“ซีอาร์ซี” งัดกลยุทธ์แปลงร่าง ปรับ “ท็อปส์ เดลี่” 74 สาขาใหญ่ ขึ้นป้ายเป็น “แฟมิลี่มาร์ท” แทน คาดสิ้นไตรมาสแรกปีหน้าเรียบร้อย คาดใช้งบ 30 ล้านบาทในการแปลงโฉมนี้ ส่งผลให้ “แฟมิลี่มาร์ท” บุกขยายตลาดใหม่ในต่างจังหวัดได้เพียบ ขณะที่ “ท็อปส์” ยันเดินหน้าขยายต่อเนื่องไม่หยุดด้วยงบ 1,700 ล้านบาทปีหน้า
นายณัฐ วงศ์พานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลแฟมิลี่มาร์ท จำกัด และนายอลิสเตอร์ เทย์เลอร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือซีอาร์ซีทั้งสองราย ร่วมกันเปิดเผยว่า ขณะนี้ทั้งสองบริษัทได้บรรลุข้อตกลงกันแล้วในการปรับเปลี่ยนรูปแบบร้านท็อปส์เดลี่ขนาดพื้นที่ไม่เกิน 250 ตารางเมตร จำนวน 74 สาขาให้เป็นร้านแฟมิลี่มาร์ท ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังจากที่ทางบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอปอเรชั่น จำกัด หรือซีอาร์ซีเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 50.29% ในบริษัท เซ็นทรัลแฟมิลี่มาร์ท จำกัด เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2555 ที่ผ่านมา
นายณัฐกล่าวว่า การปรับเปลี่ยนรวม 74 สาขาดังกล่าวต้องใช้งบประมาณ 30 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยปรับและคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณไตรมาสแรกปีหน้า ส่งผลให้ภาพรวมสิ้นปีนี้จะมีสาขารวม 1,040 สาขา ซึ่งปัจจุบันมี 1,000 สาขาแล้ว โดยช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ เปิดสาขาใหม่เองรวมกว่า 100 สาขาแล้ว และยังมั่นใจตามแผนงานเดิมว่าภายในปี 2560 จะมีสาขาเปิดครบ 3,000 สาขา โดยปีหน้ามีแผนใช้งบประมาณลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท
โดยทั้ง 74 สาขาเดิมของท็อปส์เดลี่นี้จะช่วยทำให้แฟมิลี่มาร์ทมีสาขาใหม่ในทำเลที่ไม่เคยมีมาก่อน อาทิ เชียงใหม่ พังงา นครศรีธรรมราช สงขลา เป็นต้น โดยร้านที่แปลงมาครั้งนี้จะมีสินค้ามากกว่า 4,500 รายการ ทั้งผัก ผลไม้ อาหารพร้อมปรุง สินค้าขนาดใหญ่ขึ้นเช่น ข้าวสาร ผงซักฟอก และจะเพิ่มสินค้าใหม่ เช่น อาหารพร้อมทาน
ส่วนโมเดลใหม่คือแฟมิลี่มาร์ทพรีเมียมจะเป็นร้าานที่ทใช้ป้ายสีดำ ปัจจบันมีเปิดบริการแล้ว 5 สาขา เช่น โรงพยาบาลตำรวจ โครงการริธึ่มรัชดาภิเษก โครงการแอสไพร์พระรามสี่ เป็นต้น
บริษัทฯ คาดว่าปีนี้จะมีรายได้รวม 13,000 ล้านบาท เติบโต 20% ขณะนี้ผ่าน 3 ไตรมาสเติบโตแล้ว 18% อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและการเปิดม็อบในเวลานี้ เพราะถ้าหากว่ายืดเยื้อก็จะกระทบกับทุกธุรกิจไม่ดีกับทุกภาคส่วน ซึ่งถ้าหากเกิดกรณีเลวร้ายขึ้นก็คงต้องมามองดูว่าจะลงทุนต่อไปอย่างไร จะจัดแคมเปญใหม่อย่างไรต้องคำนวณค่าใช้จ่ายให้ดี
ด้านนายอลิสเตอร์กล่าวว่า หลังจากการโยกร้านท็อปส์เดลี่ให้กับแฟมิลี่มาร์ทรวม 74 สาขาแล้ว จะทำให้ปัจจุบันท็อปส์เดลี่เหลือเพียง 12 สาขา แต่สิ้นปีจะเปิดอีก 2 สาขา รวมเป็น 14 สาขา ส่วนปีหน้าคาดว่าจะเปิดท็อปส์เดลี่อีก 24 สาขา ลงทุนเฉลี่ย 6 ล้านบาทต่อสาขา
อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมจะลงทุนปีหน้ารวม 1,700 ล้านบาท ขยายสาขาทุกโมเดลรวมกัน 60 สาขา ทั้งเซ็นทรัลฟู้ดฮอล์ ท็อปส์มาร์เก็ต ท็อปส์เดลี่ ท็อปส์ซูเปอร์ ซูเปอร์คุ้ม ซูเปอร์คุ้มขายส่ง ส่งผลให้ปีหน้าคาดว่าจะมีทุกโมเดลรวมกัน 175 สาขา จากสิ้นปีนี้ที่มีรวมประมาณ 121 สาขา
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายท็อปส์เดลี่ต่อเนื่องในรูปแบบมินิซูเปอร์มาร์เกตด้วยสินค้ากว่า 5,000 รายการ แต่ก็จะขยายทุกรูปแบบด้วยเช่นกัน แต่ยืนยันว่ายังไม่มีแผนขยายธุรกิจร้านขายยาแต่อย่างใด ส่วนตลาดต่างประเทศก็มีความสนใจเหมือนกันแต่ยังไม่มีรายละเอียด
นายอลิสเตอร์กล่าวว่า ปีนี้ผลประกอบการของบริษัทฯ คาดว่าจะมีประมาณ 30,000 ล้านบาท เติบโตเป็นเลขสองหลัก