พลคาดสงกรานต์ปีนี้เงินสะพัด 1.16 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.36% ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 4 ปี เหตุคนกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว และปัญหาการชุมนุมทางการเมือง น่าห่วงบางรายต้องกู้หนี้ยืมสินมาใช้จ่าย เผยอยากรดน้ำดำหัว “ปู-เทพ-มาร์ค” ส่วนดาราอยากสาดน้ำ “เจมส์-ญาญ่า” นักร้อง “บี้ เดอะสตาร์-ใบเตย อาร์สยาม”
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2557 ว่า จะมีเงินสะพัด 116,813 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.36% เป็นอัตราการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 4 ปี ซึ่งมีผลมาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ ภาวะเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัวลง และประชาชนกังวลปัญหาการชุมนุมทางการเมืองในปัจจุบัน ทำให้บรรยากาศช่วงสงกรานต์ปีนี้ไม่คึกคักเท่าที่ควร แม้จะมีเงินสะพัดมากขึ้น แต่เป็นผลมาจากราคาสินค้าที่แพงขึ้น
ทั้งนี้ ผลการสำรวจยังได้พบสิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ สัญญาณการกู้ยืมเงินเพื่อนำมาใช้ท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์เริ่มมีมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ปีนี้เริ่มสูงขึ้นไปอีก ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีรายได้ไม่ถึง 15,000 บาทต่อเดือน แสดงให้เห็นว่าในช่วงเศรษฐกิจดี การกู้เงินเพื่อท่องเที่ยวจะน้อยกว่าช่วงเศรษฐกิจไม่ดี ถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง
สำหรับนักการเมืองที่ประชาชนต้องการรดน้ำดำหัวมากที่สุด คือ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รองลงมาเป็น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายชวน หลีกภัย ส่วนดารานักแสดงที่ประชาชนต้องการไปเล่นน้ำมากที่สุด สำหรับฝ่ายชาย คือ เจมส์ จิ ฝ่ายหญิง ญาญ่า อุรัสยา ดารานักร้องฝ่ายชาย บี้ เดอะสตาร์ ฝ่ายหญิง ใบเตย อาร์สยาม ดาราพิธีกรฝ่ายชาย ปัญญา นิรันดร์กุล ฝ่ายหญิง ส้ม เถิดเทิง
ส่วนพรที่ประชาชนคนไทยต้องการให้กับประเทศไทยมากที่สุด คือ ขอให้พระเจ้าอยู่หัวและพระราชินี ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงและทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน ให้คนไทยรักสามัคคี และขอให้เศรษฐกิจดี
อย่างไรก็ตาม ศูนย์พยากรณ์ฯ ยังได้มีการสอบถามประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันจะส่งผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยมากน้อยเพียงใด ซึ่งพบว่า มีผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอย ประชาชนมีความระมัดระวังมากขึ้น และกังวลว่าหลังสงกรานต์ไปแล้ว ความรุนแรงทางการเมืองจะมีมากขึ้น
นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การใช้จ่ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จำนวน 20.1% หรือ 22,000 ล้านบาท จากยอดเงินสะพัดทั้งหมด 116,813 ล้านบาท เป็นการกู้ยืมมาใช้จ่ายในการท่องเที่ยวและการเดินทางกลับบ้าน โดยเหตุผลที่ต้องกู้ยืม เป็นผลมาจากเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้น ประชาชนมีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ซึ่งสูงกว่าการกู้ยืมในปี 2556 ที่มีเพียง 1 หมื่นล้านบาท
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2557 ว่า จะมีเงินสะพัด 116,813 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.36% เป็นอัตราการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 4 ปี ซึ่งมีผลมาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ ภาวะเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัวลง และประชาชนกังวลปัญหาการชุมนุมทางการเมืองในปัจจุบัน ทำให้บรรยากาศช่วงสงกรานต์ปีนี้ไม่คึกคักเท่าที่ควร แม้จะมีเงินสะพัดมากขึ้น แต่เป็นผลมาจากราคาสินค้าที่แพงขึ้น
ทั้งนี้ ผลการสำรวจยังได้พบสิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ สัญญาณการกู้ยืมเงินเพื่อนำมาใช้ท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์เริ่มมีมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ปีนี้เริ่มสูงขึ้นไปอีก ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีรายได้ไม่ถึง 15,000 บาทต่อเดือน แสดงให้เห็นว่าในช่วงเศรษฐกิจดี การกู้เงินเพื่อท่องเที่ยวจะน้อยกว่าช่วงเศรษฐกิจไม่ดี ถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง
สำหรับนักการเมืองที่ประชาชนต้องการรดน้ำดำหัวมากที่สุด คือ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รองลงมาเป็น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายชวน หลีกภัย ส่วนดารานักแสดงที่ประชาชนต้องการไปเล่นน้ำมากที่สุด สำหรับฝ่ายชาย คือ เจมส์ จิ ฝ่ายหญิง ญาญ่า อุรัสยา ดารานักร้องฝ่ายชาย บี้ เดอะสตาร์ ฝ่ายหญิง ใบเตย อาร์สยาม ดาราพิธีกรฝ่ายชาย ปัญญา นิรันดร์กุล ฝ่ายหญิง ส้ม เถิดเทิง
ส่วนพรที่ประชาชนคนไทยต้องการให้กับประเทศไทยมากที่สุด คือ ขอให้พระเจ้าอยู่หัวและพระราชินี ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงและทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน ให้คนไทยรักสามัคคี และขอให้เศรษฐกิจดี
อย่างไรก็ตาม ศูนย์พยากรณ์ฯ ยังได้มีการสอบถามประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันจะส่งผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยมากน้อยเพียงใด ซึ่งพบว่า มีผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอย ประชาชนมีความระมัดระวังมากขึ้น และกังวลว่าหลังสงกรานต์ไปแล้ว ความรุนแรงทางการเมืองจะมีมากขึ้น
นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การใช้จ่ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จำนวน 20.1% หรือ 22,000 ล้านบาท จากยอดเงินสะพัดทั้งหมด 116,813 ล้านบาท เป็นการกู้ยืมมาใช้จ่ายในการท่องเที่ยวและการเดินทางกลับบ้าน โดยเหตุผลที่ต้องกู้ยืม เป็นผลมาจากเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้น ประชาชนมีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ซึ่งสูงกว่าการกู้ยืมในปี 2556 ที่มีเพียง 1 หมื่นล้านบาท