มรสุมรุมตลาดหนังสือรอบทิศ คาดทรงตัวหรือโตไม่เกิน 5% หลังกำลังซื้อรัดเข็มขัด ค่าฟีทำสำนักพิมพ์เบรกออกหนังสือใหม่ ต้นทุนกระดาษพุ่ง นโยบายสนับสนุนการอ่านไม่เกิด “PUBAT” หวังงานสัปดาห์หนังสือครั้งที่ 42 กู้ชีวิต สำนักพิมพ์แห่ลดราคาหนังสือทะลัก คาดคนเข้างาน 2 ล้านคน เงินสะพัด 500-600 ล้านบาท
นายจรัญ หอมเทียมทอง นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหนังสือมูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาท ปีนี้เป็นปีที่คาดการณ์ได้ยากว่าจะออกมาในทิศทางใดเพราะมีปัจจัยลบหลายด้าน จากเดิมมองว่าปีนี้น่าจะมีการเติบโตได้ 7-8% แต่ดูจากสถานการณ์และปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นแล้วน่าจะลดลงจากเป้าที่วางไว้ 10% หรือน่าจะติดลบ 1-2% หรืออย่างดีที่สุดน่าจะโตไม่เกิน 5% เนื่องจากเป็นผลกระทบมาจากปีก่อนกับนโยบายภาครัฐ เช่น รถคันแรก ที่ทำให้กำลังซื้อระมัดระวังการใช้เงิน ความไม่มั่นใจในเศรษฐกิจ และปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้น การชุมนุมที่ทำให้ผู้คนเบื่อหน่าย จับจ่ายใช้สอยลดลง และหนังสือคือสินค้าตัวสุดท้ายที่ผู้บริโภคจะเลือกซื้อ จึงถูกกระทบอย่างมาก เพราะกลายเป็นสินค้าตัวแรกๆ ที่ชะลอการซื้อลงไป
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยลบอื่นๆ อีกหลายด้าน เช่น นโยบายภาครัฐที่สนับสนุนด้านการอ่านจากการที่ยังไม่มีรัฐบาล นโยบายดังกล่าวจึงยังไม่เกิด งบการซื้อหนังสือเข้าห้องสมุดยังไม่ออกมา ขณะเดียวกัน ค่าฟี หรือค่าจัดเก็บหนังสือนั้นก็ได้ปรับราคาขึ้น และต้นทุนกระดาษมีการปรับตัวขึ้นอีก 10% ทำให้สำนักพิมพ์ต้องแบกรับต้นทุนไว้เพื่อไม่ต้องการปรับราคาหนังสือเพื่อให้ขายได้
ในแง่ของสำนักพิมพ์ก็มีการปรับตัวด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นลดจำนวนการเปิดตัวหนังสือออกใหม่ ลดจำนวนการพิมพ์ เน้นการพิมพ์แบบออนดีมานด์ ซึ่งวิกฤตดังกล่าวทำให้เกิดสำนักพิมพ์อิสระขึ้นมากมาย มีการผลิตหนังสือขึ้นมาเองขายเองมากขึ้น รวมถึงผู้แต่ง ผู้เขียนหนังสือ และนักประพันธ์ มีการปรับลดราคาค่าลิขสิทธิ์ลง โรงพิมพ์ลดราคาค่าพิมพ์ลง เพื่อช่วยให้ธุรกิจหนังสือในปีนี้จะเดินหน้าต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ PUBAT ปีนี้ยังคงเดินหน้าจัดงานสัปดาห์หนังสือครั้งที่ 42 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติครั้งที่ 12 ขึ้นตามแผนเดิม แม้ว่าจะมีปัญหาการเมืองเกิดขึ้น ซึ่งผู้เข้าร่วมจัดงานในครั้งนี้ต่างหวังว่าจะเป็นงานที่ช่วยสร้างรายได้ให้แก่ธุรกิจหนังสือมากที่สุด จากปกติจะมีการออกหนังสือใหม่ ปีนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการนำหนังสือลดราคาจำหน่ายเป็นหลัก จากเดิมมีการลดราคาอยู่ที่ 15-80% ปีนี้จะได้เห็นจำนวนหนังสือมาลดราคาเพิ่มมากขึ้น ทั้งในแง่ชื่อเรื่องและจำนวนเล่มที่นำมาลด เชื่อว่าตลอดงานจะมีเม็ดเงินสะพัดใกล้เคียงปีที่ผ่านมาที่ 500-600 ล้านบาท ส่วนผู้เข้าร่วมงานน่าจะไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคน
นายจรัญกล่าวต่อว่า ปัจจัยทางการเมืองยังส่งผลกระทบต่อตลาดต่างประเทศที่สนใจเข้าร่วมออกบูทในงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติครั้งนี้ด้วย โดยเฉพาะกลุ่ม UAE หรือกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นปีแรกที่จะเข้าร่วม แต่ก็ยกเลิกไปขอเป็นปีหน้าแทน จากปกติในงานนี้จะมีต่างประเทศเข้าร่วมกว่า 10 ประเทศ เช่น เกาหลี ฝรั่งเศส เยอรมนี อิหร่าน ไต้หวัน สิงคโปร์ และในปีนี้มีเพียง 37 สำนักพิมพ์ รวม 40 บูท