบาดตาด้วยการเมินหน้าไปทางอื่น ครั้งหนึ่งที่คุณทองแดง “งอน” เหตุการณ์มีอยู่ว่าปกติคุณทองแดงชอบลูกพลับมาก เมื่อเห็นหรือได้กลิ่นก็จะ “นั่งสวย” ขอลูกพลับ ซึ่งทุกครั้งที่ทองแดงเข้าเฝ้าฯ และพ่อหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงมีลูกพลับ ทองแดงจะได้รับพระราชทานทุกครั้ง
ในหลวงกับสุนัขทรงเลี้ยงคุณทองแดง
ภาพ : @napatqx
 
วันหนึ่ง ทั้งทองแดงและทองหลางได้เฝ้าฯ พร้อมกัน พ่อหลวง รัชกาลที่ 9 พระราชทานลูกพลับให้ทองหลาง ซึ่งก็ไม่ค่อยชอบนัก ทองแดงเห็นก็ “งอน” คือ ทำคอแข็ง เมินหน้าไปทางอื่น ไม่มอง แม้พ่อหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงเรียกชื่อหลายครั้ง ทองแดงก็ยังเมินหน้าหนีอยู่อย่างนั้น ผู้ที่เขาเฝ้าฯ อยู่ขณะนั้นได้เห็นภาพนี้ทุกคน

พ่อหลวง รัชกาลที่ 9 จึงรับสั่งว่า “ต้องง้อทองแดงหน่อย” เมื่อเสด็จฯ เข้าใกล้ทองแดงและทรงเรียกชื่อหลายครั้ง ทองแดงจึงหายงอนและหันมายืนขึ้นกอดพระองค์ และเลียพระหัตถ์ไปมา คนที่เห็นต่างพากันหัวเราะและเอ็นดูทองแดงอย่างยิ่ง

“แป๊ะฮวยอิ้ว” พ่อหลวง ร.๙ พระราชทานแด่สมเด็จพระเทพฯ

“คุณแป๊ะฮวยอิ้ว” เป็นสุนัขเพศเมียพันธุ์เซนต์เบอร์นาร์ด มีขนสีขาวแต้มน้ำตาลด้านขวามากกว่าด้านซ้าย นิสัยเรียบร้อย อ่อนน้อม ถ่อมตน คุณแป๊ะฮวยอิ้วเป็นลูกของหลวงแจ่มที่ได้รับพระราชทาน จากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แด่สมเด็จพระเทพฯ

เมื่อเวลาสมเด็จพระเทพฯ เสด็จฯ ไปที่ใดคุณแป๊ะฮวยอิ้วก็จะตามเสด็จไปด้วยเป็นประจำ และจะมีประชาชนขอถ่ายรูปด้วยเสมอ ระหว่างถ่ายรูป คุณแป๊ะฮวยอิ้วก็จะคาบตะกร้าเอาไว้

วันหนึ่ง ระหว่างที่คุณแป๊ะฮวยอิ้วคาบตะกร้าอยู่ ก็มีคนใส่เงินลงไปในตะกร้า สมเด็จพระเทพฯ ทอดพระเนตรเห็นเช่นนั้นจึงรับสั่งให้นำเงินจำนวนนี้เข้าโครงการ “แป๊ะฮวยอิ้วช่วยเพื่อน” เพื่อสมทบทุนด้านค่าใช้จ่ายช่วยเหลือเพื่อนสุนัข เงินส่วนหนึ่งมอบให้แก่โรงพยาบาลสัตว์เล็ก คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ
สมเด็จพระเทพฯ กับสุนัขทรงเลี้ยงคุณแป๊ะฮวยอิ้ว
คุณแป๊ะฮวยอิ้ว
คุณแป๊ะฮวยอิ้ว
 
ส่วนเวลาคุณแป๊ะฮวยอิ้วไปที่ไหนก็จะมีคนมาถ่ายรูปด้วยตลอด ตอนอารมณ์ดีก็จะยิ้มให้ พออารมณ์ไม่ดีก็หน้างอ ตั้งแต่ได้เงินมาคุณแป๊ะฮวยอิ้วยิ้มตลอดไม่หน้างอเลย

คุณแป๊ะฮวยอิ้วมีนิสัยเรียบร้อย อ่อนน้อมถ่อมตน เวลาเดินผ่านพี่ๆ สนัข (โดยเฉพาะพี่ทิฟฟี่และพี่โป๊ยเซียน) จะเดินค้อมตัวให้อย่างอ่อนน้อม ชอบคลุกคลีกับสุนัขตัวเล็ก โดยเฉพาะลูกสุนัข จึงนึกว่าตัวเองตัวเล็กด้วย ไม่ชอบกินผักทุกชนิด

[เรียบเรียงจากคำสัมภาษณ์คุณชวลี อมาตยกุล กองราชเลขาธิการฯ จาก '60 พรรษาเจ้าฟ้าผู้เป็นที่รักของปวงไทย' HELLO VIP LIMITED EDITION และ Diary : 2549/2006 สุนัขทรงเลี้ยงในวังสระปทุม]

มุมน่ารักของ “แป๊ะฮวยอิ้ว” เมื่อต้องตรวจสุขภาพ

กลายเป็นเรื่องราวสุดประทับใจและถูกพูดถึงมากที่สุดในสังคมออนไลน์ไปแล้ว สำหรับมุมน่ารักๆ ของคุณแป๊ะฮวยอิ้วที่ยังไม่เคยมีใครรู้มาก่อน โดยเจ้าของเรื่องได้เล่าเหตุการณ์ในวันนั้นผ่านเฟซบุคส่วนตัว “Panvard Unjai” ซึ่งเป็นสัตวแพทย์สาวที่ได้ร่วมตรวจสุขภาพคุณแป๊ะฮวยอิ้ว สุนัขทรงเลี้ยง ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีที่เข้ารับการตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลสัตว์เล็ก จุฬาฯ

“เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตอนดิฉันยังเป็นนิสิตปี 6 ได้ขึ้นชั้นคลินิกที่โรงพยาบาลสัตว์เล็ก จุฬาฯ ด้วยความที่วังสระปทุมอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลสัตว์ เราจึงมีโอกาสได้เห็นหน้าค่าตาสุนัขทรงเลี้ยงแวะเวียนมาตรวจสุขภาพกับราชองครักษ์อยู่บ่อยๆ
คุณแป๊ะฮวยอิ้ว
 
วันหนึ่ง ขณะที่ดิฉันและเพื่อนในกลุ่มรวม 7 ชีวิตขึ้นฝึกแผนกเอ็กซเรย์ คุณแป๊ะฮวยอิ้วซึ่งมาพร้อมราชองครักษ์ก็ได้มาอัลตร้าซาวด์ตามนัด ห้องอัลตร้าซาวด์จะเป็นห้องขนาดเล็ก ปิดไฟและเงียบ เพื่อไม่ให้สัตว์กระวนกระวาย บางครั้งอาจต้องปิดแอร์เพื่อให้มีเสียงกระตุ้นสัตว์น้อยที่สุด และจำเป็นต้องใช้ผู้ช่วยหรือนิสิตจับให้สัตว์อยู่นิ่งๆ เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ดิ้นจนการอัลตร้าซาวด์ไม่เป็นผล

ดิฉันและเพื่อนรวม 7 คน เข้าไปสุมกันอยู่ในห้องโดยมีอาจารย์ไพวิภา มือหนึ่งด้านอัลตร้าซาวด์ของโรงพยาบาลเป็นผู้ดำเนินการ คุณแป๊ะฮวยเป็นสุนัขใหญ่ใจดี นอนนิ่งให้ราชองครักษ์จับส่วนหัว ส่วนนิสิตที่เหลือก็จับพุง จับตูดกันตามสบาย จนกระทั่งเวลาล่วงเลยสักพักก็มีกลิ่นเหม็นเน่าลอยคละคลุ้งทั่วห้อง

พวกเราไม่กล้าเอะอะ เพราะข้างหน้าก็อาจารย์ ข้างๆ ก็ราชองครักษ์ ดิฉันจึงค่อยๆ ไล่มองเพื่อนทีละคน ด้วยสายตาตำหนิแกมเจ็บปวด เพื่อนคนแรก ส่ายหน้าอย่างแข็งขันพร้อมทำหน้าตาให้ดูจริงใจที่สุด คนที่สองก็แล้ว คนที่สามก็แล้ว จนกระทั่งคนที่ 7 ไม่มีใครยอมรับผิด กลิ่นเริ่มทารุณขึ้นทุกที จนใกล้จะกลายเป็นการฆาตกรรม 9 ชีวิตกับ 1 สุนัขในห้องปิดตาย

ทันใดนั้นก็มีเสียง ป้าดดดดด!!!! แล้วอาจารย์ไพวิภาก็พูดแกมหัวเราะว่า "อุ๊ยตาย สงสัยจิ้มพุงคุณแปะฮวยแรงไปหน่อย" สรุป ต้นเหตุคือตัวที่กำลังนอนยิ้มเผล่อยู่บนเตียงแล้วมองพวกเราด้วยหางตานี่ล่ะค่ะ...



ขอบคุณเรื่องเล่าจากคุณ “Panvard Unjai”
กำลังโหลดความคิดเห็น