งานสัปดาห์หนังสือฯปี57ปิดฉากแล้ว เผยคนเข้างานทะลุ 1.9 ล้านคน ยอดเงินสะพัดในงาน 700 ล้านบาท สมาคมฯปลื้ม ชี้แค่นี้ก็เก่งแล้วภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เผยวัยรุ่นเข้ามางานมากขึ้น สนพ.รายย่อยมีโอกาสออกบู้ธมากขึ้น
นายจรัญ หอมเทียนทอง นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) กล่าวถึงงาน “สัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 12 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติครั้งที่ 42” ที่จัดขึ้นตั้งแต่วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม – วันจันทร์ที่ 7 เมษายน 2557 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ว่า งานสัปดาห์หนังสือฯในปีนี้จบลงไปแล้ว ถือได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างดี ภายใต้สถานการณ์ปัญหาทางการเมืองทื่ยืดเยื้อและเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี
โดยสรุปภาพรวมปีนี้ มีผู้เข้าร่วมชมงานประมาณ 1.9 ล้านคน ใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่มีประมาณ 2 ล้านกว่าคน ถือว่าดีแล้วกับสถานการณ์การเมืองแบบนี้ และก็ยังมากกว่าที่ประเมินไว้ตั้งแต่เริ่มต้นงานด้วย และมียอดขายสะพัดในงานมากกว่า 700 กว่าล้านบาท ซึ่งแม้ว่าใกล้เคียงกับปีที่แล้วแต่ก็ถือว่าดีในสถานการณ์เช่นนี้เช่นกัน และการใช้จ่ายของผู้บริโภคเฉลี่ยในการซื้อหนังสืออยู่ที่ 400 กว่าบาท ต่อคนซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ปีนี้พบว่า งบประมาณด้านหนังสือจากโรงเรียนหายไปมาก ไม่มีการนำมาใช้กับงานหนังสือในปีนี้ จากปีที่ผ่านมายังพบว่ามีการใช้งบประมาณโครงการนี้อยู่บ้าง เนื่องมาจากในช่วงนี้รัฐบาลอยู่ในภาวะรักษาการและยังมีปัยหาวุ่นวายอยู่จึงทำให้งบโรงเรียนสะดุดไปก็เป็นได้
“ตอนแรก เรานึกว่าจะยกเลิกการจัดงานนี้ในปีนี้แล้วด้วยซ้ำ เพพราะปัญหาต่างๆที่ไม่เอื้ออำนวย ซึ่งที่ผ่านนมมีการจัดทุกปีไม่มีการยกเลิก แต่สุดท้ายแล้วปีนี้เราก็จัดงานต่อไม่ยกเลิก แต่ตอนที่แถลงข่าวว่าจะจัดงานเสร็จ หลังจากนั้น ก็มีการประกาศชุมนุมใหญ่จากกลุ่มผู้ชมนุมทางการเมือง เราก็กลัวเหมือนกัน แต่สุดท้ายเราก็ผ่านมาได้ด้วยดี ซึ่งในช่วงแรกก็มีหลายสำนักพิมพ์เหมือนกันที่เขาไม่มั่นใจกับสถานการณ์บ้านเมืองก็ขอถอนตัวจากการร่วมงานบ้างเหมือนกัน แต่เราก็เข้าใจ” นายจรัญกล่าว
ปีนี้มีผู้ประกอบการหรือสำนักพิมพ์ต่างๆเข่าร่วมงานมากกว่า 400 ราย และเป็นปีแรกที่กล่าวได้ว่า มีสำนักพิมพ์ขนาดเล็กหรือระดับเอสเอ็มอี เข้าร่วมงานมากที่สุด เมื่อเทียบกับปีก่อนๆที่ผ่านมา โดยประมาณ 10 % จากผู้เข้าร่วมงานทั้งหมดเป็นระดับเอสเอ็มอี
สิ่งที่พบในปีนี้ จะเห็นได้ว่า มีวัยรุ่นมาร่วมงานมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา และแนวหนังสือในปีนี้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ 1. หนังสือแนววัยรุ่น 2.หนังสือแนวการตูนลายเส้น 3.หนังสือแนวนิยายต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็สอดคล้องกับกลุ่มที่มาเข้าร่วมงานในปีนี้ที่ว่ามีวัยรุ่นเข้ามามาก ซึ่งทำให้เห็นได้ว่า ประชากรไทยวัยรุ่นหันมาให้ความสำคัญกับการอ่านหนังสือมากขึ้น แม้ว่าทุกวันนี้โลกโซเชียลมีเดียจะมีบทบาทมากขึ้นก็ตาม
นอกจากนั้นในแง่ของเทคโนโลยีและโซเชียลมีเดียต่างๆที่คาดกันว่าจะเป็นสิ่งที่เข้ามาทำลายตลาดหนังสือนั้น นายจรัญกล่าวให้ความเห็นว่า วงการที่ผ่านมาวงการหนังสือเคยกลัวว่าโซเชียลมีเดียจะทำให้คนอ่านหนังสือลดน้อยลง ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จากหลายสำนักพิมพ์ สามารถพิสูจน์ได้ว่าโซเชียลมีเดียและหนังสือสามารถส่งเสริมกันได้ ในแง่ของการเผยแพร่ข่าวสารและสร้างความรุ้สึกอยากอ่านให้แก่ผู้อ่าน วิธีการสื่อสารระหว่างสำนักพิมพ์กับผู้อ่านด้วยโซเชียลมีเดียถือว่าได้ผลอย่างยิ่งในกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งวัยรุ่นและวัยทำงาน ซึ่งตลาดหนังสือกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่น่าสนใจมากและมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
นายจรัญ หอมเทียนทอง นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) กล่าวถึงงาน “สัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 12 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติครั้งที่ 42” ที่จัดขึ้นตั้งแต่วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม – วันจันทร์ที่ 7 เมษายน 2557 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ว่า งานสัปดาห์หนังสือฯในปีนี้จบลงไปแล้ว ถือได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างดี ภายใต้สถานการณ์ปัญหาทางการเมืองทื่ยืดเยื้อและเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี
โดยสรุปภาพรวมปีนี้ มีผู้เข้าร่วมชมงานประมาณ 1.9 ล้านคน ใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่มีประมาณ 2 ล้านกว่าคน ถือว่าดีแล้วกับสถานการณ์การเมืองแบบนี้ และก็ยังมากกว่าที่ประเมินไว้ตั้งแต่เริ่มต้นงานด้วย และมียอดขายสะพัดในงานมากกว่า 700 กว่าล้านบาท ซึ่งแม้ว่าใกล้เคียงกับปีที่แล้วแต่ก็ถือว่าดีในสถานการณ์เช่นนี้เช่นกัน และการใช้จ่ายของผู้บริโภคเฉลี่ยในการซื้อหนังสืออยู่ที่ 400 กว่าบาท ต่อคนซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ปีนี้พบว่า งบประมาณด้านหนังสือจากโรงเรียนหายไปมาก ไม่มีการนำมาใช้กับงานหนังสือในปีนี้ จากปีที่ผ่านมายังพบว่ามีการใช้งบประมาณโครงการนี้อยู่บ้าง เนื่องมาจากในช่วงนี้รัฐบาลอยู่ในภาวะรักษาการและยังมีปัยหาวุ่นวายอยู่จึงทำให้งบโรงเรียนสะดุดไปก็เป็นได้
“ตอนแรก เรานึกว่าจะยกเลิกการจัดงานนี้ในปีนี้แล้วด้วยซ้ำ เพพราะปัญหาต่างๆที่ไม่เอื้ออำนวย ซึ่งที่ผ่านนมมีการจัดทุกปีไม่มีการยกเลิก แต่สุดท้ายแล้วปีนี้เราก็จัดงานต่อไม่ยกเลิก แต่ตอนที่แถลงข่าวว่าจะจัดงานเสร็จ หลังจากนั้น ก็มีการประกาศชุมนุมใหญ่จากกลุ่มผู้ชมนุมทางการเมือง เราก็กลัวเหมือนกัน แต่สุดท้ายเราก็ผ่านมาได้ด้วยดี ซึ่งในช่วงแรกก็มีหลายสำนักพิมพ์เหมือนกันที่เขาไม่มั่นใจกับสถานการณ์บ้านเมืองก็ขอถอนตัวจากการร่วมงานบ้างเหมือนกัน แต่เราก็เข้าใจ” นายจรัญกล่าว
ปีนี้มีผู้ประกอบการหรือสำนักพิมพ์ต่างๆเข่าร่วมงานมากกว่า 400 ราย และเป็นปีแรกที่กล่าวได้ว่า มีสำนักพิมพ์ขนาดเล็กหรือระดับเอสเอ็มอี เข้าร่วมงานมากที่สุด เมื่อเทียบกับปีก่อนๆที่ผ่านมา โดยประมาณ 10 % จากผู้เข้าร่วมงานทั้งหมดเป็นระดับเอสเอ็มอี
สิ่งที่พบในปีนี้ จะเห็นได้ว่า มีวัยรุ่นมาร่วมงานมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา และแนวหนังสือในปีนี้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ 1. หนังสือแนววัยรุ่น 2.หนังสือแนวการตูนลายเส้น 3.หนังสือแนวนิยายต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็สอดคล้องกับกลุ่มที่มาเข้าร่วมงานในปีนี้ที่ว่ามีวัยรุ่นเข้ามามาก ซึ่งทำให้เห็นได้ว่า ประชากรไทยวัยรุ่นหันมาให้ความสำคัญกับการอ่านหนังสือมากขึ้น แม้ว่าทุกวันนี้โลกโซเชียลมีเดียจะมีบทบาทมากขึ้นก็ตาม
นอกจากนั้นในแง่ของเทคโนโลยีและโซเชียลมีเดียต่างๆที่คาดกันว่าจะเป็นสิ่งที่เข้ามาทำลายตลาดหนังสือนั้น นายจรัญกล่าวให้ความเห็นว่า วงการที่ผ่านมาวงการหนังสือเคยกลัวว่าโซเชียลมีเดียจะทำให้คนอ่านหนังสือลดน้อยลง ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จากหลายสำนักพิมพ์ สามารถพิสูจน์ได้ว่าโซเชียลมีเดียและหนังสือสามารถส่งเสริมกันได้ ในแง่ของการเผยแพร่ข่าวสารและสร้างความรุ้สึกอยากอ่านให้แก่ผู้อ่าน วิธีการสื่อสารระหว่างสำนักพิมพ์กับผู้อ่านด้วยโซเชียลมีเดียถือว่าได้ผลอย่างยิ่งในกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งวัยรุ่นและวัยทำงาน ซึ่งตลาดหนังสือกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่น่าสนใจมากและมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ