ASTVผู้จัดการรายวัน- สมานฉันท์โค้งสุดท้าย วิศิษฎ์แสดงความยินดี"สุพันธ์ มงคลสุธี"หลังคะแนนนำทิ้งขาดเลือกตั้งกรรมการ ส.อ.ท.เมื่อ 17 มี.ค. ส่วนการฟ้องร้องบัตรผีโยนให้เป็นเรื่องของคณะอนุกรรมการนับคะแนน อดีตคนส.อ.ท.แนะเร่งกู้ภาพลักษณ์นำองค์กรให้พ้นบ่วงการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการประชุมสามัญประจำปี 2557 และการเลือกตั้งคณะกรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) วาระปี 2557-2559 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ ช่วงเช้าของวันที่17มี.ค.ดูเหมือนจะเป็นไปอย่างเรียบร้อยโดย มีผู้มาลงทะเบียน 2,825 คนแต่มีสิทธิ์รับบัตรเลือกตั้งได้เพียง 2,723 คน จากจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 4,800 คนจากสมาชิกทั้งสิ้น 7,000 คนทำให้องค์ประชุมครบ 1 ใน 8 เพื่อดำเนินการเลือกตั้งคณะกรรมการประเภทเลือกตั้งไม่เกิน 232 คน และเมื่อรวมกับคณะกรรมแต่งตั้ง 116 คนจะรวมทั้งสิ้น 348 คนเพื่อไปโหวตเลือกประธานส.อ.ท.วันที่ 8 เม.ย. 57
เวลาประมาณ 14.45 น. นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า มั่นใจว่าจะเป็นผู้ได้รับชัยชนะจากการลงคะแนนเลือกตั้งคณะกรรมการเลือกตั้ง โดยจะได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนมากกว่าคู่แข่งคือนายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ รองประธานส.อ.ท. ไม่ต่ำกว่า 500 คะแนนซึ่งคะแนนอย่างเป็นทางการจะรอประกาศทางการอีกครั้งโดยยืนยันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปอย่างโปร่งใสแน่นอน ไม่มีบัญชีผีแต่อย่างใดและพร้อมที่จะทำงานร่วมกับอีกฝ่าย
นายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ รองประธาน กล่าวว่า หากตรวจสอบพบว่าไม่มีการทุจริต ก็พร้อมจะทำงานกับนายสุพันธ์ต่อไป เพื่อสร้างความปรองดองให้กับส.อ.ท. และเพื่อเป็นแบบอย่างให้ผู้นำรุ่นต่อๆไปยึดเป็นต้นแบบในการร่วมมือกันทำงานต่อไป
นายชัยวัฒน์ วิฐฑิตธรรมวงศ์ คณะอนุกรรมการนับคะแนนซึ่งเป็นฝ่ายสนับสนุนนายวิศิษฎ์ กล่าวว่า คณะอนุฯมีทั้งหมด 12 คนมาจากฝ่ายละ 5 คนและคนกลาง 2 คน ซึ่งฝ่ายตนได้วอล์คเอาท์ออกมาทั้งหมด 5 คน เพราะเห็นว่าการลงทะเบียนเลือกตั้งไม่โปร่งใสเนื่องจากมีการสวมสิทธิ์การเลือกตั้งแทนโดยพบตัวอย่างที่ชัดเจน 2 บริษัทคือ บ.คลาวด์ โซลูชั่นส์ โพรไวเดอร์ จำกัดและบ.อี-อินดัสทรี เน็ตเวิร์ค จำกัด ถูกสวมสิทธิ์แทนโดยนายภาคภูมิ สุกัญจนศิริ และนางสาวศิริวรรณ สุกัญจนศิริ ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดนายสุพันธุ์ มงคลสุธี
“เรื่องนี้เราเป็นห่วงถึงความโปร่งใสถ้ามีได้ 2 บริษัทก็อาจมีเพิ่มเติมอีกจึงไม่ขอรับรองการนับคะแนนครั้งนี้และขอให้ตรวจสอบความโปร่งใสการลงทะเบียนรายชื่อสิทธิ์ผู้ลงคะแนนเลือกตั้งก่อนจึงนับคะแนนต่อไป”
นายธีระวุฒิ ประกายสันติสุข ทนายความฝ่ายของนายวิศิษฎ์ กล่าวว่า การสวมสิทธิ์ทีเกิดขึ้นถือว่ารับไม่ได้และยืนยันว่าจะมีการยื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครองต่อไปเพราะถือว่าเป็นการดำเนินงานที่ไม่โปร่งใสโดยจะยื่นฟ้องใน 1-2 วัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลาประมาณ 19.00น. หลังมีการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการพบว่ากรรมการฝ่ายสุพันธุ์ได้รับคะแนนท่วมท้น ทำให้นายสุพันธุ์นัดแถลงข่าวพร้อมกับนายวิศิษฎ์เพื่อจับมือแสดงความยินดีโดยนายวิศิษฎ์ระบุว่าไม่ต้องการให้เรื่องเล็กๆ นำมาซึ่งปัญหาองค์กรของภาพใหญ่กรณีการฟ้องร้องหรือไม่คงให้เป็นเรื่องของคณะอนุกรรมการฯนับคะแนน
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล กรรมการรองเลขาธิการหอการค้าไทย กล่าวว่า อดีตเคยทำงานที่ส.อ.ท.มาก่อนส่วนตัวเห็นว่า ส.อ.ท.ควรแยกตัวเองออกจากการเมืองโดยเด็ดขาด ต้องกล้าที่จะพูดในสิ่งที่ถูกต้องในเรื่องของเศรษฐกิจ โดยให้นำเอาเศรษฐกิจเป็นตัวตั้งเพราะเท่ากับเป็นการดูแลสังคมไปด้วย ขณะเดียวกันส.อ.ท.ที่ผ่านมาอ่อนเชิงวิชาการมักจะคอมเมนท์จากความรู้สึกส่วนตัวเป็นหลักทำให้รัฐบาลเองระยะหลังไม่ค่อยรับฟังปัญหาส.อ.ท.
“ระบบของสภาหอฯไม่มีเลือกตั้งเวลาเลือกประธานเราจะประนีประนอมและสอบถามกันแล้วก็คัดเลือกจากความเหมาะสม ซึ่งเสียดายเวลาที่ผ่านมาคนส.อ.ท.เวลาแพ้ก็จะหนีออกไปผมคิดว่าปรองดองคงไม่ได้แต่ในแง่ภาพรวมการเลือกตั้งน่าจะดีกว่าทุกครั้งเท่านั้น”นายพรศิลป์กล่าว
นายเกียรติพงศ์ น้อยใจบุญ อดีตเลขาธิการส.อ.ท. กล่าวว่า ตนในฐานะคนที่เคยอยู่ส.อ.ท.มาก่อนยอมรับว่า ส.อ.ท.ควรจะเปลี่ยนแปลงเพราะที่ผ่านมาส.อ.ท.เละเทะ ดังนั้นจากนี้ไปจะต้องทำให้องค์กรเป็นอิสระที่จะผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมโดยไม่เป็นเครื่องมือของใคร และต้องการทำในสิ่งที่ถูกต้องมองประโยชน์ชาติเป็นหลักอย่าเป็นลูกน้องการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการประชุมสามัญประจำปี 2557 และการเลือกตั้งคณะกรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) วาระปี 2557-2559 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ ช่วงเช้าของวันที่17มี.ค.ดูเหมือนจะเป็นไปอย่างเรียบร้อยโดย มีผู้มาลงทะเบียน 2,825 คนแต่มีสิทธิ์รับบัตรเลือกตั้งได้เพียง 2,723 คน จากจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 4,800 คนจากสมาชิกทั้งสิ้น 7,000 คนทำให้องค์ประชุมครบ 1 ใน 8 เพื่อดำเนินการเลือกตั้งคณะกรรมการประเภทเลือกตั้งไม่เกิน 232 คน และเมื่อรวมกับคณะกรรมแต่งตั้ง 116 คนจะรวมทั้งสิ้น 348 คนเพื่อไปโหวตเลือกประธานส.อ.ท.วันที่ 8 เม.ย. 57
เวลาประมาณ 14.45 น. นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า มั่นใจว่าจะเป็นผู้ได้รับชัยชนะจากการลงคะแนนเลือกตั้งคณะกรรมการเลือกตั้ง โดยจะได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนมากกว่าคู่แข่งคือนายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ รองประธานส.อ.ท. ไม่ต่ำกว่า 500 คะแนนซึ่งคะแนนอย่างเป็นทางการจะรอประกาศทางการอีกครั้งโดยยืนยันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปอย่างโปร่งใสแน่นอน ไม่มีบัญชีผีแต่อย่างใดและพร้อมที่จะทำงานร่วมกับอีกฝ่าย
นายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ รองประธาน กล่าวว่า หากตรวจสอบพบว่าไม่มีการทุจริต ก็พร้อมจะทำงานกับนายสุพันธ์ต่อไป เพื่อสร้างความปรองดองให้กับส.อ.ท. และเพื่อเป็นแบบอย่างให้ผู้นำรุ่นต่อๆไปยึดเป็นต้นแบบในการร่วมมือกันทำงานต่อไป
นายชัยวัฒน์ วิฐฑิตธรรมวงศ์ คณะอนุกรรมการนับคะแนนซึ่งเป็นฝ่ายสนับสนุนนายวิศิษฎ์ กล่าวว่า คณะอนุฯมีทั้งหมด 12 คนมาจากฝ่ายละ 5 คนและคนกลาง 2 คน ซึ่งฝ่ายตนได้วอล์คเอาท์ออกมาทั้งหมด 5 คน เพราะเห็นว่าการลงทะเบียนเลือกตั้งไม่โปร่งใสเนื่องจากมีการสวมสิทธิ์การเลือกตั้งแทนโดยพบตัวอย่างที่ชัดเจน 2 บริษัทคือ บ.คลาวด์ โซลูชั่นส์ โพรไวเดอร์ จำกัดและบ.อี-อินดัสทรี เน็ตเวิร์ค จำกัด ถูกสวมสิทธิ์แทนโดยนายภาคภูมิ สุกัญจนศิริ และนางสาวศิริวรรณ สุกัญจนศิริ ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดนายสุพันธุ์ มงคลสุธี
“เรื่องนี้เราเป็นห่วงถึงความโปร่งใสถ้ามีได้ 2 บริษัทก็อาจมีเพิ่มเติมอีกจึงไม่ขอรับรองการนับคะแนนครั้งนี้และขอให้ตรวจสอบความโปร่งใสการลงทะเบียนรายชื่อสิทธิ์ผู้ลงคะแนนเลือกตั้งก่อนจึงนับคะแนนต่อไป”
นายธีระวุฒิ ประกายสันติสุข ทนายความฝ่ายของนายวิศิษฎ์ กล่าวว่า การสวมสิทธิ์ทีเกิดขึ้นถือว่ารับไม่ได้และยืนยันว่าจะมีการยื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครองต่อไปเพราะถือว่าเป็นการดำเนินงานที่ไม่โปร่งใสโดยจะยื่นฟ้องใน 1-2 วัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลาประมาณ 19.00น. หลังมีการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการพบว่ากรรมการฝ่ายสุพันธุ์ได้รับคะแนนท่วมท้น ทำให้นายสุพันธุ์นัดแถลงข่าวพร้อมกับนายวิศิษฎ์เพื่อจับมือแสดงความยินดีโดยนายวิศิษฎ์ระบุว่าไม่ต้องการให้เรื่องเล็กๆ นำมาซึ่งปัญหาองค์กรของภาพใหญ่กรณีการฟ้องร้องหรือไม่คงให้เป็นเรื่องของคณะอนุกรรมการฯนับคะแนน
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล กรรมการรองเลขาธิการหอการค้าไทย กล่าวว่า อดีตเคยทำงานที่ส.อ.ท.มาก่อนส่วนตัวเห็นว่า ส.อ.ท.ควรแยกตัวเองออกจากการเมืองโดยเด็ดขาด ต้องกล้าที่จะพูดในสิ่งที่ถูกต้องในเรื่องของเศรษฐกิจ โดยให้นำเอาเศรษฐกิจเป็นตัวตั้งเพราะเท่ากับเป็นการดูแลสังคมไปด้วย ขณะเดียวกันส.อ.ท.ที่ผ่านมาอ่อนเชิงวิชาการมักจะคอมเมนท์จากความรู้สึกส่วนตัวเป็นหลักทำให้รัฐบาลเองระยะหลังไม่ค่อยรับฟังปัญหาส.อ.ท.
“ระบบของสภาหอฯไม่มีเลือกตั้งเวลาเลือกประธานเราจะประนีประนอมและสอบถามกันแล้วก็คัดเลือกจากความเหมาะสม ซึ่งเสียดายเวลาที่ผ่านมาคนส.อ.ท.เวลาแพ้ก็จะหนีออกไปผมคิดว่าปรองดองคงไม่ได้แต่ในแง่ภาพรวมการเลือกตั้งน่าจะดีกว่าทุกครั้งเท่านั้น”นายพรศิลป์กล่าว
นายเกียรติพงศ์ น้อยใจบุญ อดีตเลขาธิการส.อ.ท. กล่าวว่า ตนในฐานะคนที่เคยอยู่ส.อ.ท.มาก่อนยอมรับว่า ส.อ.ท.ควรจะเปลี่ยนแปลงเพราะที่ผ่านมาส.อ.ท.เละเทะ ดังนั้นจากนี้ไปจะต้องทำให้องค์กรเป็นอิสระที่จะผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมโดยไม่เป็นเครื่องมือของใคร และต้องการทำในสิ่งที่ถูกต้องมองประโยชน์ชาติเป็นหลักอย่าเป็นลูกน้องการเมือง