xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

สามีตีตรา“เทือก-ปู-ตู่”ตบจูบน้ำเน่าเอาปฏิรูปบังหน้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ชั่วโมงนี้ หากวัดเรตติ้งกันระหว่างการถ่ายทอดสดการชุมนุมของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหา กษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือ กปปส.ผ่านช่อง “บลูสกาย” กับละครโทรทัศน์ซึ่งผู้คนติดกันงอมแงมทั้งบ้านทั้งเมืองอย่าง “สามีตีตรา” ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ก็ต้องบอกว่า เบียดกันชนิดลมหายใจรดต้นคอ

เผลอๆ ในช่วงเวลาที่ “สามีตีตรา” ออนแอร์ เรตติ้งของกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณอาจจะลดฮวบลงไปถนัดใจ บางคนก็หนีไปดูละคร ขณะที่บางคนก็อาจจะเปิดสลับไปสลับมา ไม่ได้มอบหัวใจหรือติดตามลุงกำนันใกล้ชิดเหมือนอย่างแต่ก่อน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร

หนึ่งนั้น ต้องยอมรับว่า สามีตีตราของผู้จัดที่ชื่อ “แอน ทองประสม” นั้นแซบจี๊ดโดนใจด้วยฝีไม้ลายมือของ 3 นักแสดง นำโดย “พลอย-เฌอมาลย์ บุณยศักดิ์” ที่รับบทหญิงสามผัวประกบ “โป๊บ-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ” และ “จุ๋ย-วรัทยา นิลคูหา” ที่มาแรงชนิดที่แจ้งเกิดเปรี้ยงปร้างหลังย้ายจากช่อง 7 มาซบช่อง 3 กับบท “สายน้ำผึ้ง” สาวโรคจิตผู้แย่งสามีของเพื่อน

สองนั้น ต้องยอมรับว่า เรตติ้งของลุงกำนันที่เคยครองใจมวลมหาประชาชนจนติดหนึบและติดตามการปราศรัยอย่างใกล้ชิดได้ตกลงอย่างน่าใจหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังยุบรวมเวทีมาปักหลักพักค้างอยู่ที่ “สวนลุมพินี” เพื่อรอให้ “มะม่วงหล่น” ลงมาเองและมิได้มีท่าทีว่าจะเปิดเกมรุกเข้าใส่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรและระบอบทักษิณให้จนแต่ประการใด

ทั้งนี้ ยุทธวิธีและยุทธศาสตร์ที่ลุงกำนันใช้ขณะนี้ก็คือการเปิดเวที “ปฏิรูปประเทศไทย” โดยเปิดระดมสมองจากทุกภาคส่วนเพื่อจัดทำ “พิมพ์เขียวประเทศไทย” ภายใต้ชื่อ “มวลมหาประชาเดินหน้าเปลี่ยนประเทศ” อันจะเป็นโรดแมพที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้า ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มีความพยายามจากมวลชนที่จะผลักดันให้ลุงกำนันมีความชัดเจนว่าจะปฏิรูปในด้านไหน อย่างไร แต่ชุดความคิดที่สะท้อนกลับมาจากเวที กปปส.ก็คือ ยังไม่ถึงเวลา ต้องโค่นระบอบทักษิณและรัฐบาลยิ่งลักษณ์ให้ราบคาบเสียก่อน ถึงค่อยมาพูดถึงการปฏิรูป

แต่วันนี้ ลุงกำนัน ณ สวนลุมพินีกำลังขะมักเขม้นกับการปฏิรูปประเทศไทยอย่างเอาเป็นเอาตาย จนเกิดคำถามย้อนกลับไปว่า แล้วจะปฏิรูปได้อย่างไร ตราบใดที่ยังโค่นรัฐบาลยิ่งลักษณ์และระบอบทักษิณให้พ้นไปจากประเทศไทยได้

ดังนั้น ดูทรงแล้ว จึงมีความเป็นไปได้สูงว่า หวยจะออกที่การเจรจา และมีการจัดตั้งรัฐบาลคนกลางขึ้นมาเพื่อบริหารประเทศ โดยความยินยอมพร้อมใจของทั้งสองฝ่ายในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง หรือไม่ก็เดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งใหม่โดยโมฆะการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 แล้วอาศัยการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)ที่จะเป็นตัวฟอกให้สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์กลับมามีสิทธิเลือกตั้งเหมือนเดิมหลังพร้อมใจกันไม่ลงสมัครในการเลือกตั้ง ส.ส.เที่ยวที่แล้วเพราะมั่นใจว่า การเลือกตั้งเที่ยวนี้คะแนนเสียงของพรรคประชาธิปัตย์จะเบียดขึ้นมาสูสีกับพรรคเพื่อไทยชนิดลมหายใจรดต้นคอ จากนั้นก็ใช้หมากพิสดารในการดึง “พรรคร่วมรัฐบาลเดิม” ให้ตัดสินใจย้ายข้างเพื่อทำให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ด้วยการสนับสนุนของ “บิ๊กถั่งเช่า”

ขณะที่นักโทษชายหนีคดีและพรรคเพื่อไทยก็มิได้เกรงกลัวการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นประการใด เนื่องจากพวกเขามั่นใจว่า ถึงจะอย่างไรก็จะได้เสียงข้างมากและกลับเข้ามาบริหารประเทศอีกครั้ง ขอเพียงอย่างเดียวคือพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจกลับสู่สนามเลือกตั้งเท่านั้น และมั่นใจว่า ทหารถั่งเช่าจะไม่ทำรัฐประหาร ซึ่งความจริงก็เป็นเช่นนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรัฐประหารที่มั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า บิ๊กถั่งเช่าระดับตำนานผู้เกลียดผัดใบกระเพราจะนั่งรอ นอนรอและยืนรอเหมือนเช่นที่เห็นและเป็นอยู่จนกว่าตนเองจะเกษียณอายุราชการ

ทั้งนี้ รายงานข่าวยืนยันว่า ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรัฐมนตรี อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยจำนวนหนึ่งได้เดินทางไปพบ นช.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อเยี่ยมเยียนและปรึกษาสถานการณ์ทางการเมือง โดยข้อความในการสนทนาบางช่วงบางตอน นช.ทักษิณระบุชัดเจนว่า “ทหารจะไม่กล้าทำรัฐประหารและเป็นไปได้ว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมาอาจเป็นโมฆะ แต่จะเป็นเรื่องดี หากพรรคประชาธิปัตย์ลงเลือกตั้ง ทุกอย่างจะได้จบๆ ไป โดยมั่นใจว่า หากมีการเลือกตั้งใหม่พรรคเพื่อไทยก็ชนะอยู่ดี”

แน่นอนว่า โอกาสที่หวยจะออกมาในโมเดลนี้มีความเป็นไปได้สูง ดังเช่นที่ “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้สัมภาษณ์เอาไว้เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2557 ว่า...

“ขอสนับสนุนทุกกลุ่มที่เร่งทำงานเรื่องการปฏิรูป พรรคได้ร่วมทำงานกับสถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทย หากใครอยากจะรับไปทำก็พร้อมสนับสนุน รวมถึงรัฐบาลถ้าสนใจจะนำของพรรคไปดำเนินการก็ไม่ขัดข้อง โดยพรรคได้นำเสนอแนวทางการปฏิรูป 7 ด้าน ใกล้จะเรียบร้อยและพร้อมจะทำสมัชชาในช่วงการประชุมใหญ่สามัญประจำปีในวันที่ 28-29 มีนาคม เพื่อหาข้อสรุปแต่ละด้าน ทั้งด้านการคอร์รัปชั่น กระจายอำนาจ การปฏิรูปตำรวจ สื่อ และเรื่องอื่นๆ”

“ปัญหาที่การปฏิรูปเดินหน้าไม่ได้ เพราะรัฐบาลยืนขวางอยู่ เป็นปมที่ต้องแก้ ด้วยการหาคำตอบร่วมกันว่าทำอย่างไรให้การปฏิรูปเดินหน้าไปได้ ในที่สุดจะหนีไม่พ้นว่าการปฏิรูปจะเดินหน้าไปพร้อมกับการเลือกตั้ง เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการปฏิรูปในทุกด้านที่พูดกันให้เสร็จสิ้นก่อนแล้วค่อยเลือกตั้ง แต่การจะให้ประชาชนยอมรับการเลือกตั้งจะต้องทำให้เห็นชัดว่าการปฏิรูปเดินหน้าแน่นอน ไม่มีการเบี้ยว แม้จะมีการเลือกตั้งก็จะไม่เบี้ยว ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่จะทำให้เกิดความเชื่อถือได้ คนที่จะเข้ามาบริหารช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านหากการเลือกตั้งเป็นโมฆะควรเป็นคนกลาง ไม่ควรมีฝ่ายหรือมีพรรค”

สอดคล้องกับผลสำรวจของ “สวนดุสิตโพล” ที่สังคมรับรู้กันโดยทั่วไปว่า มีจุดยืนทางการเมืองอย่างไร ที่ออกมาโยนหินถามทางด้วยการสอบถามความคิดเห็นประชาชนเรื่อง ประชาชนคิดอย่างไร? กับกระแสข่าวหา “คนกลาง” อันเป็นผลมาจากการพูดคุยกันระหว่างนายกฯยิ่งลักษณ์กับ ผบ.เหล่าทัพต่างๆ และเรียกร้องให้หาคนกลางที่จะมาดำเนินการพูดคุยไกล่เกลี่ยให้สถานการณ์บ้านเมืองดีขึ้น ซึ่งโพลที่ออกมาก็เป็นไปตามที่คาดคือ ถึงเวลาที่ต้องมีคนกลางที่ “ทุกฝ่าย” ยอมรับมาทำหน้าที่เพื่อผ่าทางตันของประเทศ

นี่คือ “วังวน” ของการเมืองน้ำเน่าที่อาศัย “การปฏิรูป” เป็นเครื่องมือบังหน้า

กล่าวสำหรับแนวทางในการปฏิรูปประเทศไทยของลุงกำนันและกปปส.ที่เปิดฉากไปเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2557 นั้น กปปส. จะจัดเวทีระดมความคิดเห็น 6 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 10-21 มี.ค.มนี้ ซึ่งจะเน้นที่ 6 หัวข้อหลักคือ 1.แก้ความยากจน 2.แก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น 3.การกระจายอำนาจ 4.การปรับโครงสร้างตำรวจกระบวนการยุติธรรม 5.ปฏิรูปการเลือกตั้งและพรรคการเมือง 6.การปรับระบบราชการ โดยกระบวนการปฏิรูปประเทศ กปปส.ได้แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือ เวทีภาควิชาการ เวทีสมัชชาประชาชน และสภาประชาชนกับรัฐบาลประชาชน เมื่อขั้นตอน 2 เวทีแรกแล้วเสร็จ จะนำข้อสรุปทั้งหมดเข้าสู่สภาประชาชน

“วันนี้เป็นวันประวัติศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวหน้า กปปส.จึงเริ่มต้นระดมความคิดจากปราชญ์ผู้รู้ นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญที่ค้นคว้าวิจัยปัญหาต่างๆ ของประเทศ ซึ่งการที่บางส่วนกังวลว่าทำเพียง 6 ข้อเท่านั้น ผมยืนยันว่าจะทำทุกเรื่อง แต่ที่เลือก 6 ข้อเพราะจำเป็นเร่งด่วนและมีเวลาจำกัด เมื่อทำ 6 ข้อสำเร็จก็ส่งภารกิจให้รัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งบริสุทธิ์ของประชาชน จะทำให้เสร็จภายใน 1-1 ปีครึ่ง เชื่อว่าภายใน 2 สัปดาห์นี้จะได้ผลสรุปที่ทำให้ประชาชนเห็นภาพการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทย”นายสุเทพกล่าวย้ำหลังพูดในทำนองนี้มาแล้วหลายหน

แน่นอน การที่นายสุเทพพุ่งเป้าไปที่ 6 เรื่องหลัก โดยมิสนใจใยดีเรื่องการปฏิรูปพลังงานนั้น สอดคล้องกับข้อมูลที่มีการเปิดเผยว่า ได้มีการนำข้อเสนอเรื่องปฏิรูปพลังงานและปฏิรูปที่ดินให้นายสุเทพพิจารณา แต่ถูกปฏิเสธ พร้อมให้เหตุผลว่า จะทำให้เสียการสนับสนุน ซึ่งสอดคล้องกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่ กปปส.เคยมีการหยิบยกเรื่องการปฏิรูปพลังงานมาเป็นประเด็น แต่ในที่สุดก็เงียบหายไปในสายลมโดยไม่แจ้งเหตุผลที่แน่ชัด

ต่างจากเวทีของ “หลวงปู่พุทธะอิสระ” แห่งวัดอ้อน้อย ธรรมอิสระ ซึ่งปักหลักตั้งเวทีอยู่แจ้งวัฒนะ ที่มีการพิมพ์เขียวการปฏิรูปพลังงานออกมาชัดเจน รวมถึงกรณีการช่วยเหลือชาวนาที่มีรูปธรรมให้สามารถจับต้องได้ มิใช่เป็นการให้ความช่วยเหลือเพื่อหวังให้ชาวนาเข้ามาร่วมชุมนุมเพียงประการเดียวเท่านั้น(อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม “หลวงปู่พุทธะอิสระกับภารกิจสู้เพื่อชาวนา ปลดแอกไม่ได้ ไม่เลิก” หน้า21 )

นอกจากนั้น สิ่งที่มวลมหาประชาชน(ที่ไม่ใช่แมลงสาบพันธุ์แท้และดั้งเดิม) กลัวก็คือ จุดจบของการชุมนุมที่อาจจะโหดร้ายเกิดกว่าจะรับได้ นั่นก็คือ การเจรจาอันเป็นเป้าหมายสูงสุด จากนั้นก็นำไปสู่โหมดการเลือกตั้งหรือไม่ก็จัดตั้งรัฐบาลคนกลางซึ่งเป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่ายด้วยข้ออ้างเรื่องประเทศบอบช้ำเกินกว่าจะทน โดยเฉพาะภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ ส่วน เรื่อง “การปฏิรูป” ขอเว้นวรรคไว้ก่อน และค่อยมาว่ากันใหม่หลังสามารถจัดตั้งรัฐบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เนื่องจากต้องไม่ลืมว่า ตัวละครทุกตัวที่โลดเล่นบนถนนสายการเมืองทุกวันนี้ ไม่ใช่ “นักแสดง” เหมือนละครโทรทัศน์เรื่องสามีตีตรา หากแต่คือ “นักการเมือง” ตัวจริงและเสียงจริง ซึ่งยากยิ่งต่อการเปลี่ยนแปลงและการปฏิรูป

กรณีที่เกิดขึ้นกับเวทีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) จังหวัดชุมพรคือตัวอย่างที่ดีที่สุด เพราะจะเห็นได้ชัดว่า ละครฉากใหญ่ฉากนี้คืออะไร

เรื่องของเรื่องเป็นผลมาจากการปราศรัยของนายสุเทพที่ระบุว่า “กรณีมีคนลงสมัครรับเลือกตั้งวุฒิสภาแล้วบอกว่า กปปส.ส่งมา อย่าหลงเชื่อ อย่าไปเลือก ให้เลือกคู่แข่งแทน เพราะนั่นโกหก กปปส.ไม่ยุ่งกับการสมัคร ส.ว.จังหวัดไหนทั้งสิ้น” ซึ่งสอดคล้องกับก่อนหน้านี้ที่ “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” โฆษก กปปส.แถลงถึงกรณีที่ “นายพงศา ชูแนม” นักอนุรักษ์คนดังแห่งชุมพร ซึ่งเคยขึ้นเวที กปปส.แล้วไปลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ว.ชุมพรนั้น ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลและการลงสมัครดังกล่าวไม่ใช่เป็นเพราะ กปปส.พิจารณาส่งสมัคร จนผู้คนสงสัยกันทั้งบ้านทั้งเมืองว่าเกิดอะไรขึ้น

และในที่สุดเรื่องดังกล่าวก็ถูกเฉลยออกมาว่า เป็นเพราะ “พงศา ชูแนม” คือคู่แข่งคนสำคัญของ “พ.ต.อ.นรินทร์ บุษยวิทย์” อดีตรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพรที่มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับ “ลูกหมี-ชุมพล จุลใส” อดีต ส.ส.จังหวัดชุมพร ที่ถือเป็นเด็กในบ้านของนายสุเทพ

ข้อมูลของหนังสือพิมพ์คมชัดลึกระบุชัดเจนว่า “เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 7 มีนาคม 2557 “ลูกหมี” ฝากข้อความให้โฆษกเวที กปปส.ประกาศผ่านช่องบลูสกายว่า ใครที่เคยขึ้นเวที กปปส.แล้วไปลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ว. ผู้ลงคะแนนโปรดใช้วิจารณญาณ เพราะจุดยืนของ กปปส.ต้องการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง”

แปลไทยเป็นไทยก็คือ ไม่ใช่พวกของกู อย่าไปเลือก แม้ว่าคนๆ นั้น ซึ่งก็คือ พงศา ชูแนม จะเป็นแนวร่วมคนสำคัญของ กปปส.และเคยขึ้นเวทีปราศรัยมาแล้วหลายครั้งหลายหนก็ตาม

กระทั่ง “จิตกร บุษบา” ซึ่งทุกคนรับรู้ดีกว่าเขาคือคนของพรรคประชาธิปัตย์ต้องออกมาเขียนบทความเตือนว่า ระวังกรณีพงศาและชุมพลจะกลายเป็นปัญหาน้ำผึ้งหยดเดียว

ขณะที่ตัว “พงศา ชูแนม” เองก็ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์เอาไว้อย่างมีนัยสำคัญว่า “เห็นได้ชัดว่าตอนนี้คำว่าสภาประชาชนหายไปจากคำพูดบนเวที กปปส. คำถามคือแล้วหลังจากนี้ใครจะเป็นคนปฏิรูป หน้าที่การปฏิรูปต้องเป็นของประชาชนทั้งประเทศ ถ้าปฏิรูปโดย กปปส.ฝ่ายเดียวอีกฝ่ายหนึ่งก็จะไม่เชื่อมั่น ดังนั้นการปฏิรูปจึงต้องเริ่มจากเวทีที่เป็นกลาง มีการจัดทำแผนของประชาชนในระดับชุมชน-ตำบลขึ้นมา ส่วนสัญญาณมาจากที่แกนนำพูดมาตลอดว่าจะชนะวันโน้นวันนี้ ล่าสุดก็บอกว่าภายในวันที่ 4 รัฐบาลจะล้มเหลว แต่ก็ไม่จริง นั่นหมายความว่ามีแนวโน้มที่จะเกิดการเจรจาเพื่อให้บ้านเมืองสงบ ไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะอย่างเบ็ดเสร็จ ที่สุดแล้วก็จะมีการเอาคนกลางเข้ามาปฏิรูป นี่คือทิศทางที่ทุกเวทีที่เป็นแนวร่วมของ กปปส.ประเมินไว้ ไม่ว่าจะเป็นเวทีกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ.เวทีเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย เวทีเครือข่ายพลังงาน หรือแม้แต่เวทีของหลวงปู่พุทธะอิสระ ก็มองตรงกันหมดว่าจะเป็นเช่นนี้ ซึ่งทุกเวทียืนยันตรงกันว่าจะยืนระยะการชุมนุมต่อไปแม้ว่าจะได้รัฐบาลใหม่.คือจะชุมนุมกันต่อไปจนกว่าจะเกิดการปฏิรูปประเทศจริงๆ”

นอกจากนี้ ยังหมายความว่า สิ่งที่ กปปส.ประกาศให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งมิต่างอะไรจากคำผายลม เพราะถ้ากำนันสุเทพเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมืองก่อนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) การเลือกตั้ง ส.ว.ก็น่าจะตั้งอยู่บนตรรกะที่ไม่แตกต่าง ซ้ำร้ายแนวโน้มของการเลือกตั้ง ส.ว.ที่กำลังจะเกิดขึ้นก็ยังคงเดินวนเวียนอยู่บนเส้นทางเดิมๆ คือ สภาผัวเมีย-สภาทาส

นี่หรือคือสิ่งที่มวลมหาประชาชนเรียกร้องถวิลหา

นี่คือโมเดลทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ใช่หรือไม่

สุดท้าย นิทานเรื่องกำนันสุเทพและกปปส.อาจจะจบลงโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ละครสามีตีตรา เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปฉันใด นักการเมืองก็เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปฉันนั้น เพราะทุกอย่างคือเรื่องสมมติ ทุกอย่างคือละคร มิใช่เรื่องจริง

แถมทำไปทำมาเรื่องราวระหว่างกำนันสุเทพ นายกฯ ยิ่งลักษณ์และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกยังบังเอิญดำเนินไปในลักษณะคล้ายคลึงกับละครเรื่องสามีตีตราอีกต่างหาก โดย พล.อ.ประยุทธ์ช่างละม้ายเหมือนชีวิตของพระเอกของเรื่องคือ “โป๊บ-ธนวรรธน์ ซึ่งมี 2 สาวสวยคือพลอย-เฌอมาลย์และจุ๋ย-วรัทยาแย่งชิงมาเป็นของตัวเอง

11 มีนาคม 2557

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. กล่าวปราศรัยบนเวทีมวลมหาประชาชนสวนลุมพินีว่า “ขอถือโอกาสนี้ส่งสัญญาณไปยังพี่น้องทั่วประเทศ เมื่อถึงเวลาสำคัญจะเป่านกหวีดระดมพลครั้งใหญ่”

คำถามมีอยู่ว่า นายสุเทพจะทำอะไรในการเป่านกหวีดระดมพลครั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึง

เป่าเพื่อเรียกให้มวลมหาประชาชนมารวมตัวกัน จากนั้นก็แยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมันในช่วงเย็นหรือค่ำ

หรือเป่าเพื่อเดินหน้าเผด็จศึกระบอบทักษิณและรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรให้จงได้

เพราะถ้ายังคงเป่านกหวีดโดยที่มิได้ทำอะไรเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ละครสามีตีตราหรือละครน้ำเน่าทางโทรทัศน์คงจะกลับมาทวงคืนเรตติ้งจากลุง กำนันและบลูสกายไปจนแทบจะหมดเป็นแน่แท้

แน่นอน ไม่มีใครปฏิเสธความยิ่งใหญ่ของกำนันสุเทพที่สามารถระดมออกมาต่อสู้กับระบอบทักษิณได้อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ จนทำให้ผนังทองแดงกำแพงเหล็กของรัฐบาลยิ่งลักษณ์อ่อนยวบลงไปถนัดใจ แต่เส้นทางเดินต่อไปของกำนันสุเทพก็จำต้องถูกตรวจสอบ จับตาและวิพากษ์วิจารณ์ เพราะมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเท่าใดนัก


กำลังโหลดความคิดเห็น