ASTVผู้จัดการรายวัน - บริษัทดาวเทียม Inmarsat เผย “สัญญาณ Ping” บ่งชัด MH370 วกลงใต้ก่อนดิ่งมหาสมุทรอินเดีย ด้านนายกฯมาเลเซียแถลงมีข้อมูลระบุว่าเคร่องบินตกมหาสมุทรอินเดียแล้ว ญาติผู้โดยสารชาวจีนตั้งขบวนประท้วง มุ่งหน้า “สถานทูตมาเลย์” ในปักกิ่ง
เอเอฟพี - บริษัทดาวเทียม Inmarsat แถลงวันที่ 24 มี.ค. ว่า ผู้เชี่ยวชาญสามารถตรวจสอบเส้นทางของเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 โดยคำนวณความเคลื่อนไหว (Doppler effect) ของสัญญาณ Ping ที่ถูกส่งจากเครื่องบินไปยังดาวเทียมในแต่ละชั่วโมง
ก่อนหน้านั้น นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค แห่งมาเลเซีย เปิดเผยว่า จากการวิเคราะห์เส้นทางบินของ MH370 โดยบริษัท Inmarsat พบว่า จุดสุดท้ายที่พบสัญญาณ Ping อยู่ในน่านน้ำห่างไกลออกไปทางตะวันตกของออสเตรเลีย และความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือ เครื่องบินใช้เชื้อเพลิงจนหมดขณะบินอยู่เหนือมหาสมุทรอินเดียตอนใต้
แม้ระบบสื่อสารของเครื่องบินจะถูกปิด แต่สัญญาณ ping จากเครื่องบินยังถูกส่งจากเครื่องบินให้ดาวเทียมตรวจจับได้ นับตั้งแต่มันสูญหายไปจากจอเรดาร์เมื่อกลางดึกของวันที่ 8 มีนาคม พร้อมกับผู้โดยสารและลูกเรือ 239 ชีวิตที่จะเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปยังกรุงปักกิ่ง
อย่างไรก็ดี สัญญาณเหล่านี้ไม่ได้ระบุข้อมูลจีพีเอส, เวลา หรือระยะทาง ดังนั้นบริษัท Inmarsat จึงใช้วิธีนับจำนวนครั้งที่สัญญาณ ping ถูกส่งกลับมา
“เราไม่ทราบว่าเครื่องบินใช้ความเร็วคงที่หรือไม่ เราไม่ทราบด้วยซ้ำว่ามันถูกเปลี่ยนเส้นทาง ดังนั้น เราจึงกำหนดค่าความเร็วแบบบินอัตโนมัติ (autopilot) คือประมาณ 350 น็อต จากนั้นจึงนำปริมาณเชื้อเพลิงและพิสัยการบินมาประกอบกับข้อมูลสัญญาณ ping ที่เรามีอยู่แล้ว”
“โดยปกติคุณจะต้องตรวจสอบข้อมูลแบบสามเส้า (triangulation) ต้องดูพิกัดจีพีเอสด้วย แต่เนื่องจากเครื่องบินแถบนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้ส่งสัญญาณระบุตำแหน่ง เราจึงต้องทำงานกันแบบคนตาบอด นี่จึงเป็นวิธีการที่ค่อนข้างเฉพาะเจาะจงมาก และเป็นครั้งแรกที่เราใช้วิธีแบบนี้”
สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า เท่าที่สามารถคำนวณได้ในเวลานี้ เครื่องบิน MH370 น่าจะบินอยู่ที่ระดับ cruising คือเกิน 30,000 ฟุตขึ้นไป และไม่พบหลักฐานว่าเครื่องบินเดินทางในระดับความสูงไม่คงที่
อย่างไรก็ตาม เอเอฟพี/รอยเตอร์ รายงานว่า ญาติผู้โดยสารชาวจีนที่ร่วมเดินทางไปกับเที่ยวบิน MH 370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์หลายสิบคนร่วมเดินขบวนประท้วง โดยมุ่งหน้าไปยังสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียในกรุงปักกิ่งวานนี้ (25 มี.ค.) เพื่อเรียกร้องให้กัวลาลัมเปอร์ออกมาให้ความกระจ่างเกี่ยวกับชะตากรรมของเครื่องบินโดยสารลำนี้
สมาชิกครอบครัวราว 200 คน ตะโกนว่า “รัฐบาลมาเลเซียคือฆาตกร” และ “เอาญาติพี่น้องเราคืนมา”
ก่อนหน้านี้ บรรดาญาติพี่น้องของผู้โดยสารชาวจีนพากันขึ้นรถโดยสารสาธารณะคันใหญ่จากโรงแรมลิโด เพื่อมาลงที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย แต่ก็มีตำรวจหลายสิบนายก็เข้ามาล้อมรถคันดังกล่าวพร้อมทั้งปิดกั้นเส้นทางไม่ให้รถเคลื่อนออกไปได้ ทำให้เหล่าญาติๆ ต้องเปลี่ยนมาใช้วิธีการเดินขบวนแทน
สมาชิกครอบครัวของผู้โดยสารชาวจีนคนหนึ่งกำลังถือเครื่องกระจายเสียง พลางป่าวร้องให้ผู้สื่อข่าวมุ่งหน้าไปยังสถานเอกอัครราชทูต ขณะที่คนอื่นๆ ยืนจับกลุ่มกันไม่ไปไหนและมีอาการเศร้าหมอง
การเดินขบวนไปประท้วงหน้าสถานเอกอัครราชทูตครั้งนี้มีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง ภายหลังที่ญาติพี่น้องของผู้โดยสารเที่ยวบิน MH370 แสดงปฏิกิริยาโศกเศร้าและเจ็บปวดกับการที่มาเลเซียออกมาแถลงยืนยันข่าวร้ายของเที่ยวบินที่หายไปนานกว่า 2 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม จีนได้เรียกร้องให้กัวลาลัมเปอร์ส่งข้อมูลดาวเทียม ที่ทำให้พวกเขาตั้งข้อสรุปว่าเครื่องบินโบอิ้ง ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ที่มุ่งหน้าไปยังกรุงปักกิ่งลำนี้ตกลงไปในทะเล และในบรรดาผู้โดยสารและลูกเรือรวม 239 คนนั้นไม่มีใครรอดชีวิต ทั้งนี้ผู้โดยสารชาวจีนคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของผู้ที่เดินทางมากับเที่ยวบินนี้
รอยเตอร์รายงานว่า สภาพอากาศที่เลวร้ายบวกกับคลื่นลมรุนแรงในทะเลส่งผลให้ปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินโดยสารมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 ต้องถูกระงับชั่วคราวในวันนี้(25 มี.ค.) ขณะที่ญาติมิตรผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจ หลังรัฐบาลมาเลเซียออกมาแถลงยืนยันว่าเครื่องบินประสบอุบัติเหตุตกลงสู่มหาสมุทรอินเดีย และหมดโอกาสที่ผู้โดยสารและลูกเรือทั้ง 239 คนจะรอดชีวิต
นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค แห่งมาเลเซีย แถลงเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาว่า “มันเป็นน่านน้ำที่อยู่ห่างไกลเกินกว่าเครื่องบินจะสามารถหาสถานที่ลงจอดได้... ดังนั้น เราจึงขอแจ้งให้ท่านทั้งหลายทราบด้วยความเสียใจอย่างที่สุดว่า จากข้อมูลใหม่ที่เราได้รับมาเชื่อว่าเที่ยวบิน MH370 ได้ประสบอุบัติเหตุตกลงสู่มหาสมุทรอินเดียตอนใต้แล้ว”
คำแถลงของนาจิบ อาจนำไปสู่กระบวนการสอบสวนอุบัติเหตุเครื่องบินตกที่ต้องมีค่าใช้จ่ายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ และโดยปกติการสอบสวนจะเริ่มได้ก็ต่อเมื่อมีการระบุจุดตกที่แน่นอนของเครื่องบินแล้วเท่านั้น
เอเอฟพี - บริษัทดาวเทียม Inmarsat แถลงวันที่ 24 มี.ค. ว่า ผู้เชี่ยวชาญสามารถตรวจสอบเส้นทางของเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 โดยคำนวณความเคลื่อนไหว (Doppler effect) ของสัญญาณ Ping ที่ถูกส่งจากเครื่องบินไปยังดาวเทียมในแต่ละชั่วโมง
ก่อนหน้านั้น นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค แห่งมาเลเซีย เปิดเผยว่า จากการวิเคราะห์เส้นทางบินของ MH370 โดยบริษัท Inmarsat พบว่า จุดสุดท้ายที่พบสัญญาณ Ping อยู่ในน่านน้ำห่างไกลออกไปทางตะวันตกของออสเตรเลีย และความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือ เครื่องบินใช้เชื้อเพลิงจนหมดขณะบินอยู่เหนือมหาสมุทรอินเดียตอนใต้
แม้ระบบสื่อสารของเครื่องบินจะถูกปิด แต่สัญญาณ ping จากเครื่องบินยังถูกส่งจากเครื่องบินให้ดาวเทียมตรวจจับได้ นับตั้งแต่มันสูญหายไปจากจอเรดาร์เมื่อกลางดึกของวันที่ 8 มีนาคม พร้อมกับผู้โดยสารและลูกเรือ 239 ชีวิตที่จะเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปยังกรุงปักกิ่ง
อย่างไรก็ดี สัญญาณเหล่านี้ไม่ได้ระบุข้อมูลจีพีเอส, เวลา หรือระยะทาง ดังนั้นบริษัท Inmarsat จึงใช้วิธีนับจำนวนครั้งที่สัญญาณ ping ถูกส่งกลับมา
“เราไม่ทราบว่าเครื่องบินใช้ความเร็วคงที่หรือไม่ เราไม่ทราบด้วยซ้ำว่ามันถูกเปลี่ยนเส้นทาง ดังนั้น เราจึงกำหนดค่าความเร็วแบบบินอัตโนมัติ (autopilot) คือประมาณ 350 น็อต จากนั้นจึงนำปริมาณเชื้อเพลิงและพิสัยการบินมาประกอบกับข้อมูลสัญญาณ ping ที่เรามีอยู่แล้ว”
“โดยปกติคุณจะต้องตรวจสอบข้อมูลแบบสามเส้า (triangulation) ต้องดูพิกัดจีพีเอสด้วย แต่เนื่องจากเครื่องบินแถบนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้ส่งสัญญาณระบุตำแหน่ง เราจึงต้องทำงานกันแบบคนตาบอด นี่จึงเป็นวิธีการที่ค่อนข้างเฉพาะเจาะจงมาก และเป็นครั้งแรกที่เราใช้วิธีแบบนี้”
สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า เท่าที่สามารถคำนวณได้ในเวลานี้ เครื่องบิน MH370 น่าจะบินอยู่ที่ระดับ cruising คือเกิน 30,000 ฟุตขึ้นไป และไม่พบหลักฐานว่าเครื่องบินเดินทางในระดับความสูงไม่คงที่
อย่างไรก็ตาม เอเอฟพี/รอยเตอร์ รายงานว่า ญาติผู้โดยสารชาวจีนที่ร่วมเดินทางไปกับเที่ยวบิน MH 370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์หลายสิบคนร่วมเดินขบวนประท้วง โดยมุ่งหน้าไปยังสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียในกรุงปักกิ่งวานนี้ (25 มี.ค.) เพื่อเรียกร้องให้กัวลาลัมเปอร์ออกมาให้ความกระจ่างเกี่ยวกับชะตากรรมของเครื่องบินโดยสารลำนี้
สมาชิกครอบครัวราว 200 คน ตะโกนว่า “รัฐบาลมาเลเซียคือฆาตกร” และ “เอาญาติพี่น้องเราคืนมา”
ก่อนหน้านี้ บรรดาญาติพี่น้องของผู้โดยสารชาวจีนพากันขึ้นรถโดยสารสาธารณะคันใหญ่จากโรงแรมลิโด เพื่อมาลงที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย แต่ก็มีตำรวจหลายสิบนายก็เข้ามาล้อมรถคันดังกล่าวพร้อมทั้งปิดกั้นเส้นทางไม่ให้รถเคลื่อนออกไปได้ ทำให้เหล่าญาติๆ ต้องเปลี่ยนมาใช้วิธีการเดินขบวนแทน
สมาชิกครอบครัวของผู้โดยสารชาวจีนคนหนึ่งกำลังถือเครื่องกระจายเสียง พลางป่าวร้องให้ผู้สื่อข่าวมุ่งหน้าไปยังสถานเอกอัครราชทูต ขณะที่คนอื่นๆ ยืนจับกลุ่มกันไม่ไปไหนและมีอาการเศร้าหมอง
การเดินขบวนไปประท้วงหน้าสถานเอกอัครราชทูตครั้งนี้มีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง ภายหลังที่ญาติพี่น้องของผู้โดยสารเที่ยวบิน MH370 แสดงปฏิกิริยาโศกเศร้าและเจ็บปวดกับการที่มาเลเซียออกมาแถลงยืนยันข่าวร้ายของเที่ยวบินที่หายไปนานกว่า 2 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม จีนได้เรียกร้องให้กัวลาลัมเปอร์ส่งข้อมูลดาวเทียม ที่ทำให้พวกเขาตั้งข้อสรุปว่าเครื่องบินโบอิ้ง ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ที่มุ่งหน้าไปยังกรุงปักกิ่งลำนี้ตกลงไปในทะเล และในบรรดาผู้โดยสารและลูกเรือรวม 239 คนนั้นไม่มีใครรอดชีวิต ทั้งนี้ผู้โดยสารชาวจีนคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของผู้ที่เดินทางมากับเที่ยวบินนี้
รอยเตอร์รายงานว่า สภาพอากาศที่เลวร้ายบวกกับคลื่นลมรุนแรงในทะเลส่งผลให้ปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินโดยสารมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 ต้องถูกระงับชั่วคราวในวันนี้(25 มี.ค.) ขณะที่ญาติมิตรผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจ หลังรัฐบาลมาเลเซียออกมาแถลงยืนยันว่าเครื่องบินประสบอุบัติเหตุตกลงสู่มหาสมุทรอินเดีย และหมดโอกาสที่ผู้โดยสารและลูกเรือทั้ง 239 คนจะรอดชีวิต
นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค แห่งมาเลเซีย แถลงเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาว่า “มันเป็นน่านน้ำที่อยู่ห่างไกลเกินกว่าเครื่องบินจะสามารถหาสถานที่ลงจอดได้... ดังนั้น เราจึงขอแจ้งให้ท่านทั้งหลายทราบด้วยความเสียใจอย่างที่สุดว่า จากข้อมูลใหม่ที่เราได้รับมาเชื่อว่าเที่ยวบิน MH370 ได้ประสบอุบัติเหตุตกลงสู่มหาสมุทรอินเดียตอนใต้แล้ว”
คำแถลงของนาจิบ อาจนำไปสู่กระบวนการสอบสวนอุบัติเหตุเครื่องบินตกที่ต้องมีค่าใช้จ่ายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ และโดยปกติการสอบสวนจะเริ่มได้ก็ต่อเมื่อมีการระบุจุดตกที่แน่นอนของเครื่องบินแล้วเท่านั้น