xs
xsm
sm
md
lg

ร่วมฌาปนกิจ “โกตี๋”

เผยแพร่:   โดย: สุนันท์ ศรีจันทรา

นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณหรือ “โกตี๋” แกนนำคนเสื้อแดงจังหวัดปทุมธานี ก้าวเดินมาสู่วาระสุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะถูกจับกุมตัวได้ หรือหนีระหกระเหินอยู่ต่างประเทศ

เพราะชีวิตที่เหลือไม่แตกต่างจากการตกนรก

ก่อนหน้า “โกตี๋” เป็นเพียงแกนนำคนเสื้อแดงตัวเล็กคนหนึ่ง มีรายการวิทยุปลุกระดมอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี และมีเพียงรถปิกอัพติดเครื่องขยายเสียงเก่าๆ อยู่คันหนึ่ง

แต่ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา “โกตี๋” ถูกยกระดับขึ้นมากลายเป็นแกนนำสำคัญคนหนึ่งของกลุ่มเสื้อแดง โดยเฉพาะเมื่อพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลแสดงตัวสนิทสนม โอบไหล่ถ่ายรูปเคียงคู่กัน เหมือนประกาศให้สังคมรับรู้ว่า “โกตี๋” คือเด็ก “คำรณวิทย์”

เมื่อรับการสถาปนาให้เป็นแกนนำคนสำคัญ โดยมีอำนาจรัฐและเจ้าหน้าที่หนุนหลัง “โกตี๋” ได้แสดงบทบาทรับใช้เต็มที่ เป็นแกนนำคนเสื้อแดงที่ซ่าสุดฤทธิ์สุดเดช

การเคลื่อนไหวของ “โกตี๋” จะมีรูปแบบของการก่อกวน คุกคามข่มขู่ และนิยมใช้ความรุนแรง โดยในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีหรือแม้แต่กรุงเทพฯ “โกตี๋” ทำหน้าที่ก่อกวน ข่มขู่คุกคาม หรือแม้แต่การใช้ความรุนแรง เพื่อทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

“โกตี๋” นำคนเสื้อแดงไปสร้างความปั่นป่วนที่ไหน จะได้รับการอำนวยความสะดวกอย่างดีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และไม่เคยถูกจับกุมดำเนินคดีแต่อย่างใด แม้การเคลื่อนไหวหลายครั้งจะเกิดความรุนแรงและใช้อาวุธก็ตาม โดยเฉพาะบริเวณแยกหลักสี่ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่ง “โกตี๋” นำคนเสื้อแดงพร้อมอาวุธครบมือมาดักทำร้ายผู้ชุมนุมกลุ่มหลวงปู่พุทธอิสระ

การมีนายตำรวจใหญ่คอยคุ้มครอง การมีอำนาจรัฐหนุนหลัง ทำให้ “โกตี๋” กร่างสุดขีด ประกาศท้ารบไปทั่ว ไม่เว้นแม้แต่กองทัพ หรือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.

“โกตี๋” แสดงตัวให้เห็นว่า ทุ่มเทรับใช้ระบอบทักษิณอย่างสุดตัว และแทบจะยอมตายแทนรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

การมอบกายถวายวิญญาณให้ระบอบทักษิณ “โกตี๋” คงต้องก้าวไปสู่ตำแหน่งและอำนาจทางการเมือง เหมือนแกนนำคนเสื้อแดงหลายคนก่อนๆ หน้า ซึ่งได้เป็นรัฐมนตรีมีเงินนับร้อยล้านบาท หรืออย่างน้อยก็มีตำแหน่งทางการเมือง

พฤติกรรมพื้นฐานของนายโกตี๋ ไม่ได้แตกต่างจากร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หมอหวง นายขวัญชัย ไพรพนา นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง หรือใครต่อใครอีกหลายคนที่ยอมเป็นขี้ข้ารับใช้ระบอบทักษิณ

ในเมื่อแกนนำคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ร่ำรวย ก้าวขึ้นเป็นถึงรัฐมนตรี ทำไม “โกตี๋” จะยกระดับตัวเองบ้างไม่ได้ และด้วยแรงกระตุ้นที่อยากเป็นใหญ่ ทำให้เร่งแสดงบทบาทให้เข้าตาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยไม่กลัวคุกตาราง

การพูดจาจาบจ้างหมิ่นพระบรมเดชานุภาพด้วยถ้อยคำรุนแรง ไม่เกิดขึ้นเฉพาะกรณี “โกตี๋” แต่ก่อนหน้าก็มีคนเสื้อแดงออกมาจาบจ้างจนถูกดำเนินคดีติดคุกไปแล้วหลายคน ไม่ว่านางดา ตอร์ปิโด “อากง” หรือคนอื่นๆ

กลุ่มคนที่ก่อพฤติกรรมจาบจ้างหรือหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มักเกิดขึ้นเฉพาะหมู่คนเสื้อแดง โดยล่าสุดคดีของ “ตั้ง อาชีวะ” และท้ายสุดคดีของ “โกตี๋”

พ.ต.ท.ทักษิณ รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยจะปฏิเสธได้อย่างไรว่า ไม่มีความคิด “ล้มเจ้า” จะประกาศว่ายังมีความจงรักภักดีได้อย่างไร ในเมื่อมวลชนคนเสื้อแดงหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างต่อเนื่อง ทั้งในทางเปิดเผยหรือในที่ลับ

นายโกตี๋ไม่ได้ก่อพฤติกรรมที่ชั่วร้ายมากกว่าแกนนำคนเสื้อแดงอีกหลายคนที่ เคยหมิ่นเหม่จาบจ้วง เพียงแต่ไม่ได้ประเมินสถานภาพของตัวเอง ไม่ได้ประเมินกระแสการเมือง และแสดงความเหิมเกริมมากเกินไป

เหิมเกริมจนรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์รับไม่ไหว พรรคเพื่อไทยช่วยไม่ได้ นายตำรวจที่เป็นลูกพี่ใหญ่ก็ไม่ปกป้อง แถมแกนนำคนเสื้อแดงด้วยกันยังออกมาถีบหัวส่ง ซึ่งเป็นวิธีการที่มักถูกนำมาใช้ หากคนเสื้อแดงทำอะไรพลาด จะถูกประกาศตัดหางปล่อยวัด

บทบาทของ “โกตี๋” ปิดฉากลงแล้ว ถึงหนีคุกตารางได้ แต่การหลบออกนอกประเทศ คงไม่มีชีวิตที่สุขสบายเหมือนนายประชา มาลีนนท์ หรือพ.ต.ท.ทักษิณที่นายโกตี๋ทำตัวเป็นทาสรับใช้

กรณี “โกตี๋” คงเป็นเพียงอุทธาหรณ์ของคนเสื้อแดงที่รับใช้ระบอบทักษิณ ซึ่งสุดท้ายชีวิตต้องมีอันเป็นไป และมิใช่ว่า แกนนำคนเสื้อแดงคนอื่นๆ จะหลีกหนีชะตากรรมพ้น แต่อาจยังไม่ถึงเวลาชดใช้กรรมเท่านั้น

คดี “โกตี๋” ได้ตอกย้ำถึงปรากฏการณ์การจาบจ้วงสถาบัน การหมิ่นพระบรมเดชนุภาพ ซึ่งระบาดลุกลามในวงกว้าง ตั้งแต่รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งพูดจาหมิ่นเหม่ในที่สาธารณะ การแสดงพฤติกรรมไม่บังควรกลางที่ชุมนุม หรือการจาบจ้วงออกสื่อและเว็บไซต์

การจาบจ้าง การหมิ่นพระบรมเดชานุภาพทุกคดีที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ยุครัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ เกิดจากพฤติกรรมคนเสื้อแดงทั้งสิ้น

ถ้าไม่ได้รับการยุยง ได้รับการปลุกปั่น ไม่ได้รับการมอมเมาปลุกระดมให้เกิดความคิดผิดๆ ฝังหัว คนเสื้อแดงจะมีทัศนคติในด้านลบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ได้อย่างไร

ถ้าไม่ได้รับละเว้นการสอบสวนดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และไม่ถูกเพิกเฉยจากรัฐบาล การหมิ่นพระบรมเดชานุภาพจะเกิดขึ้นอย่างโจ๋งครึ่มได้อย่างไร

และถ้าสังคมทุกภาคส่วนไม่ลุกฮือ “โกตี๋” อาจยังลอยนวลอยู่ก็ได้

แต่กระแสลุกฮือต่อต้านการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพก็ยังไม่มีพลังมากพอ เพราะถ้ามีพลังมากพอ คนเสื้อแดงและแกนนำคนเสื้อแดงอีกหลายคน จะต้องพบชะตากรรมเหมือน “โกตี๋”

ถ้าประชาชนมีพลังมากพอที่จะทำลายขบวนการล้มล้างสถาบันฯ คนเสื้อแดงคงไม่ตกเป็นเหยื่อคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ถูกมอมเมาให้เป็นบ้าเป็นหลังจนต้องตายแทนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรอีก
กำลังโหลดความคิดเห็น