จะเรียกว่าเหิมเกริม พองขนจนเกินพิกัด มันก็ต้องมีชะตากรรมอันน่าสยองแบบไม่คาดคิด ที่ผ่านมา "โกตี๋" วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หัวโจกคนเสื้อแดงปทุมธานี ที่กำลังพยายามสร้างความโดดเด่นให้กับตัวเอง เพื่อหวังถีบตัวขึ้นมาแข่งขันกับบรรดาแกนนำคนเสื้อแดงก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นพวก"สามเกลอ" วีระกานต์ มุสิกพงศ์ จตุพร พรหมพันธุ์ และ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หรือแม้แต่ขี้ข้าเกรดบี อย่างขวัญชัย ไพรพนา มักมีการเคลื่อนไหวแบบรุนแรงห้าวกันสุดขีด แต่อย่าแปลกใจนั่นเป็นเพราะมันคิดว่า "มีแบ็กดี" เป็น"ลูกน้องของลูกน้องอีกที" นั่นคือเขาใกล้ชิดสนิทสนมกับ นายตำรวจใหญ่อย่าง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ที่ได้ดิบได้ดี เพราะ"พี่ให้"ซึ่งเชื่อว่าหลายคนได้เคยเห็นภาพถ่ายที่ ทั้งโกตี๋ กอดคอกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กันอย่างสนิทสนม
ขณะเดียวกันเมื่อครั้งที่ โกตี๋พยายามสร้างบทบาทให้เข้าตา ทักษิณ ชินวัตร ได้นำกำลังเสื้อแดงติดอาวุธยกพวกมาถล่ม มวลชนที่นำโดย หลวงปู่พุทธะอิสระ ที่บริเวณหลักสี่ช่วงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ก่อนการเลือกตั้ง สส.เมื่อวันที่ 2 กุมพาพันธ์ จนเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน มี"ฮีโร่ป็อบคอร์น"โผล่ออกมาจนต้องหนีหัวซุกหัวซุน แต่คราวนั้นมีข่าวมีนายตำรวจ "ของพี่"คนนั้นแหละส่งสัญญาณพาหนี หลังจากก่อนหน้านั้นทำปากเก่งขู่ฆ่า ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมไปถึงนายทหารคนอื่น เช่น ผู้บังคับการกองพันทหารราบที่ 11 ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ มาก่อน
เพียงแค่นี้ก็ย่อมมองออกแล้วว่า "คนที่มีพื้นเพกระจอก"ไม่มีหัวนอนปลายเท้า แบบนี้มันจะหาญกล้าไปท้าตีท้าต่อยกับผู้นำกองทัพได้ขนาดนั้นหรือ แน่นอนว่าต้องเป็นเพราะมันมั่นใจมัน "ขาใหญ่"อยู่ข้างหลัง และไม่มีอะไรซับซ้อนนั่นคือพวกรัฐบาลในพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงตำรวจดังกล่าวนั่นแหละ
แต่ก็อย่างว่าแหละบางครั้งมันก็ทำให้กร่างจนลืมตัว จองหองพองหนจน"ล้ำเส้น"ถึงขนาดกล่าวจาบจ้วง "ในหลวง"กันแบบตรงๆ ชนิดที่ใครได้ยินแล้วเป็นต้องโกรธจนทนไม่ไหวแน่นอน เป็นการให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ ในลักษณะเดียวกันเป็นครั้งที่สองแล้ว เพียงแต่คราวนี้ชัดเจนและตรงๆที่สุดชนิดที่ไม่ต้องแปลความหมายให้เสียเวลา
ด้วยความโจ่งแจ้งแบบไม่อ้อมค้อมดังกล่าวนี่เองที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์รุมขยี้ โกตี๋ กันแบบสามัคคีชุมนุม ทำให้คนไทยที่จงรักภักดีทนไม่ไหวต้องออกมากดดันให้ตำรวจและหน่วยงานความมัานต้องจัดการกับคนที่"หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ"แบบนี้ทันที อีกทั้งในโลกออนไลน์ก็มีการไล่ล่าโจมตีกันแบบไม่ให้ผุดให้เกิด จนเกิดเป็นกระแส"กำจัด"ออกไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว ไม่ต่างจากไฟลามทุ่ง คนที่เคยสงสัยแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่า ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่ายไม่ว่าจะเป็นคนในพรรคเพื่อไทย คนในรัฐบาล คนเสื้อแดงบางคนเป็นพวก"ล้มเจ้า"คราวนี้ไดีตาสว่างกันทั้งเมืองอีกครั้ง
เพราะก่อนหน้านี้เคยเกิดเรื่องทำนองนี้หลายครั้ง ก่อนหน้านี้ก็มีกรณีของ "ตั้ง อาชีวะ"ที่ขึ้นเวทีคนเสื้อแดงท่ามกลางคนสำคัญในรัฐบาลที่ต่างปรบมือให้ท้ายกันเกรียวกราว และจนบัดนี้มันก็ยังลอยนวล ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเพราะอยู่ภายใต้การคุ้มกันดูแลของนักการเมืองในพรรคเพื่อไทยทางภาคเหนือ มันถึงยังเยาะเย้ยกันแบบยั่งยวนกวนประสาทกันอย่างที่สุด
แต่ก็นั่นแหละด้วยพฤติกรรมดังกล่าว มันก็ทำให้เห็นธาตุแท้ของคนพวกนี้ว่ามันก็คือ "ครอกเดียวกัน"มีความคิดแบบเดียวกัน และคนพวกนี้ซึ่งหมายถึง ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่ายในความหมายระบอบทักษิณ ก็เป็นกลุ่มเดียวกัน
อย่างไรก็ดีคนพวกนี้กำลังถูกไล่ต้อนจนแทบจะไม่มีทางไปแล้ว เมื่อมาเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันแบบผิดคิวของ โกตี๋ ล้ำเส้นไปไกล กลายเป็นเพิ่มแรงบวกกระแทกเข้าใส่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ ทักษิณ ชินวัตร มากขึ้นอีกหลายเท่า จากเดิมที่สั่นสะเทือนหนักอยู่แล้วเมื่อเจอเข้าไปอีกดอกสำคัญ มันก็ยิ่งโคม่า ดังนั้นอย่าได้แปลกใจ ที่ต้องหาทางตัดเกม ตัดไฟเสียแต่ต้นลม ด้วย "เขี่ยขยะเน่า"อย่างโกตี๋ ออกไปให้พ้นตัวโดยเร็วที่สุด ด้วยการทำขึงขังสั่งการให้เร่งจับกุมมาดำเนินคดี ซึ่งในที่สุดตำรวจก็ต้องออกหมายจับอย่างรวดเร็วอย่างที่เห็น แต่อย่างไรก็ตามนาทีนี้ถือว่าสายไปแล้ว เพราะกรณีที่เกิดขึ้นมันยิ่งตอกย้ำให้เห็นคนพวกนี้มีธาตุแท้อย่างไร ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นเพียงแค่กลบเกลื่อน เพื่อหนีหายนะเท่านั้น
นี่คือละครที่ ยิ่งลักษณ์ ตบตาชาวบ้านเท่านั้น ซึ่งมันไม่เนียน !!
ขณะเดียวกันเมื่อครั้งที่ โกตี๋พยายามสร้างบทบาทให้เข้าตา ทักษิณ ชินวัตร ได้นำกำลังเสื้อแดงติดอาวุธยกพวกมาถล่ม มวลชนที่นำโดย หลวงปู่พุทธะอิสระ ที่บริเวณหลักสี่ช่วงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ก่อนการเลือกตั้ง สส.เมื่อวันที่ 2 กุมพาพันธ์ จนเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน มี"ฮีโร่ป็อบคอร์น"โผล่ออกมาจนต้องหนีหัวซุกหัวซุน แต่คราวนั้นมีข่าวมีนายตำรวจ "ของพี่"คนนั้นแหละส่งสัญญาณพาหนี หลังจากก่อนหน้านั้นทำปากเก่งขู่ฆ่า ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมไปถึงนายทหารคนอื่น เช่น ผู้บังคับการกองพันทหารราบที่ 11 ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ มาก่อน
เพียงแค่นี้ก็ย่อมมองออกแล้วว่า "คนที่มีพื้นเพกระจอก"ไม่มีหัวนอนปลายเท้า แบบนี้มันจะหาญกล้าไปท้าตีท้าต่อยกับผู้นำกองทัพได้ขนาดนั้นหรือ แน่นอนว่าต้องเป็นเพราะมันมั่นใจมัน "ขาใหญ่"อยู่ข้างหลัง และไม่มีอะไรซับซ้อนนั่นคือพวกรัฐบาลในพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงตำรวจดังกล่าวนั่นแหละ
แต่ก็อย่างว่าแหละบางครั้งมันก็ทำให้กร่างจนลืมตัว จองหองพองหนจน"ล้ำเส้น"ถึงขนาดกล่าวจาบจ้วง "ในหลวง"กันแบบตรงๆ ชนิดที่ใครได้ยินแล้วเป็นต้องโกรธจนทนไม่ไหวแน่นอน เป็นการให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ ในลักษณะเดียวกันเป็นครั้งที่สองแล้ว เพียงแต่คราวนี้ชัดเจนและตรงๆที่สุดชนิดที่ไม่ต้องแปลความหมายให้เสียเวลา
ด้วยความโจ่งแจ้งแบบไม่อ้อมค้อมดังกล่าวนี่เองที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์รุมขยี้ โกตี๋ กันแบบสามัคคีชุมนุม ทำให้คนไทยที่จงรักภักดีทนไม่ไหวต้องออกมากดดันให้ตำรวจและหน่วยงานความมัานต้องจัดการกับคนที่"หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ"แบบนี้ทันที อีกทั้งในโลกออนไลน์ก็มีการไล่ล่าโจมตีกันแบบไม่ให้ผุดให้เกิด จนเกิดเป็นกระแส"กำจัด"ออกไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว ไม่ต่างจากไฟลามทุ่ง คนที่เคยสงสัยแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่า ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่ายไม่ว่าจะเป็นคนในพรรคเพื่อไทย คนในรัฐบาล คนเสื้อแดงบางคนเป็นพวก"ล้มเจ้า"คราวนี้ไดีตาสว่างกันทั้งเมืองอีกครั้ง
เพราะก่อนหน้านี้เคยเกิดเรื่องทำนองนี้หลายครั้ง ก่อนหน้านี้ก็มีกรณีของ "ตั้ง อาชีวะ"ที่ขึ้นเวทีคนเสื้อแดงท่ามกลางคนสำคัญในรัฐบาลที่ต่างปรบมือให้ท้ายกันเกรียวกราว และจนบัดนี้มันก็ยังลอยนวล ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเพราะอยู่ภายใต้การคุ้มกันดูแลของนักการเมืองในพรรคเพื่อไทยทางภาคเหนือ มันถึงยังเยาะเย้ยกันแบบยั่งยวนกวนประสาทกันอย่างที่สุด
แต่ก็นั่นแหละด้วยพฤติกรรมดังกล่าว มันก็ทำให้เห็นธาตุแท้ของคนพวกนี้ว่ามันก็คือ "ครอกเดียวกัน"มีความคิดแบบเดียวกัน และคนพวกนี้ซึ่งหมายถึง ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่ายในความหมายระบอบทักษิณ ก็เป็นกลุ่มเดียวกัน
อย่างไรก็ดีคนพวกนี้กำลังถูกไล่ต้อนจนแทบจะไม่มีทางไปแล้ว เมื่อมาเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันแบบผิดคิวของ โกตี๋ ล้ำเส้นไปไกล กลายเป็นเพิ่มแรงบวกกระแทกเข้าใส่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ ทักษิณ ชินวัตร มากขึ้นอีกหลายเท่า จากเดิมที่สั่นสะเทือนหนักอยู่แล้วเมื่อเจอเข้าไปอีกดอกสำคัญ มันก็ยิ่งโคม่า ดังนั้นอย่าได้แปลกใจ ที่ต้องหาทางตัดเกม ตัดไฟเสียแต่ต้นลม ด้วย "เขี่ยขยะเน่า"อย่างโกตี๋ ออกไปให้พ้นตัวโดยเร็วที่สุด ด้วยการทำขึงขังสั่งการให้เร่งจับกุมมาดำเนินคดี ซึ่งในที่สุดตำรวจก็ต้องออกหมายจับอย่างรวดเร็วอย่างที่เห็น แต่อย่างไรก็ตามนาทีนี้ถือว่าสายไปแล้ว เพราะกรณีที่เกิดขึ้นมันยิ่งตอกย้ำให้เห็นคนพวกนี้มีธาตุแท้อย่างไร ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นเพียงแค่กลบเกลื่อน เพื่อหนีหายนะเท่านั้น
นี่คือละครที่ ยิ่งลักษณ์ ตบตาชาวบ้านเท่านั้น ซึ่งมันไม่เนียน !!