xs
xsm
sm
md
lg

เมืองไทยต้องการต้นไม้และสระน้ำ

เผยแพร่:   โดย: ไสว บุญมา

ในช่วงนี้คงไม่มีใครเถียงว่าอากาศในเมืองไทยโดยทั่วไปอยู่ในระดับ “ร้อนตับแตก” ลองหลับตานึกดูซิว่า ถ้าแต่ละวัน มันร้อนขึ้นไปอีก 3 องศาเซลเซียสแล้วเราจะรู้สึกอย่างไร คงจะมิใช่ตับเท่านั้นที่แตก เรื่องบ้านแตกสาแหรกขาดอาจเกิดขึ้นด้วยก็ได้ แต่ไม่ต้องใช้จินตนาการ ลูกหลานที่เกิดวันนี้จะมีโอกาสสัมผัสมันแน่นอนก่อนพวกเขาจะเข้าสู่วัยกลางคน เราจะทำอย่างไรในภาวะเช่นนี้?

คงทราบกันดีแล้วว่า เมื่อสัปดาห์ก่อน คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศประชุมใหญ่กันอีกครั้งที่เมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น คณะกรรมการฯ รายงานความคืบหน้าของการทำงานซึ่งจะนำไปสู่การออกรายงานอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศโลกครั้งที่สองในตอนปลายปีนี้ หลังจากออกรายงานเช่นเดียวกันครั้งแรกเมื่อปี 2550 ในความคืบหน้าของการทำงานนั้น มีการประเมินสภาพภูมิอากาศซึ่งเรามักอ้างถึงกันสั้นๆ ว่า เรื่องโลกร้อน

คณะกรรมการฯ ยืนยันตามรายงานครั้งแรกว่า แน่นอน โลกกำลังร้อนขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การร้อนขึ้นนั้นอาจเฉลี่ยถึง 3 องศาเซลเซียส มันจะมีผลกระทบใหญ่หลวงซึ่งอาจสรุปสั้น ๆ ได้เป็น 3 คำตามที่คณะกรรมการฯ ใช้ว่า ร้ายแรง (Severe) แพร่หลาย (Pervasive) และกู่ไม่กลับ (Irreversible)

ภูมิอากาศที่ร้อนขึ้นจะทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นพร้อมทั้งเป็นกรดมากขึ้น สัตว์ทั้งบกและน้ำจะพยายามเปลี่ยนที่อยู่อาศัย ชายฝั่งทะเลที่อยู่ระดับต่ำจะถูกน้ำท่วม และการผลิตอาหารจะลดลงในหลายส่วนของโลก เมืองไทยจะได้รับผลกระทบอย่างกว้างขวางไม่ต่างกับส่วนอื่นของโลกแน่ แต่เพียงบางอย่างจะมองเห็นได้ง่าย หลายๆ อย่างจะยังมองไม่ค่อยเห็น ขอนำบางประเด็นมาให้พิจารณา

ภูมิอากาศที่ร้อนขึ้นจะมีผลต่อคนที่ทำงานกลางแดดมากโดยเฉพาะชาวไร่ชาวนาและแรงงานก่อสร้าง การทำงานจะยากลำบากขึ้น จะต้องพักมากขึ้น หรืออาจต้องทำงานตอนกลางคืนด้วย สิ่งเหล่านี้มีผลทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นและผลิตภาพลดลง อากาศที่ร้อนอบอ้าวติดต่อกันจะมีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในทางลบ ชุมชนยากจนและอยู่กันอย่างแออัดจะมีปัญหาเพิ่มขึ้นมากกว่าชุมชนโดยทั่วไป เครื่องปรับอากาศจะช่วยได้ทั้งผู้ที่อยู่ในชุมชนแออัดและชาวนาชาวไร่ซึ่งไม่มีความจำเป็นต้องใช้มาก่อน แต่ค่าใช้จ่ายย่อมเพิ่มตามขึ้นไปเป็นเงาตามตัวซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาหนี้สินเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะกับกลุ่มที่มีผลิตภาพลดลงและคงเดิม

การปรับอากาศที่กว้างขวางและเข้มข้นขึ้นจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ต่อไปซึ่งบางอย่างอาจมองไม่ค่อยเห็น เช่น การปิดประตูหน้าต่างอย่างแน่นหนาเป็นเวลานานจะนำไปสู่ความสกปรกของอากาศภายในอาคาร อากาศสกปรกนั้นเป็นอัตราย มันจะทำให้เกิดความเจ็บป่วยด้วยโรคหลายอย่างรวมทั้งโรคเกี่ยวกับภูมิแพ้ แต่ประเด็นนี้แทบจะไม่มีผู้เฉลียวใจแม้กระทั่งผู้ที่มีการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยด้วย ผมได้นำรายละเอียดมาเสนอไว้ในรูปของหนังสือชื่อ “เมื่ออากาศเป็นฆาตกร” ในขณะนี้ หนังสือไม่มีวางจำหน่ายแล้ว ผู้ใดจะนำไปพิมพ์เป็นวิทยาทาน หรือทำการเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตอาจทำได้โดยการแจ้งให้ผมทราบทางอีเมลที่ sboonma@msn.com

การปรับอากาศต้องใช้ไฟฟ้าซึ่งอาจผลิตมาจากหลายแหล่งด้วยกัน แหล่งสำคัญในระดับแนวหน้าที่จะต้องพิจารณากันทันทีคือเรื่องเกี่ยวกับการจะใช้ หรือไม่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ ถ้าจะใช้ก็ต้องเริ่มกระบวนการตั้งแต่วันนี้เนื่องจากการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีขั้นตอนยาวมาก ถ้าไม่ใช้นิวเคลียร์ จะใช้อะไรก็จะต้องตัดสินใจไว้แต่เนิ่นๆ ในภาวะปัจจุบัน น้ำมันปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติอาจเป็นคำตอบเชิงประจักษ์ แต่ภาคนี้มีปัญหาสารพัดจึงกำลังถูกเรียกร้องให้ปฏิรูป จะปฏิรูปอย่างไรหลายฝ่ายเริ่มพูดกันแล้ว แต่พูดอย่างเดียวไม่พอ จะต้องต่อยอดไปให้ถึงการปฏิบัติด้วย

เนื่องจากต้นไม้และน้ำจะสร้างความชุ่มชื้นและบรรเทาอากาศที่ร้อนผ่าวได้ การปลูกต้นไม้และการบริหารจัดการน้ำจึงควรจะได้รับการพิจารณาให้เป็นทางออกสำคัญของปัญหาที่เกิดจากอากาศร้อน

การปลูกต้นไม้อาจแยกได้เป็น 3 ด้านด้วยกัน ด้านแรกได้แก่พื้นที่ซึ่งมีสภาพและสถานะเป็นป่าอยู่แล้ว ด้านนี้จะต้องไม่มีการทำลายต่อไปและควรจะต้องได้รับการปลูกเพิ่มเติมอย่างจริงจังเพื่อให้ป่าที่เสื่อมโทรมคืนสภาพมาเป็นป่าสมบูรณ์อีกครั้ง เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า ป่ามีบทบาทสำคัญต่อการรักษาน้ำและรักษาดิน แต่การทำลายป่ายังดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งเนื่องจากผู้มีหน้าที่ดูแลป่าปล่อยให้เกิดขึ้น ภาพต่อไปได้มาจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรซึ่งถ่ายในพื้นที่อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา จะเห็นว่าป่ากำลังถูกทำลายอย่างแจ้งชัด น่าสงสัยว่าผู้ว่าราชการจังหวัดทำอะไรอยู่ นี่เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น

เนื่องจากตอนนี้เรามีเทคโนโลยีดีมาก การออกไปถ่ายภาพแบบนี้ควรจะมีอย่างต่อเนื่อง เมื่อพบการทำลายป่า เราควรไล่นายอำเภอและผู้ว่าราชการจังหวัดออกจากราชการในฐานะละเลยการปฏิบัติหน้าที่พร้อมกับจำคุกนายกองค์การบริหารส่วนตำบลสัก 10 ปีจะดีไหม?
(พิกัด 47NPH7790075700)
ด้านที่สองได้แก่การปรับเปลี่ยนพื้นที่ให้มีสภาพเป็นป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง นั่นคือ ในที่ดินแต่ละแปลงเราปลูกต้นไม้สำหรับการใช้สอยบ้าง ต้นไม้ที่ให้ผลบ้างและต้นไม้ที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงบ้าง ต้นไม้เหล่านี้มีความเกื้อกูลซึ่งกันและกันและมีผลในด้านการรักษาดินและอุ้มน้ำทำให้เกิดความชุ่มชื้น การเปลี่ยนพื้นที่แบบนี้จะทำอย่างกว้างขวางทั่วประเทศได้ก็ต้องมีการปฏิรูปที่ดินให้เกษตรกรมีที่ทำกินของตนเอง แนวการปฏิรูปที่ดินมีอยู่แล้วตามข้อเสนอของคณะกรรมการปฏิรูปซึ่งมีอดีตนายกรัฐมนตรีอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธานและคอลัมน์นี้ได้อ้างถึงมาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ด้านที่สามเป็นการปลูกต้นไม้ในเมืองซึ่งควรทำอย่างแพร่หลายทั้งในบ้าน หรือพื้นที่เอกชนและตามถนนหนทาง หรือพื้นที่สาธารณะ ในด้านนี้ เนื่องจากมีที่ดินว่างเปล่าของเอกชนที่ยังไม่ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์เช่นปลูกบ้านและร้านค้า เราอาจพิจารณาเก็บภาษีในระดับสูงนอกจากเจ้าของที่จะปลูกต้นไม้จนทำให้ที่ดินนั้นเป็นพื้นที่สีเขียว

การบริหารจัดการน้ำเป็นโครงการใหญ่ที่ทั้งประเทศกำลังจะเริ่มทำกัน ฉะนั้น บทความนี้จะมุ่งไปที่การเก็บน้ำฝนไว้ควบคู่ไปกับการทำเกษตรกรรมและการปลูกไม้ 3 อย่างเพื่อประโยชน์ 4 อย่างดังกล่าว นั่นคือ ขุดสระน้ำไว้ในไร่ในนาและในป่า 3 อย่างให้กระจายออกไปทั่วทุกส่วนของประเทศ ภาคใต้อาจไม่ต้องทำเพราะได้รับน้ำฝนจากลมมรสุมปีละสองครั้งอยู่แล้ว สระเหล่านี้เมื่อมีจำนวนมากและอยู่ไม่ห่างกันนักจะเสริมซึ่งกันและกันในด้านการเก็บน้ำไว้ในดิน น้ำในสระจะไม่แห้งในช่วงหน้าแล้งอันเป็นการช่วยให้มีน้ำใช้ตลอดปี ดินที่ชุ่มชื้นจะทำให้ต้นไม้เติบโตได้ตลอดปีด้วย ภูมิปัญญาดั้งเดิมแนวนี้มีบทบาทสำคัญในท้องถิ่นที่มีฝนตกน้อย เช่น บางส่วนของอินเดียซึ่งมีรายละเอียดอยู่ในหนังสือหลายเล่ม บางเล่ม พญ.นภาพร ลิมป์ปิยากร และผมได้นำมาคัดย่อและเสนอไว้ในหนังสือชื่อ “ธาตุ 4 พิโรธ” ซึ่งตอนนี้ไม่มีวางจำหน่ายแล้ว สำหรับผู้สนใจ พญ.นภาพรได้นำมาขึ้นเว็บไซต์เพื่อดาวน์โหลดกันได้ฟรีที่ www.bookishclub.com

ผลพลอยได้สำคัญจากการปลูกต้นไม้และการขุดสระน้ำดังกล่าวนั้นมีความสำคัญยิ่ง นั่นคือ มันจะทำให้การปลูกพืชเชิงเดี่ยวลดลงพร้อมกับธรรมชาติกลับมามีความสมบูรณ์และสมดุลมากขึ้น การปลูกพืชเชิงเดี่ยวมีผลเสียอย่างไรย่อมเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปแล้ว นอกจากนั้น การวิจัยได้พิสูจน์แล้วว่า การอยู่ใกล้ธรรมชาติเป็นปัจจัยที่ทำให้คนเรามีความสุข ประเด็นนี้มีรายละเอียดอยู่ในเรื่องปัจจัยที่ทำให้เกิดความสุขซึ่ง “มูลนิธิเศรษฐกิจใหม่” (New Economics Foundation) นำมาเสนอไว้เมื่อเดือนตุลาคม 2551

การปลูกต้นไม้และการขุดสระน้ำทำได้ง่ายมากและต้นทุนน่าจะต่ำกว่าการรับมือกับปัญหาอันเนื่องมาจากอากาศที่จะร้อนผ่าวขึ้นด้วยวิธีอื่นทั้งหมด นอกจากนั้น มันยังจะมีผลดีสารพัดอีกด้วย ฉะนั้น เราควรจะเริ่มทำกันเร็วที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น