นายสุนทร พยัคฆ์ อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย สภาทนายความ กล่าวถึงความคืบหน้า กรณีการช่วยเหลือชาวนาที่ได้รับผลกระทบจากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยเฉพาะกรณีที่ยังไม่ได้รับเงินค่าจำนำข้าว ว่า ขณะนี้ทางหน่วยงานและทนายความของสภาทนายความได้ทยอยฟ้องร้องให้กับชาวนาที่ได้ร้องขอแล้วกว่า 2 หมื่นราย ต่อศาลปกครองในเขตจังหวัดต่างๆ แล้ว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้รับแจ้งจากสภาทนายความจังหวัดว่า มีชาวนาบางรายได้ขอถอนการฟ้องร้อง เนื่องจากมีนักการเมืองในพื้นที่ของชาวนาร้องขอว่า อย่าให้มีการดำเนินคดีกับรัฐบาล เพื่อรักษาภาพพจน์ของรัฐบาล และรัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงได้ขู่ว่าหากชาวนายังเดินเรื่องฟ้องร้อง อาจจะถูกพิจารณาไม่ได้รับเงินค่าจำนำข้าวจากรัฐบาล
ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รักษาการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า รัฐบาลไม่ได้มีการหารือเกี่ยวกับข้อเสนอของ นายวิเชียร พวงลำเจียก นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ที่ขอให้ใช้งบประมาณกลาง 40,000 ล้านบาท มาจ่ายค่าข้าวที่ยังคงค้าง ให้ชาวนาก่อน แม้นายยรรยง พวงราช รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว
นอกจากนี้ นายกิตติรัตน์ ยังยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่ดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ฤดูกาลผลิตปี 2556/2557 เพราะไม่อยู่ในอำนาจของรัฐบาลรักษาการ แต่เห็นว่า รัฐบาลใหม่ควรดำเนินโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวอย่างเหมาะสมต่อไป
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้ (21 เม.ย. ) เวลา 10.00 น. ตนจะไปยื่นหนังสือถึง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อสอบถามความคืบหน้าทางคดี สมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ 7 เรื่อง ได้แก่ 1. กรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี สั่งสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงปี 53 จนมีผู้เสียชีวิต 99 ศพ. 2. กรณีโรงพักทดแทน 396 แห่ง 3. กรณีนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ มีคำสั่งปิดสัญญาณดาวเทียม เป็นเหตุให้ 36 เว็บไซต์ภายในประเทศ และ 15 เว็บไซต์ต่างประเทศ 15 ประเทศ ใช้งานไม่ได้ ในช่วงการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เดือนเม.ย.ปี 53
4. กรณีนายอภิสิทธิ์ ระบุว่า รัฐบาลประชาธิปัตย์ มีแนวคิดจะซื้อดาวเทียมไทยคมคืน ทั้งที่ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะอยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ และไม่ได้แถลงไว้ในนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา 5. กรณีครม. มีมติปี 52 ให้ออกใบอนุญาตก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่พัฒนาเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างร้ายแรง โดยไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 67
6.กรณีนายสุเทพ ส่อทุจริตต่อหน้าที่เกี่ยวกับวิกฤตน้ำมันปาล์ม 7. กรณีนายสุเทพในฐานะอดีตประธานคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติปล่อยให้มีการทุจริตในคณะกรรมการสงเคราะห์การทำสวนยาง ในการปรับเพิ่มอัตราจัดเก็บเงินสงเคราะห์สวนยางตามพ.ร.บ.กองทุนสงเคราะห์การทำงานสวนยาง โดยคดีเหล่านี้ไม่มีความคืบหน้า เมื่อเทียบกับคดีรับจำนำข้าวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ป.ป.ช.ไต่สวนอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้รับแจ้งจากสภาทนายความจังหวัดว่า มีชาวนาบางรายได้ขอถอนการฟ้องร้อง เนื่องจากมีนักการเมืองในพื้นที่ของชาวนาร้องขอว่า อย่าให้มีการดำเนินคดีกับรัฐบาล เพื่อรักษาภาพพจน์ของรัฐบาล และรัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงได้ขู่ว่าหากชาวนายังเดินเรื่องฟ้องร้อง อาจจะถูกพิจารณาไม่ได้รับเงินค่าจำนำข้าวจากรัฐบาล
ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รักษาการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า รัฐบาลไม่ได้มีการหารือเกี่ยวกับข้อเสนอของ นายวิเชียร พวงลำเจียก นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ที่ขอให้ใช้งบประมาณกลาง 40,000 ล้านบาท มาจ่ายค่าข้าวที่ยังคงค้าง ให้ชาวนาก่อน แม้นายยรรยง พวงราช รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว
นอกจากนี้ นายกิตติรัตน์ ยังยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่ดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ฤดูกาลผลิตปี 2556/2557 เพราะไม่อยู่ในอำนาจของรัฐบาลรักษาการ แต่เห็นว่า รัฐบาลใหม่ควรดำเนินโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวอย่างเหมาะสมต่อไป
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้ (21 เม.ย. ) เวลา 10.00 น. ตนจะไปยื่นหนังสือถึง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อสอบถามความคืบหน้าทางคดี สมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ 7 เรื่อง ได้แก่ 1. กรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี สั่งสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงปี 53 จนมีผู้เสียชีวิต 99 ศพ. 2. กรณีโรงพักทดแทน 396 แห่ง 3. กรณีนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ มีคำสั่งปิดสัญญาณดาวเทียม เป็นเหตุให้ 36 เว็บไซต์ภายในประเทศ และ 15 เว็บไซต์ต่างประเทศ 15 ประเทศ ใช้งานไม่ได้ ในช่วงการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เดือนเม.ย.ปี 53
4. กรณีนายอภิสิทธิ์ ระบุว่า รัฐบาลประชาธิปัตย์ มีแนวคิดจะซื้อดาวเทียมไทยคมคืน ทั้งที่ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะอยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ และไม่ได้แถลงไว้ในนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา 5. กรณีครม. มีมติปี 52 ให้ออกใบอนุญาตก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่พัฒนาเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างร้ายแรง โดยไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 67
6.กรณีนายสุเทพ ส่อทุจริตต่อหน้าที่เกี่ยวกับวิกฤตน้ำมันปาล์ม 7. กรณีนายสุเทพในฐานะอดีตประธานคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติปล่อยให้มีการทุจริตในคณะกรรมการสงเคราะห์การทำสวนยาง ในการปรับเพิ่มอัตราจัดเก็บเงินสงเคราะห์สวนยางตามพ.ร.บ.กองทุนสงเคราะห์การทำงานสวนยาง โดยคดีเหล่านี้ไม่มีความคืบหน้า เมื่อเทียบกับคดีรับจำนำข้าวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ป.ป.ช.ไต่สวนอย่างรวดเร็ว
