ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ปฏิบัติการโยนก้อนหินถามทางของ “คณะรัฐบุคคล” ผู้อาวุโสที่ห่วงใยบ้านเมืองที่นำเสนอทางออกจากวิกฤตของประเทศโดยขอให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี พูดคุยกับองค์กรต่างๆ ที่เป็นหลักของบ้านเมืองเพื่อร่างพระบรมราชโองการขึ้นทูลเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย มีอันต้องพับแผน เพราะสัญญาณจากบ้านสี่เสาเทเวศร์เกิดล่มกลางคัน ทิ้งให้คณะรัฐบุคคลหน้าแหกซ้ำยังหมิ่นศักดิ์ศรี
งานนี้นายทหารแก่ พล.อ.สายหยุด เกิดผล ประธานคณะรัฐบุคคล จึงมีแฉแบบเจ็บลึกๆ กันทั้งสองฝ่าย
ทั้งๆ นี้ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ วันเสาร์ที่ 26 เม.ย. ที่ผ่านมา พล.อ.สายหยุด เพิ่งกระพือข่าว พล.อ.เปรม เห็นด้วยกับแนวทางของคณะรัฐบุคคล หลังจากพล.อ.เปรม เชิญให้พล.อ.สายหยุด เข้าพบ โดย “ไทยโพสต์” รายงานคำยืนยันจากพล.อ.สายหยุดว่า “ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง เพราะ พล.อ.เปรม มีความห่วงใยบ้านเมือง และติดตามข้อเสนอของพวกเราอยู่ จึงเชิญเข้าพบเมื่อวันที่ 25 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องดังกล่าวสืบเนื่องจากคณะรัฐบุคคล ได้รณรงค์แนวคิดที่จะพึ่งพระบารมี โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ พล.อ.เปรมรับสนองพระบรมราชโองการ
“ขั้นตอนจากนี้คือ 1.พล.อ.เปรม ขอให้คณะรัฐบุคคลร่างพระบรมราชโองการเสนอ ซึ่งเรากำลังร่างอยู่ 2.พล.อ.เปรม ตรวจปรับ หรือส่งแก้ไขร่างพระบรมราชโองการ 3.พล.อ.เปรม นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย 4.นำร่างฯ มาประกาศแก่ประชาชนทั่วไป ทั้งนี้ คณะรัฐบุคคลกำลังร่างอยู่ คาดว่าอีก 2-3 วันจะแล้วเสร็จ
“หลักการทั่วไปของร่างนี้ ผมยืนยันว่าจะไม่ผิดรัฐธรรมนูญ และไม่ใช่มาตรา 7 แต่เป็นอำนาจขององค์ประมุขของประเทศ ที่มีอำนาจบริหารในการออกพระบรมราชโองการได้ ให้เปรียบประเทศที่มีประธานาธิบดี ถ้ามีเหตุการณ์บ้านเมือง ประธานาธิบดีของเขาสามารถออกกฎหมายได้ทันที บ้านเมืองก็เรียบร้อย ประเทศเราพระองค์ท่านก็ออกได้ เพราะทรงเป็นองค์พระประมุขอยู่ในรัฐธรรมนูญ มีหน้าที่เหมือนกัน และก็ใช้อำนาจบริหารตามรัฐธรรมนูญที่เคยทำมาแล้ว” พล.อ.สายหยุด แจกแจงแนวคิดและความเป็นไปได้
ทว่า ทันทีที่มีข่าวเผยแพร่ออกไปสู่สาธารณชน พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ และในฐานะทหารคนสนิท พล.อ.เปรม ก็ออกมาปฏิเสธโดยระบุว่า คณะรัฐบุคคลได้เข้าพบพล.อ.เปรม จริงแต่เป็นเพียงแค่การรับทราบข้อมูล แนวคิด และสิ่งที่คณะรัฐบุคคลกำลังจะทำเท่านั้น ยังไม่มีแนวคิดที่จะนำร่างพระบรมราชโองการขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ตามความคิดของคณะรัฐบุคคลแต่อย่างใด
เมื่อเรื่องราวกลับตาลปัตรเช่นนี้ พล.อ.สายหยุด ก็ออกอาการงง สวนกลับว่าไม่ได้กระเสือกกระสนขอเข้าพบ แต่พล.อ.เปรม โทรศัพท์มาให้ไปหาด้วยตัวเอง และยังมีน้อยอกน้อยใจที่พอเกิดเรื่องขึ้นมา “ป๋าเปรม” กลับไม่โทร.มาเคลียร์ด้วยตัวเองเหมือนตอนที่เชิญไปพบ แต่กลับให้นายทหารคนสนิทโทรศัพท์มาหาแทน
พล.อ.สายหยุด ร่ายยาวถึงที่มาที่ไปของเหตุการณ์สัญญาณล่มว่า “สิ่งที่ตนพูดทั้งหมดเป็นเรื่องจริง และไม่รู้ว่าทำไม พล.อ.เปรม ถึงเปลี่ยนใจ ต้องไปถามท่าน ยืนยันว่าพูดความจริงทุกอย่าง และเมื่อวานนี้ (27 เม.ย.) พล.อ.เปรมได้ให้นายทหารคนสนิทโทรศัพท์มาหาตนเพื่อให้พูดคุยกับ พล.อ.เปรม ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยทาง พล.อ.เปรม บอกว่าตนเข้าใจผิด ตนก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าสิ่งที่พูดไปเรื่องจริง
“เมื่อวันศุกร์ที่ 25 เม.ย. ผมได้พูดคุยป๋าเปรม โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมงกว่าในเรื่องการแก้วิกฤตของประเทศ และก่อนผมจะกลับจากบ้านสี่เสาเทเวศร์ ได้พูดกับป๋าเปรมว่าจะนำเรื่องดังกล่าวไปชี้แจงสื่อให้รับทราบเพื่อป้องกันการเข้าใจผิดในลักษณะนี้ โดยผมได้พูดกับ พล.อ.เปรมไป แต่ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ตอนนี้เรื่องกลับตาลปัตร ซึ่งตอนแรกที่ให้ผมเข้าพบ ป๋าเปรมเป็นฝ่ายยกหูมาหาผม แต่มาวันนี้กลับให้ทหารคนสนิทยกหูมาหา ต้องให้เกียรติผมด้วย และการที่ผมไปพบป๋าเปรม ผมไม่ได้กระเสือกกระสนไป ท่านเป็นฝ่ายเชิญผม”
พล.อ.สายหยุด ยังย้ำอีกว่า ก่อนที่จะออกมาพูดได้บอกกล่าว พล.เปรม แล้วว่าจะชี้แจงสื่อ ท่านไม่ได้แย้งอะไร ส่วนร่างดังกล่าวกำลังดำเนินการ แต่ยังไม่แล้วเสร็จและจะดำเนินการต่อ จะไม่ยุติยืนยันจะเดินหน้าต่อไปเพื่อยุติความขัดแย้งให้ได้ ส่วนการที่ พล.อ.เปรม เปลี่ยนใจก็ไม่ผิดหวังอะไร
การแฉเบื้องหลังของพล.อ.สายหยุด อาจลุกลามบานปลายเพราะมีพวกจ้องขยายผลอยู่แล้ว ทำให้ พล.ท.พิษณุ ออกมาชี้แจงอีกครั้งว่า เรื่องที่พล.อ.สายหยุด เข้าพบพล.อ.เปรม นั้น ทางพล.อ.สายหยุดคงเข้าใจผิดว่า พล.อ.เปรม ตอบรับข้อเสนอในเบื้องต้น ทว่าตอนนี้ได้มีการพูดคุยกันเป็นที่เข้าใจเรียบร้อยแล้ว และขอให้เรื่องจบแต่เพียงเท่านี้ อย่ามาคาดคั้นกันอีก
ส่วนกรณีที่ พล.อ.สายหยุด กล่าวในทำนองตัดพ้อว่าวันเรียกไปพูดคุย พล.อ.เปรมได้โทรศัพท์ด้วยตนเองไปหา พล.อ.สายหยุดด้วยตนเอง หากแต่มาวันนี้กลับให้ทหารคนสนิทโทรศัพท์ไปหาต้องให้เกียรติกันด้วยนั้น คิดว่าเป็นการเข้าใจผิดเหมือนกัน เรื่องนี้เป็นที่เข้าใจกันดีแล้วไม่มีปัญหาแต่ประการใด และพล.อ.เปรม คงไม่เรียกพล.อ.สายหยุด และคณะรัฐบุคคลเข้ามาหารืออีกแล้ว “ไม่มีอีกแล้วครั้งนี้ครั้งเดียวจบ และขอให้ไปพูดกันเรื่องอื่นดีกว่า”
ทางพล.อ.สายหยุด ก็ยอมให้เรื่องนี้จบลงโดยดีแม้จะยังคาใจท่าทีที่เปลี่ยนไปของพล.อ.เปรม โดยพล.อ.สายหยุด ได้โทรศัพท์ไปหาพล.อ.เปรม อีกครั้งหลังจากนายทหารคนสนิทของพล.อ.เปรม ออกมาปฏิเสธข่าว “..... เสียใจว่าทำไมไม่บอกด้วยตัวเอง จึงโทรศัพท์ไปสอบถามพลเอกเปรมเเละทำความเข้าใจ โดยพลเอกเปรมบอกว่า ไม่ได้บอกว่าเห็นด้วยหรือไม่ และผมเข้าใจผิดเอง ฉะนั้นยินดีรับว่าเข้าใจผิดเอง เเละไม่รู้ว่าพลเอกเปรมคิดอะไรอยู่....”
อย่างไรก็ตาม ประธานคณะรัฐบุคคล ยังไม่ล้มเลิกความมุ่งหมายที่จะอาศัยพระบารมีมาแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง แม้พล.อ.เปรม ไม่ทำ ก็จะอาศัยช่องทางอื่นไม่มีตัน เพราะเวลานี้ประชาชนบ้านเมืองนี้เดือดร้อน แต่ผู้ใหญ่หลายคนไม่เอาตัวมาเสี่ยง ยกเว้นพล.อ.สายหยุด ที่ปวารณาตัวแล้วว่าจะยอมเสี่ยงเพื่อทำงานให้องค์พระประมุขเป็นหลัก
เมื่อสัญญาณจากบ้านสี่เสาเทเวศร์ล่ม คงได้แต่รอลุ้นและเอาใจช่วยกันต่อไปว่า คณะรัฐบุคคลจะผ่าทางตันวิกฤตประเทศครั้งนี้สำเร็จหรือไม่?