ASTVผู้จัดการรายวัน - แฟมิลี่มาร์ททุ่มเม็ดเงินมากกว่า 4,000 ล้านบาท ขยับตัวลุยคอนวีเนียนสโตร์ขยายสาขามากสุดในประวัติการณ์ร่วม 2,500 สาขา พร้อมปักหมุดลุยอาเซียนเต็มสูบ ชูประเทศไทยฮับอาเซียน คาดปีนี้ทะลุ 1,348 สาขา ส่งรายได้โต 30% แตะ17,000 ล้านบาท
นายมาซาอาคิ โคซากะ กรรมการผู้จัดการ และกรรมการดูแลในส่วนธุรกิจต่างประเทศ แฟมิลี่มาร์ท ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นมีค้าปลีกประเภทคอนวีเนียนสโตร์รวมทุกแบรนด์ราว 50,000 สาขาทั่วประเทศ และมีจำนวนประชากร 125 ล้านคน แต่คอนวีเนียนสโตร์ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งมีอยู่หลายแบรนด์ เช่น เซเว่นฯ, ลอว์สัน, และแฟมิลี่มาร์ท เป็นต้น
โดยแฟมิลี่มาร์ท ถือเป็นแบรนด์ออริจินอลของญี่ปุ่น เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1973 ถึงสิ้นปี 2013 มีจำนวนสาขาทั้งหมด 10,245 สาขา ด้วยจำนวนโมเดลราว 10 รูปแบบ เช่น ธรรดา, ธรรมดา+ซูเปอร์มาร์เก็ต, ธรรมดา+ร้านขายยา เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรูปแบบแฟรนไชส์
อย่างไรก็ตามแฟมิลี่มาร์ทจะเน้นลงทุนในต่างประเทศมากขึ้นโดยเฉพาะในเอเชีย ซึ่งจะให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการขยายธุรกิจในอาเซียน เนื่องจากพบว่า 1.ไทยตั้งอยู่บนพื้นที่ที่เป็นศูนย์กลางของกลุ่มประเทศอาเซียน 2.ไทยมีบริษัทญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนมากมาย และสามารถสนับสนุนและผลักดันสินค้าให้กับทางแฟมิลี่มาร์ท ทั้งสินค้าทั่วไป และเมอร์ชันไดซ์ต่างๆ 3.ไทยเป็นประเทศต้นแบบค้าปลีก ประเภทคอนวีเนียนสโตร์ในภูมิภาคนี้ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่น รูปแบบสโตร์ที่หลากหลาย เมอร์ชันไดซ์ที่เหมาะสมในแต่ละโลเกชั่น การบริการที่ดี เป็นต้น
ที่สำคัญไทยยังมีโอกาสเติบโตในค้าปลีกประเภทคอนวีเนียนสโตร์ได้อีกมาก กับจำนวนประชากรราว 65 ล้านคน แต่คอนวีเนียนสโตร์ทั้งหมดมีประมาณ 10,000 กว่าสาขา เมื่อเทียบกับประเทศญี่ปุ่นถือว่ายังน้อยมาก
ล่าสุดปีนี้บริษัทได้จัดตั้ง FamilyMart Academy ขึ้นในประเทศไทย ด้วยงบลงทุนกว่า 100 ล้านเยน เพื่อใช้พัฒนาทรัพยากรบุคคล สู่การบุกตลาดในอาเซียนต่อไป โดยตั้งเป้าว่า ภายในปี 4-5 ปีข้างหน้า หรือในปี 2018 ประเทศไทยจะมีแฟมิลี่มาร์ท 3,000 สาขา จากปีก่อนอยู่ที่ 1,084 สาขา
นายมาซาอาคิ กล่าวต่อว่า ในส่วนของภาคการลงทุนโดยรวม ปีนี้จะใช้งบลงทุนเพิ่มขึ้น 30% คิดเป็นเม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาท โดยเป็นการลงทุนของทางญี่ปุ่นราว 2,900 ล้านบาท และที่เหลือมาจากการร่วมทุนกับนักลงทุนในประเทศนั้นๆ ในการขยายจำนวนสาขาทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศรวม 2,500 สาขา ได้แก่ 1.ญี่ปุ่น 1,500 สาขา 2.ไทย 300 สาขา 3.จีน 200-300 สาขา และ4.เวียดนาม 80 สาขา จาก 20 สาขา และเตรียมที่จะขยายลงทุนในประเทศเอเชียเพิ่มอีก 1-2 ประเทศด้วย โดยอนาคตมีแนวคิดที่จะจับมือกับทางเซ็นทรัลบุกอาเซียนร่วมกัน หลังจากที่ได้ร่วมทุนขยายแฟมิลี่มาร์ทในไทย
เซ็นทรัลเท 1,300 ล. ผุด 300 สาขา
นายณัฐ วงศ์พานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลแฟมิลี่มาร์ท จำกัด กล่าวว่า ปีนี้บริษัทพร้อมใช้งบอีก 1,300 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.ขยายสาขาใหม่ 950 ล้านบาท จำนวน 300 สาขา 2. รีโนเวทสาขาเก่า 100 ล้านบาท 3. พัฒนาระบบซิสเต็มไอที 100 ล้านบาท และ4.งบการตลาด 150 ล้านบาท
โดยปีนี้จะเน้นพัฒนาสินค้ากลุ่มฟู้ดมากยิ่งขึ้น และเพิ่มสัดส่วนยอดขายเป็น 70% นอนฟู้ดเป็น 30% จากปีก่อนฟู้ด 62% และนอนฟู้ด 38% พร้อมนำเสนอสินค้าใหม่อีก 500 รายการ เช่น 1.แฟมิลี่มาร์ท คอลเลกชั่น 100 รายการ 2.แฟมิ คิทเช่น สินค้าปรุงร้อน 3. แฟมิ เบเกอรี่ และ4. ขนมหวาน เป็นต้น พร้อมซินเนอจี้กับสินค้าในกลุ่มเซ็นทรัล เช่น 1.CRG อย่าง มิสเตอร์โดนัท, อานตี้แอน ราเมง เป็นต้น 2.Tops กับแบรนด์ มายช้อยส์ 3. CPN ที่จะไปขยายสาขาในพื้นที่ต่างๆ อย่างเซ็นทรัล บางนา เซ็นทรัลเวิล์ด เป็นต้น
ขณะที่แผนการตลาดปีนี้ จะเน้นทำแคมเปญเมอร์ชันไดซ์มากขึ้น นำคาร์แรกเตอร์อื่นๆเข้ามาทำตลาด ทำโลคอลมาร์เก็ตติ้ง มั่นใจว่าถึงสิ้นปีบริํษัทจะมีรายได้เติบโตขึ้น 30% หรือมีรายได้รวมกว่า 17,000 ล้านบาท ด้วยจำนวนสาขาทั้งสิ้น 1,348 สาขา จากปีก่อนเติบโต 18% หรือมีรายได้ 13,100 ล้านบาท ด้วยจำนวนสาขาเปิดใหม่ 284 สาขา มาจากเปิดใหม่ 210 สาขา และรีโนเวตจากท็อปส์ 74 สาขา
นายมาซาอาคิ โคซากะ กรรมการผู้จัดการ และกรรมการดูแลในส่วนธุรกิจต่างประเทศ แฟมิลี่มาร์ท ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นมีค้าปลีกประเภทคอนวีเนียนสโตร์รวมทุกแบรนด์ราว 50,000 สาขาทั่วประเทศ และมีจำนวนประชากร 125 ล้านคน แต่คอนวีเนียนสโตร์ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งมีอยู่หลายแบรนด์ เช่น เซเว่นฯ, ลอว์สัน, และแฟมิลี่มาร์ท เป็นต้น
โดยแฟมิลี่มาร์ท ถือเป็นแบรนด์ออริจินอลของญี่ปุ่น เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1973 ถึงสิ้นปี 2013 มีจำนวนสาขาทั้งหมด 10,245 สาขา ด้วยจำนวนโมเดลราว 10 รูปแบบ เช่น ธรรดา, ธรรมดา+ซูเปอร์มาร์เก็ต, ธรรมดา+ร้านขายยา เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรูปแบบแฟรนไชส์
อย่างไรก็ตามแฟมิลี่มาร์ทจะเน้นลงทุนในต่างประเทศมากขึ้นโดยเฉพาะในเอเชีย ซึ่งจะให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการขยายธุรกิจในอาเซียน เนื่องจากพบว่า 1.ไทยตั้งอยู่บนพื้นที่ที่เป็นศูนย์กลางของกลุ่มประเทศอาเซียน 2.ไทยมีบริษัทญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนมากมาย และสามารถสนับสนุนและผลักดันสินค้าให้กับทางแฟมิลี่มาร์ท ทั้งสินค้าทั่วไป และเมอร์ชันไดซ์ต่างๆ 3.ไทยเป็นประเทศต้นแบบค้าปลีก ประเภทคอนวีเนียนสโตร์ในภูมิภาคนี้ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่น รูปแบบสโตร์ที่หลากหลาย เมอร์ชันไดซ์ที่เหมาะสมในแต่ละโลเกชั่น การบริการที่ดี เป็นต้น
ที่สำคัญไทยยังมีโอกาสเติบโตในค้าปลีกประเภทคอนวีเนียนสโตร์ได้อีกมาก กับจำนวนประชากรราว 65 ล้านคน แต่คอนวีเนียนสโตร์ทั้งหมดมีประมาณ 10,000 กว่าสาขา เมื่อเทียบกับประเทศญี่ปุ่นถือว่ายังน้อยมาก
ล่าสุดปีนี้บริษัทได้จัดตั้ง FamilyMart Academy ขึ้นในประเทศไทย ด้วยงบลงทุนกว่า 100 ล้านเยน เพื่อใช้พัฒนาทรัพยากรบุคคล สู่การบุกตลาดในอาเซียนต่อไป โดยตั้งเป้าว่า ภายในปี 4-5 ปีข้างหน้า หรือในปี 2018 ประเทศไทยจะมีแฟมิลี่มาร์ท 3,000 สาขา จากปีก่อนอยู่ที่ 1,084 สาขา
นายมาซาอาคิ กล่าวต่อว่า ในส่วนของภาคการลงทุนโดยรวม ปีนี้จะใช้งบลงทุนเพิ่มขึ้น 30% คิดเป็นเม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาท โดยเป็นการลงทุนของทางญี่ปุ่นราว 2,900 ล้านบาท และที่เหลือมาจากการร่วมทุนกับนักลงทุนในประเทศนั้นๆ ในการขยายจำนวนสาขาทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศรวม 2,500 สาขา ได้แก่ 1.ญี่ปุ่น 1,500 สาขา 2.ไทย 300 สาขา 3.จีน 200-300 สาขา และ4.เวียดนาม 80 สาขา จาก 20 สาขา และเตรียมที่จะขยายลงทุนในประเทศเอเชียเพิ่มอีก 1-2 ประเทศด้วย โดยอนาคตมีแนวคิดที่จะจับมือกับทางเซ็นทรัลบุกอาเซียนร่วมกัน หลังจากที่ได้ร่วมทุนขยายแฟมิลี่มาร์ทในไทย
เซ็นทรัลเท 1,300 ล. ผุด 300 สาขา
นายณัฐ วงศ์พานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลแฟมิลี่มาร์ท จำกัด กล่าวว่า ปีนี้บริษัทพร้อมใช้งบอีก 1,300 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.ขยายสาขาใหม่ 950 ล้านบาท จำนวน 300 สาขา 2. รีโนเวทสาขาเก่า 100 ล้านบาท 3. พัฒนาระบบซิสเต็มไอที 100 ล้านบาท และ4.งบการตลาด 150 ล้านบาท
โดยปีนี้จะเน้นพัฒนาสินค้ากลุ่มฟู้ดมากยิ่งขึ้น และเพิ่มสัดส่วนยอดขายเป็น 70% นอนฟู้ดเป็น 30% จากปีก่อนฟู้ด 62% และนอนฟู้ด 38% พร้อมนำเสนอสินค้าใหม่อีก 500 รายการ เช่น 1.แฟมิลี่มาร์ท คอลเลกชั่น 100 รายการ 2.แฟมิ คิทเช่น สินค้าปรุงร้อน 3. แฟมิ เบเกอรี่ และ4. ขนมหวาน เป็นต้น พร้อมซินเนอจี้กับสินค้าในกลุ่มเซ็นทรัล เช่น 1.CRG อย่าง มิสเตอร์โดนัท, อานตี้แอน ราเมง เป็นต้น 2.Tops กับแบรนด์ มายช้อยส์ 3. CPN ที่จะไปขยายสาขาในพื้นที่ต่างๆ อย่างเซ็นทรัล บางนา เซ็นทรัลเวิล์ด เป็นต้น
ขณะที่แผนการตลาดปีนี้ จะเน้นทำแคมเปญเมอร์ชันไดซ์มากขึ้น นำคาร์แรกเตอร์อื่นๆเข้ามาทำตลาด ทำโลคอลมาร์เก็ตติ้ง มั่นใจว่าถึงสิ้นปีบริํษัทจะมีรายได้เติบโตขึ้น 30% หรือมีรายได้รวมกว่า 17,000 ล้านบาท ด้วยจำนวนสาขาทั้งสิ้น 1,348 สาขา จากปีก่อนเติบโต 18% หรือมีรายได้ 13,100 ล้านบาท ด้วยจำนวนสาขาเปิดใหม่ 284 สาขา มาจากเปิดใหม่ 210 สาขา และรีโนเวตจากท็อปส์ 74 สาขา
