รู้สึกรำคาญเสียงโหวกเหวกโวยวายจากฟากฝั่งพรรคเพื่อไทยขี้ข้าระบอบทักษิณ ตลอดถึงเครือข่ายแดงเผาเมือง นปช. ที่ออกมาคัดค้านไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ชี้ว่าการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. 57 ขัดรัฐธรรมนูญ เป็นโมฆะ ไม่มีผลผูกพันตามที่ฝ่ายตัวเองต้องการ
เที่ยวยกข้ออ้างเหตุผลโจมตีฝ่ายตรงข้ามแบบเหมาเข่งว่า เป็นขบวนการสมคบคิดบ้าง วางแผนกันมาอย่างเป็นระบบบ้าง ถามหาความรับผิดชอบจาก พรรคประชาธิปัตย์ - กปปส. ไปจนถึง กกต. และศาลรัฐธรรมนูญ
ยกประชาชนมาเป็นตัวประกันว่า ไปเลือกตั้งกว่า 20 ล้านเสียง เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา ผู้สมัครจากพรรคการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยของตัวเอง เสียเงินไปกับการหาเสียงมากกมาย
**โธ่...โกงกินไปตั้งมากมายไม่เคยพูดถึง ไม่เคยตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงา
ก่อนหน้านี้ กกต.หรือแม้แต่ สตง.ก็ดี ออกมาเตือนจนปากจะฉีกให้ระมัดระวังการเลือกตั้งที่อาจมีปัญหางบประมาณที่ใช้ไปกับการเลือกตั้งสุดท้ายแล้วอาจสูญเปล่า ดักคอกันไว้ก่อนแล้วว่ารัฐบาลจะต้องรับผิดชอบ แล้วฟังกันบ้างหรือเปล่า ยังคงเดินหน้าตามแบบฉบับของกู รีบเร่งเลือกตั้งเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับฝ่ายตัวเองท่าเดียว
คิดใช้การเลือกตั้งเป็นเครื่องฟอกตัว ดื้อด้านเอาตามที่ตัวเองต้องการ เป็นสันดานที่แก้ไม่หาย ไม่เคยยอมรับอะไรที่ฝ่ายตัวเองเสียประโยชน์ เลือกตั้งโมฆะที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนให้กับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย มากกว่าใครอื่นใด นับเป็นการติดเบรกจนหัวทิ่มหน้าคะมำอีกครั้ง สาสมแก่ความย่ามใจ
และเตือนว่าบ้านนี้เมืองนี้ยังมีขื่อมีแป จะประพฤติตามอำเภอใจเยี่ยงสันดานโจร ไม่ได้ !!!
**คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ สร้างความเดือดดาลให้เครือข่ายระบอบทักษิณอย่างมาก
เร่งรีบจับปลายามน้ำขุ่น รู้ทั้งรู้เห็นทั้งเห็นตำตาว่าบ้านเมืองมันวุ่นวายอยู่ก็ไม่สนใจ ลุยเลือกตั้งให้มันจบๆไป เพียงเพื่อลงตราประทับความชอบธรรมให้รัฐบาลตัวเองที่คิดว่ายังไงก็กลับมาใหม่ วันนี้นอกจากจะไม่เป็นผลสำเร็จแล้ว บรรดาลิ่วล้อที่จ่อเป็นรัฐมนตรีกันตัวสั่นก็อยู่ในอาการวังเวงหวังเหวิด อยากให้รับรองผลเลือกตั้ง จะได้เป็นเสนาบดีกับเขาสักที หรือรีเทิร์นกลับมาอีก
เมื่อผิดหวังก็กระฟัดกระเฟียดอย่างที่เห็น เช่นเดียวกับพวก ส.ส.รอส้มหล่น โดยเฉพาะที่ภาคใต้ที่งวดนี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ลง เป็นโอกาสเดียวจะได้เป็นส.ส.สักครั้งในชีวิต ก็กินแห้วพุงกาง หน้าตาเลยบอกบุญไม่รับกันเป็นแถว
ก็ไม่รู้ว่าพวกองค์กรอิสระทั้งหลายแหล่ที่ถูกเครือข่ายคนในรัฐบาลตั้งแง่รังเกียจ จะต้องเจอก้อนขี้หมา หรือลูกระเบิดกันอีกสักกี่ครั้ง กี่หน วันนี้ก็โดนไปหลายตูมแล้ว
**กระนั้นก็ตาม เมื่อมองเหลียวไปยังฟากฝั่งของพรรคประชาธิปัตย์ และ กปปส. ยังดูสับสนอลเวง ไม่มีการขับเคลื่อนอะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้สังคมคาดหวังได้ เท่าที่เห็นยามนี้ก็รอยืมมือองค์กรอิสระประหัตประหารรัฐบาลอย่างเดียว
พรรคประชาธิปัตย์บอยคอตเลือกตั้งไปแล้ว ก็เงียบหายไปจากสารบบ ดีแต่ออกมาตีฝีปากด่ากราดรายวัน แนวคิดปฏิรูปปรับเปลี่ยนประเทศไทยหายเข้ากลีบเมฆ ปล่อยให้ กปปส.เป็นหัวหอกถือธงนำ เสียราคายี่ห้อพรรคการเมืองเก่าแก่ หรือเก่งแต่อนุรักษ์นิยม พอจะเปลี่ยนแปลงนวัตกรรมใหม่ๆ ก็ง่อยรับประทาน
ฝ่าย กปปส. ที่พูดวันละ 3 เวลา ไม่เอาเลือกตั้งจะเอาปฏิรูป แล้วถึงวันนี้ก็ไร้ความชัดเจน ไปสุมหัวเสวนาคนก็มองออกว่าเป็นเกมฆ่าเวลา รอองค์กรอิสระเคลื่อนไหวเหมือนกัน เรื่องที่จำเป็นต้องทำ ที่คนสนับสนุนเต็มที่อย่างเช่น เรื่องของการปฏิรูปพลังงาน ที่คนต้องการทั้งประเทศต้องการความเปลี่ยนแปลงให้มีการใช้อย่างเป็นธรรม ก็นิ่งเฉยเหมือนธุระไม่ใช่
ไม่รู้มีอคติอะไรนักหนา ฝ่ายอื่นเขาหวังดีกระตุ้นเตือนให้ทำเรื่องนี้ ก็ใจแคบ ใจดำ ใจ...มด มองว่าเขาเตะตัดขา ไม่รู้ว่านั่งทับผลประโยชน์พวกพ้องเข้าไปพัวพันมากกว่าหรือเปล่า ไม่อยากทุบหม้อข้าวตัวเอง ว่างั้นเถอะ !?!
ชุมนุมมาแล้ว 5 เดือน มีอะไรเป็นรูปธรรม หลายสิ่งหลายอย่างที่เสนอออกไปสังคมไม่ขานรับ หยุมหยิม ต้องถามว่าตั้งใจจะปฏิรูปจริงๆ หรือแค่สร้างฉากบังหน้า เพื่อรอฝ่ายอื่นๆ มาจัดการ หาเรื่องมาพูดให้สวยหรูรายวัน โกหก เพ้อเจ้อไปเรื่อย คนชักเริ่มสงสัย
** ถ้ากปปส. มีความจริงจัง ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากกว่านี้ จะมีพลังเพิ่มขึ้นมาอีกมากมาย แน่นอนคนต้องการเห็นแก่น เห็นจุดมุ่งหมายที่แน่วแน่แท้จริง มากกว่าจะเรียกนัดชุมนุมใหญ่ เดินแกว่งขาลากไปลากมาจนไข่ห้อย ต่อให้เดินอีก 8 หมื่นลี้ จนย้อยถึงพื้นก็เปล่าประโยชน์ คนเขาไม่เอาแล้ว !!!
บ้านเมืองมันเดินมาถึงจุดที่ต้องตั้งสติกันอีกครั้งว่า จะเดินต่อไปยังไงให้เจอทางรอด แต่แน่นอนว่าบางฝ่ายไม่ค่อยมีความคิดเชิงสร้างสรรค์ จ้องจะมุดซอยตัน จะฆ่าแกงกันอย่างเดียว ดูอย่าง นปช.นั่นปะไร มากันแล้ว นัดรวมพลรวมตัวเคลื่อนไหวกันทุกวัน จะหยิบยกเอาประเด็นการตัดสินขององค์กรอิสระ มาเป็นชนวนปลุกระดมแน่นอน
ล่าสุด นัดชุมนุมใหญ่วันที่ 5 เม.ย. ภายหลังคำตัดสินคดีโครงการรับจำนำข้าวของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯปูกรรเชียง ที่ป.ป.ช. กำหนดไว้สิ้นเดือนมี.ค. หวังใช้เป็นชนวนแตกหัก ลากบ้านเมืองเข้าสู่เกมนองเลือดอีกคำรบ กระหายเลือดยิ่งกว่าผีดิบ !!!
คงต้องเป็นหน้าที่หลักของฝ่ายทหาร โดยเฉพาะ ผบ.ทบ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องรีบออกมาดักคอ ป้องปรามกันแต่เนิ่นๆ ถ้าไม่อยากให้ประเทศไทยต้องเกิดกลียุคในพ.ศ.นี้ ต้องตัดไฟกันแต่ต้นลม แล้วเร่งรีบพุ่งเป้าไปหาแนวทางที่จะนำประเทศไทยเข้าสู่ระบบระเบียบ
นั่นก็ยังเป็นคำถามอยู่ว่า แล้วหนทางไหนกันล่ะ ใครกันเล่าจะออกมาเป็นตัวชูโรง สร้างโรดแม็ปประเทศไทยที่ทุกฝ่ายยอมรับกันได้เสียที ลองผิดลองถูกกันมาก็หลายทีแล้วยังไม่เจอคำตอบสุดท้าย ต้องยอมรับว่ามันยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร แต่ก็ต้องอดทนรอคอยความหวังต่อไป
เชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นได้ในเร็วๆนี้ เพราะหนทางที่จะนำไปสู่การปฏิรูปเปิดอีกครั้งอย่างจริงจัง แล้วบทเรียนแต่ละฝ่ายก็ได้รับกันไปแล้วในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา อาจจะถึงเวลาแล้วจริงๆ ที่จะได้เจรจา สร้างสรรค์ประเทศไทยโฉมใหม่
**ไม่อยากให้เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า ประเทศไทยมันต้องนองเลือด ต้องตายกันเป็นเบือเสียก่อนถึงจะคุยกันได้ จึงได้แต่ย้ำว่า วันนี้เสนอแก่น เสนอเนื้อหากันออกมาให้ลึกซึ้งจริงใจ ดีกว่าเกมการเมือง ประโยชน์ อำนาจ ไม่รู้จะทำเพื่อใคร อย่างน้อยๆก็คิดเสียว่า ทำเพื่อลูกหลานตัวเอง !!!
เที่ยวยกข้ออ้างเหตุผลโจมตีฝ่ายตรงข้ามแบบเหมาเข่งว่า เป็นขบวนการสมคบคิดบ้าง วางแผนกันมาอย่างเป็นระบบบ้าง ถามหาความรับผิดชอบจาก พรรคประชาธิปัตย์ - กปปส. ไปจนถึง กกต. และศาลรัฐธรรมนูญ
ยกประชาชนมาเป็นตัวประกันว่า ไปเลือกตั้งกว่า 20 ล้านเสียง เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา ผู้สมัครจากพรรคการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยของตัวเอง เสียเงินไปกับการหาเสียงมากกมาย
**โธ่...โกงกินไปตั้งมากมายไม่เคยพูดถึง ไม่เคยตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงา
ก่อนหน้านี้ กกต.หรือแม้แต่ สตง.ก็ดี ออกมาเตือนจนปากจะฉีกให้ระมัดระวังการเลือกตั้งที่อาจมีปัญหางบประมาณที่ใช้ไปกับการเลือกตั้งสุดท้ายแล้วอาจสูญเปล่า ดักคอกันไว้ก่อนแล้วว่ารัฐบาลจะต้องรับผิดชอบ แล้วฟังกันบ้างหรือเปล่า ยังคงเดินหน้าตามแบบฉบับของกู รีบเร่งเลือกตั้งเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับฝ่ายตัวเองท่าเดียว
คิดใช้การเลือกตั้งเป็นเครื่องฟอกตัว ดื้อด้านเอาตามที่ตัวเองต้องการ เป็นสันดานที่แก้ไม่หาย ไม่เคยยอมรับอะไรที่ฝ่ายตัวเองเสียประโยชน์ เลือกตั้งโมฆะที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนให้กับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย มากกว่าใครอื่นใด นับเป็นการติดเบรกจนหัวทิ่มหน้าคะมำอีกครั้ง สาสมแก่ความย่ามใจ
และเตือนว่าบ้านนี้เมืองนี้ยังมีขื่อมีแป จะประพฤติตามอำเภอใจเยี่ยงสันดานโจร ไม่ได้ !!!
**คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ สร้างความเดือดดาลให้เครือข่ายระบอบทักษิณอย่างมาก
เร่งรีบจับปลายามน้ำขุ่น รู้ทั้งรู้เห็นทั้งเห็นตำตาว่าบ้านเมืองมันวุ่นวายอยู่ก็ไม่สนใจ ลุยเลือกตั้งให้มันจบๆไป เพียงเพื่อลงตราประทับความชอบธรรมให้รัฐบาลตัวเองที่คิดว่ายังไงก็กลับมาใหม่ วันนี้นอกจากจะไม่เป็นผลสำเร็จแล้ว บรรดาลิ่วล้อที่จ่อเป็นรัฐมนตรีกันตัวสั่นก็อยู่ในอาการวังเวงหวังเหวิด อยากให้รับรองผลเลือกตั้ง จะได้เป็นเสนาบดีกับเขาสักที หรือรีเทิร์นกลับมาอีก
เมื่อผิดหวังก็กระฟัดกระเฟียดอย่างที่เห็น เช่นเดียวกับพวก ส.ส.รอส้มหล่น โดยเฉพาะที่ภาคใต้ที่งวดนี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ลง เป็นโอกาสเดียวจะได้เป็นส.ส.สักครั้งในชีวิต ก็กินแห้วพุงกาง หน้าตาเลยบอกบุญไม่รับกันเป็นแถว
ก็ไม่รู้ว่าพวกองค์กรอิสระทั้งหลายแหล่ที่ถูกเครือข่ายคนในรัฐบาลตั้งแง่รังเกียจ จะต้องเจอก้อนขี้หมา หรือลูกระเบิดกันอีกสักกี่ครั้ง กี่หน วันนี้ก็โดนไปหลายตูมแล้ว
**กระนั้นก็ตาม เมื่อมองเหลียวไปยังฟากฝั่งของพรรคประชาธิปัตย์ และ กปปส. ยังดูสับสนอลเวง ไม่มีการขับเคลื่อนอะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้สังคมคาดหวังได้ เท่าที่เห็นยามนี้ก็รอยืมมือองค์กรอิสระประหัตประหารรัฐบาลอย่างเดียว
พรรคประชาธิปัตย์บอยคอตเลือกตั้งไปแล้ว ก็เงียบหายไปจากสารบบ ดีแต่ออกมาตีฝีปากด่ากราดรายวัน แนวคิดปฏิรูปปรับเปลี่ยนประเทศไทยหายเข้ากลีบเมฆ ปล่อยให้ กปปส.เป็นหัวหอกถือธงนำ เสียราคายี่ห้อพรรคการเมืองเก่าแก่ หรือเก่งแต่อนุรักษ์นิยม พอจะเปลี่ยนแปลงนวัตกรรมใหม่ๆ ก็ง่อยรับประทาน
ฝ่าย กปปส. ที่พูดวันละ 3 เวลา ไม่เอาเลือกตั้งจะเอาปฏิรูป แล้วถึงวันนี้ก็ไร้ความชัดเจน ไปสุมหัวเสวนาคนก็มองออกว่าเป็นเกมฆ่าเวลา รอองค์กรอิสระเคลื่อนไหวเหมือนกัน เรื่องที่จำเป็นต้องทำ ที่คนสนับสนุนเต็มที่อย่างเช่น เรื่องของการปฏิรูปพลังงาน ที่คนต้องการทั้งประเทศต้องการความเปลี่ยนแปลงให้มีการใช้อย่างเป็นธรรม ก็นิ่งเฉยเหมือนธุระไม่ใช่
ไม่รู้มีอคติอะไรนักหนา ฝ่ายอื่นเขาหวังดีกระตุ้นเตือนให้ทำเรื่องนี้ ก็ใจแคบ ใจดำ ใจ...มด มองว่าเขาเตะตัดขา ไม่รู้ว่านั่งทับผลประโยชน์พวกพ้องเข้าไปพัวพันมากกว่าหรือเปล่า ไม่อยากทุบหม้อข้าวตัวเอง ว่างั้นเถอะ !?!
ชุมนุมมาแล้ว 5 เดือน มีอะไรเป็นรูปธรรม หลายสิ่งหลายอย่างที่เสนอออกไปสังคมไม่ขานรับ หยุมหยิม ต้องถามว่าตั้งใจจะปฏิรูปจริงๆ หรือแค่สร้างฉากบังหน้า เพื่อรอฝ่ายอื่นๆ มาจัดการ หาเรื่องมาพูดให้สวยหรูรายวัน โกหก เพ้อเจ้อไปเรื่อย คนชักเริ่มสงสัย
** ถ้ากปปส. มีความจริงจัง ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากกว่านี้ จะมีพลังเพิ่มขึ้นมาอีกมากมาย แน่นอนคนต้องการเห็นแก่น เห็นจุดมุ่งหมายที่แน่วแน่แท้จริง มากกว่าจะเรียกนัดชุมนุมใหญ่ เดินแกว่งขาลากไปลากมาจนไข่ห้อย ต่อให้เดินอีก 8 หมื่นลี้ จนย้อยถึงพื้นก็เปล่าประโยชน์ คนเขาไม่เอาแล้ว !!!
บ้านเมืองมันเดินมาถึงจุดที่ต้องตั้งสติกันอีกครั้งว่า จะเดินต่อไปยังไงให้เจอทางรอด แต่แน่นอนว่าบางฝ่ายไม่ค่อยมีความคิดเชิงสร้างสรรค์ จ้องจะมุดซอยตัน จะฆ่าแกงกันอย่างเดียว ดูอย่าง นปช.นั่นปะไร มากันแล้ว นัดรวมพลรวมตัวเคลื่อนไหวกันทุกวัน จะหยิบยกเอาประเด็นการตัดสินขององค์กรอิสระ มาเป็นชนวนปลุกระดมแน่นอน
ล่าสุด นัดชุมนุมใหญ่วันที่ 5 เม.ย. ภายหลังคำตัดสินคดีโครงการรับจำนำข้าวของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯปูกรรเชียง ที่ป.ป.ช. กำหนดไว้สิ้นเดือนมี.ค. หวังใช้เป็นชนวนแตกหัก ลากบ้านเมืองเข้าสู่เกมนองเลือดอีกคำรบ กระหายเลือดยิ่งกว่าผีดิบ !!!
คงต้องเป็นหน้าที่หลักของฝ่ายทหาร โดยเฉพาะ ผบ.ทบ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องรีบออกมาดักคอ ป้องปรามกันแต่เนิ่นๆ ถ้าไม่อยากให้ประเทศไทยต้องเกิดกลียุคในพ.ศ.นี้ ต้องตัดไฟกันแต่ต้นลม แล้วเร่งรีบพุ่งเป้าไปหาแนวทางที่จะนำประเทศไทยเข้าสู่ระบบระเบียบ
นั่นก็ยังเป็นคำถามอยู่ว่า แล้วหนทางไหนกันล่ะ ใครกันเล่าจะออกมาเป็นตัวชูโรง สร้างโรดแม็ปประเทศไทยที่ทุกฝ่ายยอมรับกันได้เสียที ลองผิดลองถูกกันมาก็หลายทีแล้วยังไม่เจอคำตอบสุดท้าย ต้องยอมรับว่ามันยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร แต่ก็ต้องอดทนรอคอยความหวังต่อไป
เชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นได้ในเร็วๆนี้ เพราะหนทางที่จะนำไปสู่การปฏิรูปเปิดอีกครั้งอย่างจริงจัง แล้วบทเรียนแต่ละฝ่ายก็ได้รับกันไปแล้วในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา อาจจะถึงเวลาแล้วจริงๆ ที่จะได้เจรจา สร้างสรรค์ประเทศไทยโฉมใหม่
**ไม่อยากให้เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า ประเทศไทยมันต้องนองเลือด ต้องตายกันเป็นเบือเสียก่อนถึงจะคุยกันได้ จึงได้แต่ย้ำว่า วันนี้เสนอแก่น เสนอเนื้อหากันออกมาให้ลึกซึ้งจริงใจ ดีกว่าเกมการเมือง ประโยชน์ อำนาจ ไม่รู้จะทำเพื่อใคร อย่างน้อยๆก็คิดเสียว่า ทำเพื่อลูกหลานตัวเอง !!!