xs
xsm
sm
md
lg

ขบวนการเสื้อแดงยามตะวันตกดิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปัญญาพลวัตร
โดย...พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต

การชุมนุมใหญ่ของเสื้อแดงเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2557 แสดงให้เห็นถึงความตกต่ำ เสื่อมถอยอย่างชัดเจน ก่อนการชุมนุมแกนนำประกาศตัวเลขที่น่าเกรงขามไว้ว่าจะมีผู้เข้าร่วม 500,000 คน แต่เมื่อถึงวันชุมนุมจริง ตัวเลขดังกล่าวกลายเป็นสิ่งบ่งบอกถึงการคุยโม้โออวดสร้างราคาให้กับตนเองเท่านั้น เพราะผู้เข้าร่วมชุมนุมในช่วงที่หนาแน่นมากที่สุด กลับมีเพียงแค่ 10,000 – 20,000 คนเท่านั้นเอง

การมีผู้ชุมนุมน้อยกว่าที่แกนนำได้ประกาศไว้นับสิบเท่าเช่นนี้ ย่อมบ่งบอกถึงอาการง่อยเปลี้ยและพิการของขบวนการมวลชนเสื้อแดงเป็นอย่างดี กลไกการระดมมวลชนที่เคยเข้มแข็งทรงประสิทธิผล กลับกลายเป็นอ่อนปวกเปียกราวมะเขือเผา

อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ขบวนการเสื้อแดงประสบภาวะถดถอยเช่นนี้ ทั้งที่ดูเหมือนว่าระบอบทักษิณอันเป็นเสาหลักของขบวนการเสื้อแดงยังควบคุมอำนาจรัฐ อำนาจทุน และอำนาจสื่ออยู่ในมือไม่น้อย

เรื่องแรกเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงของระบอบทักษิณ ที่ให้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเปรียบเสมือนฟองสบู่ที่ถูกปั่นให้ลอยฟ่องมีสีสันสวยสดงดงาม ซึ่งมีแต่ความกลวงว่างเปล่า ไร้รากฐานที่หนักแน่น ไร้วิสัยทัศน์ และไร้ภาวะผู้นำ

สองปีที่ผ่านมาในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของเธอ ในช่วงแรกๆก็ดูเหมือนจะดีเพราะสีสันที่ถูกปั่นสร้างขึ้นมา แต่เมื่อเวลาผ่านไปปัญหาและความท้าทายต่างๆก็เข้ามารุมเร้า ความผิดพลาดในการตัดสินใจแก้ปัญหาจึงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งไปสร้างผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการดำรงชีวิตต่อมวลชนเสื้อแดงระดับรากหญ้าอันเป็นฐานการเมืองที่สำคัญของระบอบทักษิณ และยังไปกระทบกับฐานความคิดของชนชั้นกลางบางส่วนที่เคยสนับสนุนระบอบทักษิณมาก่อนอีกด้วย

มวลชนรากหญ้าโดยเฉพาะกลุ่มชาวนาได้รับบทเรียนอันเจ็บปวด ต้องประสบกับความยากลำบากในการดำรงชีวิตอย่างแสนสาหัส หนี้สินล้นพ้นตัว และบางรายถึงกับต้องสูญเสียชีวิต จากการทุจริตคอรัปชั่นและความไร้ประสิทธิภาพในการนำนโยบายจำนำข้าวทั้งในด้านเนื้อหานโยบายและการนำนโยบายไปปฏิบัติของรัฐบาลยิ่งลักษณ์

ส่วนชนชั้นกลางระดับล่างที่อยู่ในเมืองก็ประสบกับภาวะเป็นหนี้จากนโยบายรถคันแรก ประสบกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างมหาศาลอันเป็นผลมาจากการใช้นโยบายพลังงานที่เอื้อประโยชน์แก่กลุ่มทุนและต่างชาติโดยการขึ้นราคาน้ำมันและแก๊สหุงต้มอย่างต่อเนื่อง

สำหรับชนชั้นกลางระดับปัญญาชนเสื้อแดง ต้องอกหักผิดหวังกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จนแทบเอาหัวชนฝาฆ่าตัวตาย เมื่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ออกกฎหมายนิรโทษกรรมแบบสุดซอย ให้ทักษิณ พ้นผิดจากคดีทุจริตทุกคดี และให้ทุกคนทั้งทหาร นักการเมืองและผู้เข้าร่วมชุมนุมที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์การเผาบ้านเผาเมืองช่วงปี 2553 พ้นความผิดทั้งหมด เรื่องนี้กระทบฐานคิดและความเชื่อของชนชั้นกลางเสื้อแดงอย่างรุนแรง เพราะพวกเขาประสงค์จะให้รัฐบาลอภิสิทธิ์และทหารต้องรับโทษในกรณีสลายการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงในปีดังกล่าว เหตุการณ์ออกกฎหมายนิรโทษสุดซอยจึงทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกแปลกแยกกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ขึ้นมา

มนุษย์จำนวนมากหาใช่ตอไม้หรืองมงาย คลั่งไคล้ต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างไม่ลืมหูลืมตา หากแต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่รู้จักสะท้อนคิด เมื่อประสบกับสถานการณ์ที่เป็นจริงก็ย่อมคิดและไตร่ตรอง พวกเขาจำนวนมากจึงสามารถมองทะลุม่านมายาที่ระบอบทักษิณเคยสร้างเอาไว้ และซึมซับความเป็นจริงได้มากขึ้น ส่งผลให้เกิดปรากฎการณ์ละทิ้งระบอบทักษิณขึ้นมาอย่างกว้างขวาง

ปัจจัยที่สองคือการเอารัดเอาเปรียบของแกนนำ ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวของขบวนเสื้อแดงมิได้กระจายไปสู่มวลชนอย่างแท้จริง แต่กลับกระจุกอยู่ในบรรดาแกนนำทั้งระดับชาติและท้องถิ่น แกนนำเสื้อแดงระดับชาติได้รับการตอบแทนจากทักษิณและครอบครัวด้วยตำแหน่ง อำนาจ และผลประโยชน์จำนวนมาก บางคนได้เป็นรัฐมนตรี บางคนได้เป็นส.ส. และดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่นๆ และบางคนร่ำรวยทั้งจากการใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลในตำแหน่งเพื่อกอบโกยผลประโยชน์

ขณะที่บางคนได้รับประโยชน์จากการฉ้อฉลพวกเดียวกันเอง ระบบการกินหัวคิวเกิดขึ้นทั่วไปในการชุมนุมแต่ละครั้ง เงินที่ถูกใช้เพื่อขนคนเข้าร่วมชุมนุม ถูกดูดกินไปสู่แกนนำในทุกระดับคล้ายคลึงกับระบบการกินหัวคิวของรัฐบาลและข้าราชการ การที่แกนนำนำมีพฤติกรรมเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้มวลชนสามารถตรวจจับความจริงได้ ความเอือมระอาเบื่อหน่ายในการกระทำของแกนนำจึงเกิดขึ้น และเกิดความรู้สึกว่าไม่คุ้มค่า ระหว่างเงินค่าจ้างให้เข้าร่วมชุมนุมกับความเสี่ยงต่อชีวิตที่เกิดขึ้น

ปัจจัยที่สามการใช้ความรุนแรง และการคิดแยกดินแดน กลุ่มการเมืองหลายกลุ่มที่อยู่ในขบวนการเสื้อแดงเป็นกลุ่มที่นิยมการใช้ความรุนแรง และมักจะแสดงพฤติกรรมป่าเถื่อนออกมาบ่อยครั้ง ดังจะเห็นได้จากการยิงทำร้ายผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส. จนทำให้มีเสียชีวิตไปประมาณ 20 คน ในช่วงห้าเดือนที่ผ่านมา การยิงระเบิดเข้าไปในศาล ปปช. และหน่วยราชการที่มีจุดยืนไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล บ้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. บ้านนักธุรกิจผู้มีจุดยืนต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นของรัฐบาล บ้านและทรัพย์สินของผู้ที่เป่านกหวีดใส่นางพจมาน ณ ป้อมเพชร และนางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นต้น

ยิ่งกว่านั้น กลุ่มอันธพาลเสื้อแดงยังบุกเข้าไปคุกคามและข่มขู่โรงพยาบาลที่ขึ้นป้ายไม่เอารัฐบาลโกงและต่อต้านความรุนแรงอีกหลายแห่งหลายพื้นที่ จนอาจกล่าวได้ว่า เสื้อแดงเป็นแหล่งสร้างและแพร่เชื้อโรคแห่งความรุนแรง จนระบาดไปทั้งแผ่นดิน และทำให้ผู้คนในสังคมไทยจำนวนหนึ่งติดเชื้อความรุนแรงจากเสื้อแดงไปด้วย เราจึงเห็นข่าวการฆาตกรรมภายในครอบครัวเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และที่เลวร้ายที่สุดก็คือการที่บุตรสังหารบุพการีของตนเอง

กระบวนการสร้างความรุนแรงโดยกลุ่มเสื้อแดงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ที่ทุกคนสามารถเห็นได้ รับรู้ได้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ชนชั้นกลางบางส่วนที่เคยมีความโน้มเอียงสนับสนุนขบวนเสื้อแดงและระบอบทักษิณจึงต้องตีตัวออกห่างอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ มิฉะนั้นพวกเขาก็อาจถูกมองว่าเป็นกลุ่มเดียวกับผู้ใช้ความรุนแรงป่าเถื่อนไปด้วย

สิ่งที่เกิดขึ้นมาคู่ขนานกับความรุนแรงของกลุ่มเสื้อแดงคือการคิดแบ่งแยกดินแดน ไปตั้งเป็นประเทศล้านนา ซึ่งมีการเขียนป้ายติดตามสถานที่ต่างๆเป็นจำนวนมาก ผลที่ตามาคือผู้ที่เคยสนับสนุนระบอบทักษิณบางส่วนไม่อาจยอมรับได้กับการคิดและรณรงค์แบ่งแยกดินแดนเช่นนี้ของกลุ่มเสื้อแดง พวกเขาจึงถอนตัวออกมา

ปัจจัยที่สี่การไหวเอนตามกระแส ในปัจจุบันประชาชนจำนวนมากจากทุกชนชั้นทุกอาชีพต่างลุกขึ้นมาเดินขบวนขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ และโค่นล้มระบอบทักษิณ พวกเขาแสดงตนอย่างชัดเจนว่าเป็นใคร ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีปัญญา มีการศึกษา และมีสถานภาพทางสังคมที่ดีเกือบทั้งหมด เช่น กลุ่มแพทย์ พยาบาล วิศวกร นักกฎหมาย นักบัญชี นักธุรกิจ อาจารย์มหาวิทยาลัย นักศึกษา นักเรียน และข้าราชการ เป็นต้น

เมื่อกลุ่มเหล่านี้ปฏิเสธไม่เอาระบอบทักษิณ ประชาชนกลุ่มอื่นๆในสังคมที่รู้จักคิดและมีวิจารณญาณย่อมต้องสงสัยว่าทำไมกลุ่มที่มีปัญญาและความรู้ดีที่สุดของสังคมจึงออกมาต่อต้านระบอบทักษิณ พวกเขาจึงแสวงหาคำตอบและในที่สุดก็ได้เห็นความชั่วร้ายของระบอบทักษิณ การต่อต้านระบอบทักษิณจึงแพร่กระจายไปทั่วทั้งสังคม คนเสื้อแดงจำนวนมากก็สามารถสัมผัสกับกระแสเหล่านี้ได้ ทำให้พวกเขาบางส่วนต้องไหลไปตามกระแส และหลุดออกจากเครือข่ายของระบอบทักษิณ ดังที่เราเห็นว่ามีพวกแดงกลับใจเป็นจำนวนมากที่ออกมาแสดงตัวตามสื่อสังคมต่างๆ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าขบวนการเสื้อแดงและระบอบทักษิณจะเกิดความเสื่อมถอย แต่ฝ่ายประชาชนที่กำลังเคลื่อนไหวเพื่อโค่นล้มระบอบทักษิณและปฏิรูปประเทศก็มิอาจตกอยู่ในความประมาทได้ เพราะว่าขบวนการเสื้อแดงและระบอบทักษิณยังคงมีศักยภาพในการใช้ความรุนแรง และการก่อวินาศกรรมทำลายล้างสร้างความสูญเสียแก่สังคมได้อยู่ไม่น้อย

ดังนั้นในวันข้างหน้า เมื่อประชาชนจะได้รับชัยชนะเหนือระบอบทักษิณแล้ว ก็จะต้องมีมาตรการอย่างเป็นรูปธรรมในการสลายอิทธิพล ขจัดเครือข่ายการใช้ความรุนแรง และปรับสภาพกลไกทางการเมืองทุกอย่างของระบอบทักษิณให้หมดไป ประชาชนต้องสรุปบทเรียนแห่งความล้มเหลวในการขจัดระบอบทักษิณในช่วงปี 2550-2553 ให้ชัดเจน และจะต้องไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยขึ้นมาอีก มิฉะนั้น สังคมไทยก็จะมีวิกฤติอย่างไม่รู้จบสิ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น