เมื่อวันที่ 22 เมษายน ที่ผ่านมา ทั่วโลกจัดกิจกรรมต่างๆ เป็นปีที่ 45 ด้วยเป้าหมายที่จะให้เกิดความตระหนักเรื่องการปกปักรักษาโลกให้เป็นที่อยู่อาศัยที่ดีของมนุษย์เรา เท่าที่พอจะสังเกตได้จากรายงานของสื่อ การจัดกิจกรรมปีนี้ดูจะไม่มีความคึกคัก หลายแห่งดูจะจัดอย่างเสียมิได้ หรือไม่ก็งดจัดไปเลย ส่งผลให้บรรยากาศเงียบเหงาจนดูจะออกเศร้าๆ ชอบกล
หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ซึ่งมีอิทธิพลต่อความเห็นของคนอเมริกันประจำวันที่ 23 เมษายน ไม่มีบทบรรณาธิการ หรือพิมพ์รายงานแม้แต่ชิ้นเดียวเกี่ยวกับ “วันคุ้มครองโลก” (Earth Day) ยกเว้นภาพเด็กเก็บของจากกองขยะในอินเดียของอนุพัม นาธ จากสำนักข่าว Associated Press ภาพขนาดเล็กนั้นซุกอยู่ในมุมล่างสุดของหน้า 8 หนังสือพิมพ์ ที่เป็นเช่นนั้นคงเพราะชาวโลกโดยทั่วไปยังมองไม่เห็นว่าสภาพของโลกกำลังเป็นอย่างไร หรือยังมิให้ความสำคัญต่อการปกปักรักษาโลก นอกจากนั้น สื่อส่วนใหญ่ยังให้ความสำคัญแก่เรื่องราวที่เป็นข่าวปัจจุบันมากกว่าอีกด้วย เช่น เหตุการณ์เรื่องความขัดแย้งในยูเครนซึ่งอาจกลายเป็นสงครามกลางเมือง เรื่องเรือข้ามฝั่งล่มที่เกาหลีซึ่งมีเด็กนักเรียนตายนับร้อย และการหายไปอย่างลึกลับของเครื่องบินโดยสารมาเลเซียซึ่งคงมีคนตายหลายร้อยเช่นกัน
\มุมมองที่กว้างที่สุดว่าโลกเรากำลังเป็นอย่างไรมาจากคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งเพิ่งเสร็จการประชุมใหญ่อีกครั้งเมื่อต้นเดือนนี้และยืนยันรายงานที่สรุปว่า โลกของเรากำลังร้อนขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การร้อนขึ้นนั้นมาจากกิจกรรมของมนุษย์เรา เช่น การเผาผลาญพลังงานจำพวกถ่านหินและน้ำมันปิโตรเลียม มันจะมีผลกระทบทางลบต่อทุกสิ่งทุกอย่างบนผิวโลกสูงมาก น้ำแข็งบนผิวโลกจะละลายทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นจนท่วมเมืองใกล้ฝั่งทะเลที่อยู่ในระดับต่ำเช่นกรุงเทพฯ เกาะต่างๆ และบางประเทศจะจมหายไปในทะเล อากาศจะร้อนขึ้นกว่าในระดับตับแตกของเมืองไทยในขณะนี้ ลมพายุจะแรงขึ้นและเกิดบ่อยขึ้น บางแห่งจะแห้งแล้งเพิ่มขึ้นจนเป็นทะเลทราย สัตว์ทั้งบกและน้ำจะตายหากไม่เปลี่ยนที่อยู่ และการผลิตอาหารจะลดลง สิ่งเหล่านี้ยังมีผู้ตระหนักไม่มากนัก แม้แต่ผู้ตระหนักเองก็ยังไม่อยากจะทำอะไรในด้านการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนที่จะมีผลดีต่อโลก
ในตอนนี้ ตัวอย่างที่เห็นเด่นชัดที่สุดว่ามนุษย์เรากำลังทำอะไรที่ส่งผลให้โลกควรจะโศกเศร้ามาจากเมืองจีน ทั้งนี้เพราะจีนได้รับการยกย่องอย่างแพร่หลายว่าก้าวหน้าเร็วที่สุดในช่วงที่เริ่มมีการฉลอง “วันคุ้มครองโลก” เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2513 ความก้าวหน้านั้นทำให้ชาวจีนมีฐานะดีขึ้นมากจากเศรษฐกิจที่ขยายตัวสูงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี เหรียญย่อมมีสองหน้า หากมองหน้าที่สองจะพบว่า ฐานะที่ดีขึ้นมากนั้นมีผลเสียหายร้ายแรงต่อโลกซึ่งอาจเห็นได้ไม่ยากจากมุมมองของธาตุ 4 อันมีดิน น้ำ ลม และไฟ
รายงานอย่างเป็นทางการของรัฐบาลจีนเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมาบ่งว่า ที่ดินเพื่อการเกษตรของจีนราว 25% เสียหายมากจากโลหะและสารเคมีที่ถูกทิ้งหรือใช้ในกิจการต่างๆ นั่นเป็นรายงานอย่างเป็นทางการในส่วนที่รัฐบาลยอมรับซึ่งครั้งหนึ่งถือว่าเป็นความลับของชาติ นอกจากนี้ ยังมีส่วนที่รัฐบาลยังไม่เข้าไปศึกษา หรือยังไม่ยอมรับอีกมาก
ทางด้านน้ำ จีนขาดแคลนน้ำจืดอย่างร้ายแรงจึงต้องพยายามผันน้ำจากทางใต้ไปสู่ทางเหนือด้วยโครงการขนาดยักษ์ต่างๆ รวมทั้งเขื่อนสามโกรกซึ่งใหญ่ที่สุดในโลกด้วย นอกจากนั้น คงเป็นที่รับรู้กันแล้วว่าจีนกำลังสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำโขงจำนวนมากเพื่อจะเก็บน้ำไว้ใช้ ไทยและเพื่อนบ้านจะได้รับผลกระทบทางลบสูงมากโดยเฉพาะกัมพูชาซึ่งดูเหมือนว่ายังคงหลับคุดคู้อยู่เช่นเดิม ทั้งที่มีน้ำจืดใช้เพียงจำกัด แต่ชาวจีนยังทำลายคุณภาพของน้ำตามแหล่งต่างๆ อย่างต่อเนื่องส่งผลให้แหล่งน้ำจำนวนมากเน่าเหม็นจนใช้ประโยชน์ไม่ได้อยู่ในขณะนี้
ทางด้านลม ผู้ที่มีโอกาสไปเที่ยวเมืองใหญ่ๆ ในประเทศจีนเช่นปักกิ่งคงจะได้เห็นว่าเป็นอย่างไรแล้ว โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาว ภาพข้างล่างนี้มาจากบทความเกี่ยวกับอากาศเป็นพิษในจีนในนิตยสาร Fortune ประจำวันที่ 28 เมษายนนี้ซึ่งเป็นสภาพการทำงานของตำรวจจราจรในเมืองฮาร์บินอันเป็นเมืองใหญ่อันดับ 8 ของประเทศนั้น อากาศกำลังเป็นฆาตกรฆ่าชาวจีนอย่างช้าๆ แบบเลือดเย็นที่สุดจนตอนนี้รัฐบาลจีนออกมายอมรับแล้วและจะลงทุนจำนวนมหาศาลเพื่อลดความเป็นพิษร้ายนั้นลง
ทางด้านไฟอันได้แก่พลังงาน ชาวจีนเผาผลาญถ่านหินมากจนส่งผลให้อากาศเป็นพิษดังที่เห็น การขยายตัวทางเศรษฐกิจในอัตราสูงอันเป็นการนำไปสู่การบริโภคที่ขยายตัวสูงด้วยนั้น ทำให้จีนออกไปกว้านซื้อพลังงานมาจากทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ถ่านหิน หรือก๊าซธรรมชาติ การผลิตและเผาผลาญสิ่งเหล่านั้นเป็นปัจจัยสำคัญของการเกิดภาวะโลกร้อนและจะมีผลกระทบทางลบอื่นๆ ต่อโลกอีกมาก
ดังเป็นที่ทราบกันดี สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านั้นมิได้จำกัดอยู่แค่เมืองจีน การที่ยกจีนมาเป็นตัวอย่างมิใช่มุ่งไปที่การตำหนิจีนประเทศเดียว ทั่วโลกก็ทำกันอย่างกว้างขวางรวมทั้งคนไทยเราเองด้วย สภาพดิน แหล่งน้ำ อากาศและการเผาผลาญพลังงานของไทยเป็นอย่างไรคงไม่ต้องใช้ความพยายามก็พอมองเห็น
ในช่วงนี้มีกิจกรรมขับไล่รัฐบาลอันแสนชั่วกันอย่างเข้มข้นและกว้างขวาง ว่ากันว่าถ้าขับไล่ได้สำเร็จเมื่อไรก็จะเริ่มปฏิรูปประเทศไทยเมื่อนั้น สภาพแวดล้อมของประเทศและโลกอันน่าโศกเศร้าใน “วันคุ้มครองโลก” ปีนี้ชี้ว่า เราไม่น่าจะรอจนถึงวันขับไล่รัฐบาลสำเร็จ หลายสิ่งหลายอย่างเราต่างทำได้ในวันนี้ มิฉะนั้นเราอาจจะไม่มีอะไรเหลือให้ปฏิรูป
หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ซึ่งมีอิทธิพลต่อความเห็นของคนอเมริกันประจำวันที่ 23 เมษายน ไม่มีบทบรรณาธิการ หรือพิมพ์รายงานแม้แต่ชิ้นเดียวเกี่ยวกับ “วันคุ้มครองโลก” (Earth Day) ยกเว้นภาพเด็กเก็บของจากกองขยะในอินเดียของอนุพัม นาธ จากสำนักข่าว Associated Press ภาพขนาดเล็กนั้นซุกอยู่ในมุมล่างสุดของหน้า 8 หนังสือพิมพ์ ที่เป็นเช่นนั้นคงเพราะชาวโลกโดยทั่วไปยังมองไม่เห็นว่าสภาพของโลกกำลังเป็นอย่างไร หรือยังมิให้ความสำคัญต่อการปกปักรักษาโลก นอกจากนั้น สื่อส่วนใหญ่ยังให้ความสำคัญแก่เรื่องราวที่เป็นข่าวปัจจุบันมากกว่าอีกด้วย เช่น เหตุการณ์เรื่องความขัดแย้งในยูเครนซึ่งอาจกลายเป็นสงครามกลางเมือง เรื่องเรือข้ามฝั่งล่มที่เกาหลีซึ่งมีเด็กนักเรียนตายนับร้อย และการหายไปอย่างลึกลับของเครื่องบินโดยสารมาเลเซียซึ่งคงมีคนตายหลายร้อยเช่นกัน
\มุมมองที่กว้างที่สุดว่าโลกเรากำลังเป็นอย่างไรมาจากคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งเพิ่งเสร็จการประชุมใหญ่อีกครั้งเมื่อต้นเดือนนี้และยืนยันรายงานที่สรุปว่า โลกของเรากำลังร้อนขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การร้อนขึ้นนั้นมาจากกิจกรรมของมนุษย์เรา เช่น การเผาผลาญพลังงานจำพวกถ่านหินและน้ำมันปิโตรเลียม มันจะมีผลกระทบทางลบต่อทุกสิ่งทุกอย่างบนผิวโลกสูงมาก น้ำแข็งบนผิวโลกจะละลายทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นจนท่วมเมืองใกล้ฝั่งทะเลที่อยู่ในระดับต่ำเช่นกรุงเทพฯ เกาะต่างๆ และบางประเทศจะจมหายไปในทะเล อากาศจะร้อนขึ้นกว่าในระดับตับแตกของเมืองไทยในขณะนี้ ลมพายุจะแรงขึ้นและเกิดบ่อยขึ้น บางแห่งจะแห้งแล้งเพิ่มขึ้นจนเป็นทะเลทราย สัตว์ทั้งบกและน้ำจะตายหากไม่เปลี่ยนที่อยู่ และการผลิตอาหารจะลดลง สิ่งเหล่านี้ยังมีผู้ตระหนักไม่มากนัก แม้แต่ผู้ตระหนักเองก็ยังไม่อยากจะทำอะไรในด้านการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนที่จะมีผลดีต่อโลก
ในตอนนี้ ตัวอย่างที่เห็นเด่นชัดที่สุดว่ามนุษย์เรากำลังทำอะไรที่ส่งผลให้โลกควรจะโศกเศร้ามาจากเมืองจีน ทั้งนี้เพราะจีนได้รับการยกย่องอย่างแพร่หลายว่าก้าวหน้าเร็วที่สุดในช่วงที่เริ่มมีการฉลอง “วันคุ้มครองโลก” เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2513 ความก้าวหน้านั้นทำให้ชาวจีนมีฐานะดีขึ้นมากจากเศรษฐกิจที่ขยายตัวสูงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี เหรียญย่อมมีสองหน้า หากมองหน้าที่สองจะพบว่า ฐานะที่ดีขึ้นมากนั้นมีผลเสียหายร้ายแรงต่อโลกซึ่งอาจเห็นได้ไม่ยากจากมุมมองของธาตุ 4 อันมีดิน น้ำ ลม และไฟ
รายงานอย่างเป็นทางการของรัฐบาลจีนเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมาบ่งว่า ที่ดินเพื่อการเกษตรของจีนราว 25% เสียหายมากจากโลหะและสารเคมีที่ถูกทิ้งหรือใช้ในกิจการต่างๆ นั่นเป็นรายงานอย่างเป็นทางการในส่วนที่รัฐบาลยอมรับซึ่งครั้งหนึ่งถือว่าเป็นความลับของชาติ นอกจากนี้ ยังมีส่วนที่รัฐบาลยังไม่เข้าไปศึกษา หรือยังไม่ยอมรับอีกมาก
ทางด้านน้ำ จีนขาดแคลนน้ำจืดอย่างร้ายแรงจึงต้องพยายามผันน้ำจากทางใต้ไปสู่ทางเหนือด้วยโครงการขนาดยักษ์ต่างๆ รวมทั้งเขื่อนสามโกรกซึ่งใหญ่ที่สุดในโลกด้วย นอกจากนั้น คงเป็นที่รับรู้กันแล้วว่าจีนกำลังสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำโขงจำนวนมากเพื่อจะเก็บน้ำไว้ใช้ ไทยและเพื่อนบ้านจะได้รับผลกระทบทางลบสูงมากโดยเฉพาะกัมพูชาซึ่งดูเหมือนว่ายังคงหลับคุดคู้อยู่เช่นเดิม ทั้งที่มีน้ำจืดใช้เพียงจำกัด แต่ชาวจีนยังทำลายคุณภาพของน้ำตามแหล่งต่างๆ อย่างต่อเนื่องส่งผลให้แหล่งน้ำจำนวนมากเน่าเหม็นจนใช้ประโยชน์ไม่ได้อยู่ในขณะนี้
ทางด้านลม ผู้ที่มีโอกาสไปเที่ยวเมืองใหญ่ๆ ในประเทศจีนเช่นปักกิ่งคงจะได้เห็นว่าเป็นอย่างไรแล้ว โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาว ภาพข้างล่างนี้มาจากบทความเกี่ยวกับอากาศเป็นพิษในจีนในนิตยสาร Fortune ประจำวันที่ 28 เมษายนนี้ซึ่งเป็นสภาพการทำงานของตำรวจจราจรในเมืองฮาร์บินอันเป็นเมืองใหญ่อันดับ 8 ของประเทศนั้น อากาศกำลังเป็นฆาตกรฆ่าชาวจีนอย่างช้าๆ แบบเลือดเย็นที่สุดจนตอนนี้รัฐบาลจีนออกมายอมรับแล้วและจะลงทุนจำนวนมหาศาลเพื่อลดความเป็นพิษร้ายนั้นลง
ทางด้านไฟอันได้แก่พลังงาน ชาวจีนเผาผลาญถ่านหินมากจนส่งผลให้อากาศเป็นพิษดังที่เห็น การขยายตัวทางเศรษฐกิจในอัตราสูงอันเป็นการนำไปสู่การบริโภคที่ขยายตัวสูงด้วยนั้น ทำให้จีนออกไปกว้านซื้อพลังงานมาจากทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ถ่านหิน หรือก๊าซธรรมชาติ การผลิตและเผาผลาญสิ่งเหล่านั้นเป็นปัจจัยสำคัญของการเกิดภาวะโลกร้อนและจะมีผลกระทบทางลบอื่นๆ ต่อโลกอีกมาก
ดังเป็นที่ทราบกันดี สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านั้นมิได้จำกัดอยู่แค่เมืองจีน การที่ยกจีนมาเป็นตัวอย่างมิใช่มุ่งไปที่การตำหนิจีนประเทศเดียว ทั่วโลกก็ทำกันอย่างกว้างขวางรวมทั้งคนไทยเราเองด้วย สภาพดิน แหล่งน้ำ อากาศและการเผาผลาญพลังงานของไทยเป็นอย่างไรคงไม่ต้องใช้ความพยายามก็พอมองเห็น
ในช่วงนี้มีกิจกรรมขับไล่รัฐบาลอันแสนชั่วกันอย่างเข้มข้นและกว้างขวาง ว่ากันว่าถ้าขับไล่ได้สำเร็จเมื่อไรก็จะเริ่มปฏิรูปประเทศไทยเมื่อนั้น สภาพแวดล้อมของประเทศและโลกอันน่าโศกเศร้าใน “วันคุ้มครองโลก” ปีนี้ชี้ว่า เราไม่น่าจะรอจนถึงวันขับไล่รัฐบาลสำเร็จ หลายสิ่งหลายอย่างเราต่างทำได้ในวันนี้ มิฉะนั้นเราอาจจะไม่มีอะไรเหลือให้ปฏิรูป