วานนี้ (30เม.ย.) สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้เปิดให้ ส.ว.เลือกตั้งชุดใหม่ ที่ได้รับการรับรองจาก กกต. มารายงานตัว โดยมีส.ว.ทยอยมารายงานตัวกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมเข้าร่วมประชุมวุฒิสภา สมัยวิสามัญที่จะมีขึ้นในวันที่ 2 พ.ค.นี้
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานวุฒิสภา กล่าวถึง กรณีนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา จะเสนอญัตติเพื่อให้เลือกประธาน และรองประธานวุฒิ ในการประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ หลังจากพิจารณาวาระ การเลือกกรรมการ ป.ป.ช. และผู้ทรงคุณวุฒิในศาลปกครองเสร็จแล้ว ว่า เป็นความคิดเห็นที่สมาชิกท่านหนึ่ง จะสามารถแสดงความคิดเห็นได้ แต่ในที่สุดต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุมว่าจะเห็นอย่างไร ตนไม่สามารถตอบได้ว่า จะมีสิทธิ์พิจารณาได้หรือไม่ เพราะจะถือเป็นการชี้นำ
ส่วนที่นายไพบูลย์ ระบุว่า จะเสนอชื่อตน เข้าชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภานั้น นายสุรชัย กล่าวว่า ส่วนตัวถ้าได้รับความไว้วางใจในการเสนอชื่อ ก็พรอ้มที่จะแข่งขันตามกติกา และข้อบังคับที่กำหนดไว้
เมื่อถามว่า มีการเช็กเสียงหรือไม่ว่า เสียง ส.ว.เกินกึ่งหนึ่ง จะสนับสนุนนายสุรชัย ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา นายสุรชัย กล่าวว่า ใครก็ได้มาเป็นวุฒิสภา จะต้องมีความเป็นกลาง เป็นอิสระ ไม่ถูกครอบงำจากฝ่ายการเมือง และต้องเป็นผู้ที่สร้างความเป็นเอกภาพ เป็นปึกแผ่นให้สถาบันวุฒิสภา เพราะปัจจุบันสังคมคาดหวังกับสถาบันวุฒิสภา อย่างยิ่ง เพราะถือเป็นสถาบันนิติบัญญัติเดียวที่ยังเหลืออยู่
ดังนั้นใครที่เข้ามาเป็น ต้องมีหลักมีเกณฑ์ทำให้วุฒิสภาให้เป็นสภาของผู้ใหญ่ เมื่อถามว่าหากได้รับตำแหน่งประธานวุฒิสภาจริง จะสามารถรับมือต่อแรงกดดันจากฝ่ายการเมืองต่างๆได้หรือไม่ นายสุรชัย กล่าวว่า ตนมีความพร้อม ขนาดปฏิบัติหน้าที่แทนประธานวุฒิสภา ก็ยังมีแรงบีบมาทุกทาง ถ้าตนได้รับความไว้วางใจจริงถึงตอนนั้นก็ต้องทนให้ได้
**ชี้36 ส.ว.ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่
นายสุรชัย ยังกล่าวถึงกรณี ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ส.ว. 36 คน ว่า ส.ว.ทั้ง 36 คน ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีพิจารณาถอดถอนแล้วเสร็จ แต่ตอนนี้มีประเด็นที่ต้องพิจารณาคือ การสิ้นสุดสมาชิกภาพ ซึ่งยังเห็นกันอยู่ 2 มุม คือ
1. สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้วินิจฉัยว่าการสิ้นสุดสมาชิกภาพของ ส.ว.ชุดเก่า จะนับตั้งแต่ กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ว.ใหม่ครบ 95 เปอร์เซ็นต์ แต่ ส.ว.ชุดเดิมเห็นว่า การตีความดังกล่าวไม่ถูก โดยเห็นว่าการสิ้นสุดสมาชิกภาพต่อเมื่อ ส.ว.ชุดใหม่ ได้ปฎิญาณตน ซึ่งมีความเหลื่อมกัน 2 วัน ดังนั้น จึงอยากให้มีการทบทวนในประเด็นนี้ โดยดูจากหลักกฎหมายที่นำมาควบคุม รวมถึงสอบถามความเห็นหน่วยงานต่างๆ ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง
2. มีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับการจ่ายสิทธิประโยชน์ของ ส.ว.ชุดเดิม ดังนั้นเรื่องที่เกี่ยวกับการเงินโดยปกติ สตง. จะเป็นผู้เข้ามากำกับและตรวจสอบ ซึ่งการเบิกจ่ายต้องยึดระเบียบ และข้อกำหนดของ สตง. เป็นหลัก ส่วนตนได้ให้นโยบายไปว่า ไม่ขัดข้องหากมีการเบิกจ่าย แต่ทุกอย่างต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย และ สตง.ไม่ขัดข้อง ดังนั้นประเด็นที่เกิดขึ้น จะให้ทางสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาในฐานะหน่วยงานธุรการ ไปดำเนินการ ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นปัญหา
**"จองชัย"เสนอญัตติเลื่อนชิงปธ.วุฒิ
นายจองชัย เที่ยงธรรม ส.ว.สุพรรณบุรี หนึ่งในแคนดิเดตผู้เข้าชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยในการเร่งวันเลือกประธานวุฒิสภา เนื่องจากอาจได้ประธานวุฒิสภาที่ไม่มีคุณภาพ และถูกเพื่อนสมาชิกวุฒิสภาคัดค้านในที่ประชุมได้ ซึ่งตนจะเสนอเลื่อนญัตติการเลือกประธานวุฒิสภาออกไปก่อน แต่ต้องฟังเสียงที่ประชุมด้วย เพราะการเลือกประธานวุฒิสภาในขณะนี้ ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน ยังมีผู้ปฏิบัติหน้าที่ประธานวุฒิสภาทำหน้าที่อยู่
ขณะเดียวกัน ต้องการให้เสียงที่เลือกประธานวุฒิสภามาทำหน้าที่นั้น มาจากสำนึกความรู้สึกว่าเป็นผู้สมควรนั่งตำแหน่งประธานสภาสูง และผู้มาทำหน้าที่ มีความภาคภูมิใจอย่างแท้จริง โดยขณะนี้สมาชิกวุฒิสภา ยังไม่ครบจำนวน 150 คน และสมาชิกยังไม่มีโอกาสทำความรู้จักกัน หากมีการเลือกประธานวุฒิสภา อาจเกิดความได้เปรียบ เสียเปรียบ
อย่างไรก็ตาม นายจองชัย เชื่อว่า จะมีการเสนอญัตติเลือกประธานวุฒิสภา ในช่วงวันสุดท้ายของการเปิดประชุมวุฒิสภา หรือประมาณวันที่ 8-9 พ.ค. ซึ่งนายจองชัย ระบุว่า พร้อมจะลงชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภาทันที เนื่องจากมีประสบการณ์มากเพียงพอ จากการทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลายสมัย ตำแหน่งอดีต รมช.พัฒนาสังคม ฯ และรมช.คมนาคม รวมถึงอดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานวุฒิสภา กล่าวถึง กรณีนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา จะเสนอญัตติเพื่อให้เลือกประธาน และรองประธานวุฒิ ในการประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ หลังจากพิจารณาวาระ การเลือกกรรมการ ป.ป.ช. และผู้ทรงคุณวุฒิในศาลปกครองเสร็จแล้ว ว่า เป็นความคิดเห็นที่สมาชิกท่านหนึ่ง จะสามารถแสดงความคิดเห็นได้ แต่ในที่สุดต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุมว่าจะเห็นอย่างไร ตนไม่สามารถตอบได้ว่า จะมีสิทธิ์พิจารณาได้หรือไม่ เพราะจะถือเป็นการชี้นำ
ส่วนที่นายไพบูลย์ ระบุว่า จะเสนอชื่อตน เข้าชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภานั้น นายสุรชัย กล่าวว่า ส่วนตัวถ้าได้รับความไว้วางใจในการเสนอชื่อ ก็พรอ้มที่จะแข่งขันตามกติกา และข้อบังคับที่กำหนดไว้
เมื่อถามว่า มีการเช็กเสียงหรือไม่ว่า เสียง ส.ว.เกินกึ่งหนึ่ง จะสนับสนุนนายสุรชัย ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา นายสุรชัย กล่าวว่า ใครก็ได้มาเป็นวุฒิสภา จะต้องมีความเป็นกลาง เป็นอิสระ ไม่ถูกครอบงำจากฝ่ายการเมือง และต้องเป็นผู้ที่สร้างความเป็นเอกภาพ เป็นปึกแผ่นให้สถาบันวุฒิสภา เพราะปัจจุบันสังคมคาดหวังกับสถาบันวุฒิสภา อย่างยิ่ง เพราะถือเป็นสถาบันนิติบัญญัติเดียวที่ยังเหลืออยู่
ดังนั้นใครที่เข้ามาเป็น ต้องมีหลักมีเกณฑ์ทำให้วุฒิสภาให้เป็นสภาของผู้ใหญ่ เมื่อถามว่าหากได้รับตำแหน่งประธานวุฒิสภาจริง จะสามารถรับมือต่อแรงกดดันจากฝ่ายการเมืองต่างๆได้หรือไม่ นายสุรชัย กล่าวว่า ตนมีความพร้อม ขนาดปฏิบัติหน้าที่แทนประธานวุฒิสภา ก็ยังมีแรงบีบมาทุกทาง ถ้าตนได้รับความไว้วางใจจริงถึงตอนนั้นก็ต้องทนให้ได้
**ชี้36 ส.ว.ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่
นายสุรชัย ยังกล่าวถึงกรณี ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ส.ว. 36 คน ว่า ส.ว.ทั้ง 36 คน ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีพิจารณาถอดถอนแล้วเสร็จ แต่ตอนนี้มีประเด็นที่ต้องพิจารณาคือ การสิ้นสุดสมาชิกภาพ ซึ่งยังเห็นกันอยู่ 2 มุม คือ
1. สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้วินิจฉัยว่าการสิ้นสุดสมาชิกภาพของ ส.ว.ชุดเก่า จะนับตั้งแต่ กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ว.ใหม่ครบ 95 เปอร์เซ็นต์ แต่ ส.ว.ชุดเดิมเห็นว่า การตีความดังกล่าวไม่ถูก โดยเห็นว่าการสิ้นสุดสมาชิกภาพต่อเมื่อ ส.ว.ชุดใหม่ ได้ปฎิญาณตน ซึ่งมีความเหลื่อมกัน 2 วัน ดังนั้น จึงอยากให้มีการทบทวนในประเด็นนี้ โดยดูจากหลักกฎหมายที่นำมาควบคุม รวมถึงสอบถามความเห็นหน่วยงานต่างๆ ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง
2. มีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับการจ่ายสิทธิประโยชน์ของ ส.ว.ชุดเดิม ดังนั้นเรื่องที่เกี่ยวกับการเงินโดยปกติ สตง. จะเป็นผู้เข้ามากำกับและตรวจสอบ ซึ่งการเบิกจ่ายต้องยึดระเบียบ และข้อกำหนดของ สตง. เป็นหลัก ส่วนตนได้ให้นโยบายไปว่า ไม่ขัดข้องหากมีการเบิกจ่าย แต่ทุกอย่างต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย และ สตง.ไม่ขัดข้อง ดังนั้นประเด็นที่เกิดขึ้น จะให้ทางสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาในฐานะหน่วยงานธุรการ ไปดำเนินการ ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นปัญหา
**"จองชัย"เสนอญัตติเลื่อนชิงปธ.วุฒิ
นายจองชัย เที่ยงธรรม ส.ว.สุพรรณบุรี หนึ่งในแคนดิเดตผู้เข้าชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยในการเร่งวันเลือกประธานวุฒิสภา เนื่องจากอาจได้ประธานวุฒิสภาที่ไม่มีคุณภาพ และถูกเพื่อนสมาชิกวุฒิสภาคัดค้านในที่ประชุมได้ ซึ่งตนจะเสนอเลื่อนญัตติการเลือกประธานวุฒิสภาออกไปก่อน แต่ต้องฟังเสียงที่ประชุมด้วย เพราะการเลือกประธานวุฒิสภาในขณะนี้ ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน ยังมีผู้ปฏิบัติหน้าที่ประธานวุฒิสภาทำหน้าที่อยู่
ขณะเดียวกัน ต้องการให้เสียงที่เลือกประธานวุฒิสภามาทำหน้าที่นั้น มาจากสำนึกความรู้สึกว่าเป็นผู้สมควรนั่งตำแหน่งประธานสภาสูง และผู้มาทำหน้าที่ มีความภาคภูมิใจอย่างแท้จริง โดยขณะนี้สมาชิกวุฒิสภา ยังไม่ครบจำนวน 150 คน และสมาชิกยังไม่มีโอกาสทำความรู้จักกัน หากมีการเลือกประธานวุฒิสภา อาจเกิดความได้เปรียบ เสียเปรียบ
อย่างไรก็ตาม นายจองชัย เชื่อว่า จะมีการเสนอญัตติเลือกประธานวุฒิสภา ในช่วงวันสุดท้ายของการเปิดประชุมวุฒิสภา หรือประมาณวันที่ 8-9 พ.ค. ซึ่งนายจองชัย ระบุว่า พร้อมจะลงชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภาทันที เนื่องจากมีประสบการณ์มากเพียงพอ จากการทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลายสมัย ตำแหน่งอดีต รมช.พัฒนาสังคม ฯ และรมช.คมนาคม รวมถึงอดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
