คปภ.รับธุรกิจประกันภัยปีนี้ซบ หลายปัจจัยลบรุมเร้า แต่เชื่อยังโตระดับ 10% ได้ พร้อมเดินหน้าลุยขยายตลาดต่อ เน้นประกันภัย 200 บาทช่วยหนุน หวังไตรมาส 2 การเมืองคลาย เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นช่วย
นายประเวช องอาจสิทธิกุลเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.)เปิดเผยว่า ภาพรวมของธุรกิจประกันภัยในปีนี้ต้องยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวลดลงอย่างแน่นอนนอกจากนี้ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมประกันภัย เช่น การเมือง โครงการของภาครัฐที่หมดไปอย่างรถคันแรก และการที่เกษตรกรยังไม่ได้รับเงินจากโครงการจำนำข้าว ซึ่งทำให้ขาดสภาพคล่อง ซึ่งต้องยอมรับว่ามีผลกระทบและผลกระทบดังกล่าวนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะอุตสาหกรรมประกันเพียงอย่างเดียวแต่ได้ส่งผลกระทบไปยังอุตสาหกรรมอื่นด้วย
ทั้งนี้ หากย้อนหลังไป5-10 ปีพบว่าอัตราการเติบโตของประกันทั้งอุตสาหกรรมเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 12-13%ต่อปีมาโดยตลอด ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีและถือว่าเหนือกว่าประเทศที่เกิดใหม่ ที่เฉลี่ยมีอัตราการเติบโตอยู่ที่6-8% เท่านั้นเป้าหมายหลักของคปภ.คือรักษาอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมประกันภัยให้อยู่ในระดับ12-13%ต่อปีให้ได้ แต่ก็มีปีที่หลังน้ำท่วมอัตราการเติบโตของทั้งอุตสาหกรรมเติบโตถึง22% ซึ่งในปี 2557
หากสามารถรักษาอัตราการเติบโตเอาไว้ได้ที่ 12% ก็ถือว่าโอเคแล้วส่วนจะได้หรือไม่นั้น ณ ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุชัดได้
"สถานการณ์ และภาวะตอนนี้ขอบอกว่าหาแรงกระตุกไม่เจอ เพราะโครงการ 2ล้านล้านบาท ก่อนหน้านี้เราหวังว่าจะเป็นแรงกระตุกขึ้นซึ่งจะทำให้ประกันทั้งระบบโตได้ที่ 12% แต่ ณขณะนี้ภาพที่เรามองไม่ได้ดั่งใจเสียแล้ว เพราะไม่เห็น ไม่เกิด จึงไม่มีโดยส่วนตัวผม จึงอยากเห็นทั้งอุตสาหกรรมโตขั้นต่ำสัก 10%ก็พอใจแล้วซึ่งปีนี้ต้องทำใจ เลยต้องหันมาเน้นประกันภัย200 สำหรับรากหญ้าแทนแต่ก็ยังออกตัวไม่แรงอีกเพราะเจอหลายปัจจัย ในขณะที่ปี56ถือว่าเป็นปีที่โชคดีที่มีแรงกระตุกจากรถยนต์คันแรก แต่ปีนี้ไม่มี"นายประเวชกล่าว
นายประเวช กล่าวอีกว่า สำหรับคปภ.แล้วในปีนี้ยังคงเดินหน้าทำตลาดต่อไป โดยไตรมาสแรกก็คาดว่าทั้งระบบน่าจะเติบโตได้ประมาณ 10% ก็ถือว่าเก่งแล้วเพราะไตรมาสแรกของปีนี้ถือว่าเป็นไตรมาสที่เหนื่อยมาก
เนื่องจากไตรมาสแรกของปี 2556นั้นมีอัตราการเติบโตที่สูงมากจากโครงการรถยนต์คันแรกทำให้ในปีต่อๆมาจึงมีการคาดหวังเอาไว้สูงหากไตรมาสแรกทั้งระบบเติบโต10%คปภ.รับได้อยู่แล้วเพราะตอนนี้ฐานเบี้ยประกันทั้งระบบรวมแล้วก็กว่า 6แสนล้านบาท
ส่วนไตรมาส2 จะออกมาเป็นอย่างไร นั้น ณขณะนี้ยังไม่สามารถที่จะคาดเดาอะไรได้ ต้องรอให้จบไตรมาสแรกไปก่อนแต่ก็หวังว่า หากสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นอุตสาหกรรมประกันก็น่าจะดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจด้วย
นายประเวช องอาจสิทธิกุลเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.)เปิดเผยว่า ภาพรวมของธุรกิจประกันภัยในปีนี้ต้องยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวลดลงอย่างแน่นอนนอกจากนี้ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมประกันภัย เช่น การเมือง โครงการของภาครัฐที่หมดไปอย่างรถคันแรก และการที่เกษตรกรยังไม่ได้รับเงินจากโครงการจำนำข้าว ซึ่งทำให้ขาดสภาพคล่อง ซึ่งต้องยอมรับว่ามีผลกระทบและผลกระทบดังกล่าวนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะอุตสาหกรรมประกันเพียงอย่างเดียวแต่ได้ส่งผลกระทบไปยังอุตสาหกรรมอื่นด้วย
ทั้งนี้ หากย้อนหลังไป5-10 ปีพบว่าอัตราการเติบโตของประกันทั้งอุตสาหกรรมเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 12-13%ต่อปีมาโดยตลอด ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีและถือว่าเหนือกว่าประเทศที่เกิดใหม่ ที่เฉลี่ยมีอัตราการเติบโตอยู่ที่6-8% เท่านั้นเป้าหมายหลักของคปภ.คือรักษาอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมประกันภัยให้อยู่ในระดับ12-13%ต่อปีให้ได้ แต่ก็มีปีที่หลังน้ำท่วมอัตราการเติบโตของทั้งอุตสาหกรรมเติบโตถึง22% ซึ่งในปี 2557
หากสามารถรักษาอัตราการเติบโตเอาไว้ได้ที่ 12% ก็ถือว่าโอเคแล้วส่วนจะได้หรือไม่นั้น ณ ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุชัดได้
"สถานการณ์ และภาวะตอนนี้ขอบอกว่าหาแรงกระตุกไม่เจอ เพราะโครงการ 2ล้านล้านบาท ก่อนหน้านี้เราหวังว่าจะเป็นแรงกระตุกขึ้นซึ่งจะทำให้ประกันทั้งระบบโตได้ที่ 12% แต่ ณขณะนี้ภาพที่เรามองไม่ได้ดั่งใจเสียแล้ว เพราะไม่เห็น ไม่เกิด จึงไม่มีโดยส่วนตัวผม จึงอยากเห็นทั้งอุตสาหกรรมโตขั้นต่ำสัก 10%ก็พอใจแล้วซึ่งปีนี้ต้องทำใจ เลยต้องหันมาเน้นประกันภัย200 สำหรับรากหญ้าแทนแต่ก็ยังออกตัวไม่แรงอีกเพราะเจอหลายปัจจัย ในขณะที่ปี56ถือว่าเป็นปีที่โชคดีที่มีแรงกระตุกจากรถยนต์คันแรก แต่ปีนี้ไม่มี"นายประเวชกล่าว
นายประเวช กล่าวอีกว่า สำหรับคปภ.แล้วในปีนี้ยังคงเดินหน้าทำตลาดต่อไป โดยไตรมาสแรกก็คาดว่าทั้งระบบน่าจะเติบโตได้ประมาณ 10% ก็ถือว่าเก่งแล้วเพราะไตรมาสแรกของปีนี้ถือว่าเป็นไตรมาสที่เหนื่อยมาก
เนื่องจากไตรมาสแรกของปี 2556นั้นมีอัตราการเติบโตที่สูงมากจากโครงการรถยนต์คันแรกทำให้ในปีต่อๆมาจึงมีการคาดหวังเอาไว้สูงหากไตรมาสแรกทั้งระบบเติบโต10%คปภ.รับได้อยู่แล้วเพราะตอนนี้ฐานเบี้ยประกันทั้งระบบรวมแล้วก็กว่า 6แสนล้านบาท
ส่วนไตรมาส2 จะออกมาเป็นอย่างไร นั้น ณขณะนี้ยังไม่สามารถที่จะคาดเดาอะไรได้ ต้องรอให้จบไตรมาสแรกไปก่อนแต่ก็หวังว่า หากสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นอุตสาหกรรมประกันก็น่าจะดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจด้วย
