ASTVผู้จัดการรายวัน - เคทีซีทุ่มงบการตลาด 2 พันล้านบาท เดินหน้าดันยอดใช้จ่ายผ่านบัตรโตไม่ต่ำกว่า 15% เน้นเจาะลูกค้ารายบุคคลและหาสิทธิประโยชน์ใหม่ๆ ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น พร้อมจับมือธนาคารกรุงไทยและร้านค้าในเครืออัดโปรโมชั่นและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆตลอดทั้งปี
นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC กล่าวว่า ในปี 57 ทางบริษัทได้ตั้งงบการตลาดประมาณ 2,000 ล้านบาท เพื่อให้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรไม่ต่ำกว่า 15% ตามที่บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ ถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมคาดว่าจะโต 10% โดยแผนการตลาดจะเน้นเจาะลูกค้ารายบุคคลและให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ผู้ถือบัตรมากขึ้น ซึ่งจะร่วมกับธนาคารและร้านค้าออกมาตลอดทั้งปีนี้
ในปีนี้ บริษัทมีแผนจะขยายฐานลูกค้าบัตรเครดิตใหม่เพิ่มอีก 4 แสนใบ หรือคิดเป็น 25%ของบัตรที่มีอยู่ จำนวน 1.5-1.6 ล้านใบ เช่นเดียวกับสินเชื่อส่วนบุคคลเพิ่มอีก 1.3 แสนใบ คิดเป็น 10-20%ของบัตรที่มีอยู่ 6 แสนใบ ถือเป็นความท้าทายทีมงานค่อนข้างมาก โดยบริษัทจะสนับสนุนและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆผ่านมายังธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) มากขึ้น รวมไปถึงจะปรับปรุงการตลาดร้านค้าให้สามารถตอบสนองความต้องการผู้ถือบัตรให้มากที่สุด ซึ่งยอมรับว่าช่วงที่ผ่านมาสงครามราคาค่อนข้างมาก
“ตลาดบัตรเครดิตยังสามารถเติบโตได้อีก เพราะอัตราการใช้จ่ายผ่านบัตรเทียบกับเงินสดต่ำในส่วนของไทยเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา แม้ภาวะเศรษกิจชะลอตัวและมีปัญหาการเมือง แต่ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตยังเป็นบวกเล็กน้อย จึงคาดว่าในปีนี้จะสามารถทำกำไรได้ไม่น้อยกว่าปีก่อนและตั้งเป้าหมายจะขึ้นมาเป็นที่ 1 ในธุรกิจนี้ภายใน 5 ปีไม่ไกลเกินคาด เมื่อถึงจุดนั้นจะมีพอร์ตสินเชื่อเป็น 1 แสนล้านบาท จากที่มีอยู่ 5.1 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 56 จึงเชื่อว่าทีมงานเดิมที่มีความพร้อม มีศักยภาพ และบริษัทมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี เราจะทำได้”
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ปัญหาหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ทั้งในส่วนของบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลไม่ได้มีปัญหาสามารถควบคุมได้ตลอด ซึ่งเอ็นพีแอลของบริษัทอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม โดยธุรกิจบัตรเครดิตมีเอ็นพีแอล 2.2% เทียบกับในตลาด 2.3% และธุรกิจสินเชื่อบุคคลของบริษัทอยู่ที่ 1.47% เทียบกับตลาดในระดับ 3.65% นอกจากนี้ บริษัทได้ตั้งสำรองหนี้ครอบคลุมตัดหนี้สูญได้ 12 เดือน ขณะที่คู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันตั้งสำรองไว้รองรับ 3 เดือน ดังนั้นบริษัทไม่ต้องกันสำรองเพิ่ม จึงสามารถแข่งขันและทำกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างสบาย.
นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC กล่าวว่า ในปี 57 ทางบริษัทได้ตั้งงบการตลาดประมาณ 2,000 ล้านบาท เพื่อให้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรไม่ต่ำกว่า 15% ตามที่บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ ถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมคาดว่าจะโต 10% โดยแผนการตลาดจะเน้นเจาะลูกค้ารายบุคคลและให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ผู้ถือบัตรมากขึ้น ซึ่งจะร่วมกับธนาคารและร้านค้าออกมาตลอดทั้งปีนี้
ในปีนี้ บริษัทมีแผนจะขยายฐานลูกค้าบัตรเครดิตใหม่เพิ่มอีก 4 แสนใบ หรือคิดเป็น 25%ของบัตรที่มีอยู่ จำนวน 1.5-1.6 ล้านใบ เช่นเดียวกับสินเชื่อส่วนบุคคลเพิ่มอีก 1.3 แสนใบ คิดเป็น 10-20%ของบัตรที่มีอยู่ 6 แสนใบ ถือเป็นความท้าทายทีมงานค่อนข้างมาก โดยบริษัทจะสนับสนุนและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆผ่านมายังธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) มากขึ้น รวมไปถึงจะปรับปรุงการตลาดร้านค้าให้สามารถตอบสนองความต้องการผู้ถือบัตรให้มากที่สุด ซึ่งยอมรับว่าช่วงที่ผ่านมาสงครามราคาค่อนข้างมาก
“ตลาดบัตรเครดิตยังสามารถเติบโตได้อีก เพราะอัตราการใช้จ่ายผ่านบัตรเทียบกับเงินสดต่ำในส่วนของไทยเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา แม้ภาวะเศรษกิจชะลอตัวและมีปัญหาการเมือง แต่ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตยังเป็นบวกเล็กน้อย จึงคาดว่าในปีนี้จะสามารถทำกำไรได้ไม่น้อยกว่าปีก่อนและตั้งเป้าหมายจะขึ้นมาเป็นที่ 1 ในธุรกิจนี้ภายใน 5 ปีไม่ไกลเกินคาด เมื่อถึงจุดนั้นจะมีพอร์ตสินเชื่อเป็น 1 แสนล้านบาท จากที่มีอยู่ 5.1 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 56 จึงเชื่อว่าทีมงานเดิมที่มีความพร้อม มีศักยภาพ และบริษัทมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี เราจะทำได้”
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ปัญหาหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ทั้งในส่วนของบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลไม่ได้มีปัญหาสามารถควบคุมได้ตลอด ซึ่งเอ็นพีแอลของบริษัทอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม โดยธุรกิจบัตรเครดิตมีเอ็นพีแอล 2.2% เทียบกับในตลาด 2.3% และธุรกิจสินเชื่อบุคคลของบริษัทอยู่ที่ 1.47% เทียบกับตลาดในระดับ 3.65% นอกจากนี้ บริษัทได้ตั้งสำรองหนี้ครอบคลุมตัดหนี้สูญได้ 12 เดือน ขณะที่คู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันตั้งสำรองไว้รองรับ 3 เดือน ดังนั้นบริษัทไม่ต้องกันสำรองเพิ่ม จึงสามารถแข่งขันและทำกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างสบาย.