“ทีโอเอ”เผยเศรษฐกิจซบฉุดตลาดสีทาอาคารปี57 แต่ยังพบแนวโน้มตลาดซ่อมแซมบ้านเก่าขยายตัวสูง เร่งเดินหน้าเจาะกลุ่มรีโนเวต ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ลุย ชู 3 กลยุทธ์หลัก เพิ่มช่องทางขายผ่านดีลเลอร์ จับมือผู้รับเหมาฯ-ช่างสี ผนึกคู่ค้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ มัดใจ-เข้าถึงลูกค้า มั่นใจยอดขายทั้งปี 400 ล้านบาท ด้านสีเดลต้าตั้งเป้าพันล้านเจาะตลาดสีรองพื้นทาบ้าน
นายพงษ์เชิด จามีกรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัญหาการเมือง และเศรษฐกิจชะลอตัวในปัจจุบันส่งผลให้อุตกรรมสีขยายตัวได้ไม่มากเท่าที่ควร โดยคาดว่าตลาดสีทาอาคารในปีนี้จะมีมูลค่ารวมประมาณ 22,000 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา มีอัตราการขยายตัวที่ 6-8% ขณะที่ ทีโอเอ ตั้งเป้าว่าในปีนี้จะมีอัตราการเติบโตของกลุ่มสีทาอาคารที่ 10% สูงกว่าตลาดรวม โดยในปัจจุบันบริษัทมีแชร์ตลาดรวมสีทาอาคารมากกว่า 50%
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดรวมสีทาอาคารจะมีการขยายตัวไม่มาก เพราะตลาดบ้านใหม่ชะลอตัว แต่ในตลาดรีโนเวต หรือซ่อมแซมบ้านเก่ากลับมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่สูงกว่าตลาดบ้านใหม่อย่างมาก ทั้งนี้ จากการที่ทีมวิจัยของทีโอเอ ได้เก็บข้อมูลการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยเก่าพบว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น และมีการสอบถามเข้ามาที่บริษัทกว่า 80% ซึ่งลูกค้าต้องการแก้ไขด่วนคือ ปัญหาการแตกร้าวภายในอาคาร และการรั่วซึมของน้ำจากชั้นดาดฟ้าที่เกิดขึ้นในที่อยู่อาศัยประเภทอาคารชุด และทาวน์เฮาส์
จากการจัดเก็บข้อมูลพื้นที่ในแต่ละปีพบว่า พื้นที่ดาดฟ้าในตลาดรวมมีอยู่ประมาณ 55 ล้านตารางเมตร และมีการซ่อมแซมกว่า 5% ของพื้นที่โดยรวมในทุกๆ ปี ซึ่ง ทีโอเอ มองเห็นโอกาสในการขยายตลาดกลุ่มเคมีภัณฑ์ก่อสร้างจากตลาดดังกล่าว โดยล่าสุด ทีโอเอ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์เคมีก่อสร้าง TOA Roofseal ผลิตภัณฑ์เคมีก่อสร้างป้องกันและแก้ปัญหาน้ำซึม โดยตั้งเป้าว่าในปีนี้จะมียอดขายจากสินค้าดังกล่าวที่ 400 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 30%
โดยกลยุทธ์หลักๆ ที่จะใช้ในการทำตลาดของ TOA Roofseal ประกอบด้วย 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1.การเพิ่มช่องทางการขายผ่านกลุ่มดีลเลอร์ หรือตัวแทนจำหน่ายของ ทีโอเอ ซึ่งมีอยู่กว่า 5,000 ร้านค้าทั่วประเทศ 2.การจับมือกับกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง-ช่างสี ซึ่งเป็นผู้แนะนำและนำสินค้าเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคโดยตรง และ 3.การพัฒนาสินค้าร่วมกับคู่ค้าอย่างต่อเนื่อง
นายพงษ์เชิด กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีรายได้จาก 2 กลุ่มสินค้าคือ กลุ่มสีทาอาคาร ซึ่งประกอบด้วย สีน้ำมัน และสีน้ำ โดยมีแชร์รายได้รวมที่ 80% และกลุ่มเคมีภัณฑ์ ซึ่งแชร์รายได้รวมของบริษัทอยู่ 20% โดยในส่วนของผลิตภัณฑณ์ TOA Roofseal มีส่วนแบ่งรายได้รวมของกลุ่มสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ 3-4%
“สำหรับทีโอเอ มีส่วนแบ่งตลาดเคมีภัณฑ์ก่อสร้างที่ 10% จากมูลค่าตลาดรวมประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งรายได้จากตลาดรวมสีทาอาคารอยู่ที่ 50% เศษ จากมูลค่าตลาดรวมที่ 22,000 ล้านบาท”
***สีเดลต้าตั้งเป้าพันล.ตลาดสีรองพื้นทาบ้าน
นายอรรถพล ตั้งคารวคุณ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท สีเดลต้า จำกัด กล่าวว่า ในการรุกตลาดปีนี้ จะเจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรี่เมียมที่เป็นคนรุ่นใหม่ ผู้รักสุขภาพและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมสี “สีรองพื้น” และ “สีทาบ้าน” ซึ่งในไตรมาส 2 นี้ จะรุกตลาดด้วยการเปิดตัว “ท็อปเทคไพรเมอร์” สีรองพื้นทาบ้าน “สูตรน้ำ” นวัตกรรมใหม่ล่าสุด ภายใต้สโลแกน “สีรองพื้นตัวท็อป ต้องท็อปเทค” เป็นแบรนด์แรกในประเทศไทย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและรองรับการเติบโตของตลาด ทั้งนี้ ในการรุกตลาดปี 2557 สีเดลต้า จะใช้งบส่งเสริมการตลาด ประมาณ 40-50 ล้านบาท โดยตั้งเป้ารายได้รวมไว้ที่ 1,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 20%
นายอรรถพล กล่าวว่า ในปัจจุบันตลาดสีมีมูลค่ารวมกว่า 15,500 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2557 ในส่วนของธุรกิจอสังหาฯ มีอัตราการเติบโตลดลงมาประมาณ 5-10% ทั้งนี้ อัตราการเติบโตจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง น่าจะเห็นได้ชัดเจนในช่วงไตรมาสที่ 3 อย่างไรก็ตาม “สีเดลต้า” มีแผนที่จะเปิดตัวสีนวัตกรรมใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีกหลายไอเท็ม เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่มีความหลากหลาย ยิ่งไปกว่านั้นจะตั้งโรงงานผลิตสีแห่งใหม่ในย่านลาดกระบัง ซึ่งจะผลิตสีด้วยเทคโนโลยีแบบสูญญากาศ ด้วยงบลงทุนกว่า 200 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตสีและรองรับความต้องการของลูกค้าทั้งในประเทศ ตลาดส่งออก และตลาดเออีซี.
นายพงษ์เชิด จามีกรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัญหาการเมือง และเศรษฐกิจชะลอตัวในปัจจุบันส่งผลให้อุตกรรมสีขยายตัวได้ไม่มากเท่าที่ควร โดยคาดว่าตลาดสีทาอาคารในปีนี้จะมีมูลค่ารวมประมาณ 22,000 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา มีอัตราการขยายตัวที่ 6-8% ขณะที่ ทีโอเอ ตั้งเป้าว่าในปีนี้จะมีอัตราการเติบโตของกลุ่มสีทาอาคารที่ 10% สูงกว่าตลาดรวม โดยในปัจจุบันบริษัทมีแชร์ตลาดรวมสีทาอาคารมากกว่า 50%
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดรวมสีทาอาคารจะมีการขยายตัวไม่มาก เพราะตลาดบ้านใหม่ชะลอตัว แต่ในตลาดรีโนเวต หรือซ่อมแซมบ้านเก่ากลับมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่สูงกว่าตลาดบ้านใหม่อย่างมาก ทั้งนี้ จากการที่ทีมวิจัยของทีโอเอ ได้เก็บข้อมูลการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยเก่าพบว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น และมีการสอบถามเข้ามาที่บริษัทกว่า 80% ซึ่งลูกค้าต้องการแก้ไขด่วนคือ ปัญหาการแตกร้าวภายในอาคาร และการรั่วซึมของน้ำจากชั้นดาดฟ้าที่เกิดขึ้นในที่อยู่อาศัยประเภทอาคารชุด และทาวน์เฮาส์
จากการจัดเก็บข้อมูลพื้นที่ในแต่ละปีพบว่า พื้นที่ดาดฟ้าในตลาดรวมมีอยู่ประมาณ 55 ล้านตารางเมตร และมีการซ่อมแซมกว่า 5% ของพื้นที่โดยรวมในทุกๆ ปี ซึ่ง ทีโอเอ มองเห็นโอกาสในการขยายตลาดกลุ่มเคมีภัณฑ์ก่อสร้างจากตลาดดังกล่าว โดยล่าสุด ทีโอเอ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์เคมีก่อสร้าง TOA Roofseal ผลิตภัณฑ์เคมีก่อสร้างป้องกันและแก้ปัญหาน้ำซึม โดยตั้งเป้าว่าในปีนี้จะมียอดขายจากสินค้าดังกล่าวที่ 400 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 30%
โดยกลยุทธ์หลักๆ ที่จะใช้ในการทำตลาดของ TOA Roofseal ประกอบด้วย 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1.การเพิ่มช่องทางการขายผ่านกลุ่มดีลเลอร์ หรือตัวแทนจำหน่ายของ ทีโอเอ ซึ่งมีอยู่กว่า 5,000 ร้านค้าทั่วประเทศ 2.การจับมือกับกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง-ช่างสี ซึ่งเป็นผู้แนะนำและนำสินค้าเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคโดยตรง และ 3.การพัฒนาสินค้าร่วมกับคู่ค้าอย่างต่อเนื่อง
นายพงษ์เชิด กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีรายได้จาก 2 กลุ่มสินค้าคือ กลุ่มสีทาอาคาร ซึ่งประกอบด้วย สีน้ำมัน และสีน้ำ โดยมีแชร์รายได้รวมที่ 80% และกลุ่มเคมีภัณฑ์ ซึ่งแชร์รายได้รวมของบริษัทอยู่ 20% โดยในส่วนของผลิตภัณฑณ์ TOA Roofseal มีส่วนแบ่งรายได้รวมของกลุ่มสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ 3-4%
“สำหรับทีโอเอ มีส่วนแบ่งตลาดเคมีภัณฑ์ก่อสร้างที่ 10% จากมูลค่าตลาดรวมประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งรายได้จากตลาดรวมสีทาอาคารอยู่ที่ 50% เศษ จากมูลค่าตลาดรวมที่ 22,000 ล้านบาท”
***สีเดลต้าตั้งเป้าพันล.ตลาดสีรองพื้นทาบ้าน
นายอรรถพล ตั้งคารวคุณ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท สีเดลต้า จำกัด กล่าวว่า ในการรุกตลาดปีนี้ จะเจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรี่เมียมที่เป็นคนรุ่นใหม่ ผู้รักสุขภาพและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมสี “สีรองพื้น” และ “สีทาบ้าน” ซึ่งในไตรมาส 2 นี้ จะรุกตลาดด้วยการเปิดตัว “ท็อปเทคไพรเมอร์” สีรองพื้นทาบ้าน “สูตรน้ำ” นวัตกรรมใหม่ล่าสุด ภายใต้สโลแกน “สีรองพื้นตัวท็อป ต้องท็อปเทค” เป็นแบรนด์แรกในประเทศไทย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและรองรับการเติบโตของตลาด ทั้งนี้ ในการรุกตลาดปี 2557 สีเดลต้า จะใช้งบส่งเสริมการตลาด ประมาณ 40-50 ล้านบาท โดยตั้งเป้ารายได้รวมไว้ที่ 1,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 20%
นายอรรถพล กล่าวว่า ในปัจจุบันตลาดสีมีมูลค่ารวมกว่า 15,500 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2557 ในส่วนของธุรกิจอสังหาฯ มีอัตราการเติบโตลดลงมาประมาณ 5-10% ทั้งนี้ อัตราการเติบโตจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง น่าจะเห็นได้ชัดเจนในช่วงไตรมาสที่ 3 อย่างไรก็ตาม “สีเดลต้า” มีแผนที่จะเปิดตัวสีนวัตกรรมใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีกหลายไอเท็ม เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่มีความหลากหลาย ยิ่งไปกว่านั้นจะตั้งโรงงานผลิตสีแห่งใหม่ในย่านลาดกระบัง ซึ่งจะผลิตสีด้วยเทคโนโลยีแบบสูญญากาศ ด้วยงบลงทุนกว่า 200 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตสีและรองรับความต้องการของลูกค้าทั้งในประเทศ ตลาดส่งออก และตลาดเออีซี.