ASTVผู้จัดการรายวัน-"เหลิม"หนุนยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงแทน แล้วให้ "ชัยเกษม-ปึ้ง" คุม คาด เม.ย. ร้อน ความรุนแรงปะทุแน่ หาก ป.ป.ช. ชี้มูลจำนำข้าวให้ "ปู" ผิด "ประยุทธ์" ชี้สถานการณ์บ้านเมืองเหมือนแข่งกีฬา ต้องรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย แนะยึดพระราชดำรัสในหลวงแก้ขัดแย้ง กปปส.เปิดเวทีระดมความคิดต้านโกง ย้ำเหตุเกิดจากพรรคการเมือง ต้องเปิดให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบ "หมวดเจี๊ยบ" ใช้ทีวีรัฐแถลงเรื่องส่วนตัว ด้านตำรวจทำงานไวออกหมายจับ 9 การ์ด กปปส.
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) เปิดเผยถึงการพิจารณายกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลว่า ยังไม่ได้รับสัญญาณจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ได้บอก พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไปแล้วว่าควรยกเลิก เพราะนับแต่ศาลแพ่งมีข้อห้าม 9 ข้อ ศรส. ก็แทบไม่มีอะไรทำ แต่เมื่อมีชื่อพ.ร.ก.ติดอยู่ ต่างชาติก็วิพากษ์วิจารณ์ ฉะนั้นควรยกเลิก ส่วนจะใช้กฎหมายอะไรมาแทน ก็แล้วแต่นายกรัฐมนตรี และครม.
ทั้งนี้ ตามหลัก มีพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ อยู่แล้ว แต่หากใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ตนคงไม่เหมาะที่จะเข้ามาทำหน้าที่ เพราะเป็นรมว.แรงงาน ควรเป็นนายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม หรือนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ที่ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพราะเหมาะสมมากกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากสถานการณ์กลับมารุนแรงอีก จะสามารถประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และหลีกเลี่ยงคำสั่งศาลแพ่ง 9 ข้อ ได้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ได้ เพราะพอประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินใหม่ จะสามารถใช้อำนาจได้เต็มที่เหมือนเดิม แต่เชื่อว่าจะมีคนร้องอีก ถ้าการอุทธรณ์คำสั่งศาลแพ่งไม่เป็นผล เพราะมีบรรทัดฐานอยู่ แต่ถ้าการอุทธรณ์เป็นผล การออกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะเกิดประโยชน์
**คาดความรุนแรงปะทุหลังสงกรานต์
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า กรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ระบุว่า ตั้งแต่ปลายเดือนมี.ค. สถานการณ์จะรุนแรงนั้น ตนเป็นคนไม่ค่อยเชื่อหน่วยงานด้านความมั่นคง แต่มีแหล่งข่าวของตัวเอง สำคัญที่สุดประมาณกลางเดือนเม.ย. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะชี้มูลคดีรับจำนำข้าวแล้ว ส่วนผลจะออกมาอย่างไร ไม่ทราบ ตนเป็นห่วงนายกฯ เรื่องนี้ ส่วนกรณีศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ถ้าไม่ได้ ก็ไม่มีเงินมาพัฒนาประเทศ รัฐบาลไม่เห็นต้องรับผิดชอบอะไร รอ ป.ป.ช.อย่างเดียว ตรงอื่นไม่มีอะไร
เมื่อถามว่า แสดงว่าหลังสงกรานต์ มีเรื่องแน่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า “ผมมองอย่างนั้น”
เมื่อถามว่า หากผลออกมานายกฯ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จะมีผลกระทบกับรัฐบาลหรือไม่ เพราะรองนายกฯ ยังปฏิบัติหน้าที่ได้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ผลกระทบมี เพราะนายกฯ ได้รับการยอมรับจากประชาชนสูง ถ้าเอาคนอื่นมาปฏบัติหน้าที่แทน รัฐบาลจะเซ และทรุด ซึ่งอันตราย ตนถึงบอกว่าถ้าป.ป.ช.ตัดสินมีเหตุผล ความรุนแรงจะไม่เกิด แต่ถ้าตัดสินค้านสายตาคนดู มีเรื่องแน่ เพราะผู้รักความเป็นธรรมเขามี ไม่ได้มองว่า เป็นคนเสื้อแดงอย่างเดียว แต่คนทั้งประเทศเขาดูอยู่ ในทางปฏิบัติ นายกฯ ไม่เกี่ยว ไม่เช่นนั้นต่อไปใครจะเป็นรัฐบาล มีนโยบายอะไรต้องไปขออนุญาต ป.ป.ช. ศาลรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อย่างนั้นหรือ
**"ยิ่งลักษณ์"สวมสร้อยคอสันติภาพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการลงพื้นที่ตรวจราชการของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ จ.ชัยภูมิ และจ.ขอนแก่น ทั้งตัวนายกฯ และทีมงานนายกฯ ทีมรักษาความปลอดภัย ได้สวมสร้อยคอสัญลักษณ์สันติภาพ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์โอทอป จ.ลำปาง เมื่อครั้งที่นายกฯ ลงพื้นที่ตรวจราชการที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากนายกฯ เห็นว่ามีความหมายดี และใกล้วันสตรีสากล น่าจะเป็นสัญลักษณ์ในการแสดงออกถึงพลังสตรี ในของเรื่องสิทธิ และเสรีภาพ เนื่องจากปัจจุบันเรื่องของสิทธิเสรีภาพถูดลิดรอน ถูกจำกัดสิทธิในการแสดงออก และอยากให้ทำในลักษณะคล้ายกับการจุดเทียน
โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า สร้อยคอที่ใส่ อยากจะสื่อถึงสันติภาพ เราอยากเห็นสัญลักษณ์ของสันติภาพนี้เกิดขึ้น คำว่า สันติภาพ ในความหมายของตน ไม่ไดัมองแค่ว่า สันติภาพนั้น คือ การที่เราอยู่กันอย่างสงบ โดยไม่ใช่กำลังรุนแรง แต่สันติภาพนี้ อยากให้สื่อไปถึงการที่เราต้องให้ความยุติธรรมอย่างเสมอภาค การดูแลทุกคนอย่างเท่าเทียม ให้หลักการดูแล หลักเมตตาธรรม หลักอาทรเป็นจุดยึดโยงความสันติ ความสงบ ในใจของของคนไทยทุกคน
***"ประยุทธ์"แนะให้รู้แพ้รู้ชนะรู้อภัย
ที่ จ.ราชบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวให้โอวาทแก่กำลังพลในพิธีปิดการแข่งขันกีฬาภายในกองทัพบกครั้งที่ 64 จ.ราชบุรี ตอนหนึ่งว่า การแข่งขันกีฬาถือเป็นการสร้างความรักความสามัคคี ความเป็นหนึ่งเดียว ความเข้มแข็งให้กับกองทัพ สร้างความรู้แพ้ รู้ชนะ และที่สำคัญต้องชนะใจตัวเอง พร้อมทั้งปฏิบัติตามกฎกติกา กองเชียร์ก็เช่นเดียวกันต้องปฎิบัติตามระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด เปรียบได้กับสถานการณ์ภายในประเทศของเราในวันนี้ที่ทุกคนต้องรู้แพ้ รู้ชนะ ให้อภัยและเคารพกฎหมายของบ้านเมือง
โดยช่วงเวลานี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญของกองทัพบก เพื่อแสดงให้เห็นถึงความอดทนและความเข้มแข็ง รักษากฎกติกามีวินัย จะต้องอดทนเหมือนกับตน ที่อดทนอยู่ในเวลานี้ เพราะต้องคำนึงถึงความถูกต้องชอบธรรมในฐานะที่เป็นทหารของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชน จึงต้องปฎิบัติตามกฎ กติกา และกฎหมายของประเทศ เมื่อเรารักษากฎกติกาแล้ว ทุกคนในประเทศนี้ก็ต้องรักษากติกาให้ได้เหมือนเรา
"อยากให้กำลังพลทุกคนได้นำพาประเทศชาติไปสู่อนาคตด้วยความรัก ความสามัคคีของคนทุกหมู่เหล่า ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย เป็นที่พึ่งให้กับประชาชนทุกโอกาสและทุกสถานการณ์ ทหารต้องเป็นความหวังของชาติ การปฎิบัติงานใดๆ ก็ตาม อยากให้ทุกคนมองรอบด้าน พิจารณาใคร่ครวญ อย่ามองแค่ซ้ายหรือขวา เพราะจะทำให้เราไม่รู้ว่าจะเดินไปอย่างไร ต้องมองให้รอบด้าน อย่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระราชทานไว้ เรื่องการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี คือ มีความพอประมาณ และอยู่ภายใต้ความรู้คู่คุณธรรม ถ้าเราได้เรียนรู้และปฏิบัติตามก็จะทำให้รู้ว่าจะนำประเทศชาติไปสู่ความมั่นคงได้อย่างไร พร้อมอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ทั้งนี้ เราจะไม่ยอมเด็ดขาดกับผู้ที่ไม่เคารพกฎหมาย และอยากให้กำลังทุกคนเชื่อมั่นผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด ไม่ทำผิดวินัย นำพากองทัพเดินไปด้วยความสง่างาม แม้จะมีบางคนไม่เข้าใจทหาร แต่วันหน้าก็ต้องเข้าใจ วันนี้ถือเป็นโอกาสสุดท้ายที่ผมได้มาพูดคุยกับทุกคน อยากฝากให้ช่วยกันดูแลประชาชนและบ้านเมือง ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร ซึ่งประเทศชาติสำคัญที่สุด มากกว่าความชอบพอหรือความรักส่วนตัวประเทศอยู่ที่ไหนต้องเดินไปตรงนั้น เพราะเราเป็นคนไทยด้วยกันทั้งสิ้น" ผบ.ทบ.กล่าว
**ปชป.จี้เลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฟื้นเศรษฐกิจ
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รัฐบาลควรพิจารณายกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะยังมีประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งใช้เล่นงานแกนนำและผู้ชุมนุมได้อยู่แล้ว จึงเห็นว่าการใช้กฎหมายอาญา มีความร้ายแรงว่า การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่รัฐบาลหวังว่ากฎหมายนี้จะคุ้มครองเจ้าหน้าที่ว่าไม่ได้ทำผิด แต่ไม่ปรากฏว่ามีการก่อการร้ายหรือทำลายความมั่นคงของชาติ รัฐบาลจึงควรเร่งยุติการประกาศใข้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินให้เร็วที่สุด เพราะยิ่งยกเลิกเร็วเท่าไร เศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้เร็วเท่านั้น
** กปปส.ถกปฏิรูปแก้คอร์รัปชัน
วันเดียวกันนี้ กลุ่ม กปปส. มีกิจกรรม เวทีระดมความคิดเพื่อการปฏิรูปประเทศ ครั้งที่ 2 ภายใต้หัวข้อ "ปฏิรูประบบตรวจสอบ ปลุกสำนึกคนไทย ขจัดภัยคอร์รัปชั่น" โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. กล่าวว่า ปัญหาการทุจริต คอร์รัปชันในขณะนี้ ถือเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วน การเสวนาในครั้งนี้ จึงมีความสำคัญในการระดมความเห็น เพื่อแก้ปัญหา ก่อนส่งต่อไปยังรัฐบาลประชาชนเพื่อดำเนินการต่อไป
ขณะที่นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีตสมาชิกวุฒิสภา ได้แสดงความเห็นว่า ปัญหาการทุจริต คอร์รัปชันในปัจจุบันเกิดจากกระบวนการการฉ้อราษฎร์บังหลวงในเชิงนโยบายของระบอบทักษิณ ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ นักการเมือง ข้าราชการ และนักธุรกิจ
นายมานะ นิมิตรมงคล ผู้อำนวยการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน กล่าวว่า การแก้ปัญหาการทุจริตในประเทศ ตลอดช่วงเวลา 10 ปี ใน 6 รัฐบาลที่ผ่านมา ยังไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากนโยบายส่วนใหญ่ ไม่มีการนำมาปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ เวทีปฏิรูปด้านการทุจริตคอรัปชันเห็นตรงกันว่า ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากระบบโครงสร้างของพรรคการเมือง ในการเริ่มต้นของกระบวนการทุจริต ดังนั้น วิธีการแก้ปัญหา ควรเปิดโอกาสเพิ่มอำนาจให้กับประชาชน สามารถเข้ามาตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้ ส่วนเวทีระดมความคิดเพื่อการปฏิรูปประเทศของกลุ่ม กปปส. จะจัดขึ้นอีกครั้ง ในวันที่ 14 มี.ค. ตั้งแต่ เวลา 10.00-15.30 น. โดยจะเสวนาภายใต้หัวข้อ "การกระจายอำนาจ" ที่อาคารศูนย์เยาวชนสวนลุมพินี
***"หมวดเจี๊ยบ"ใช้ทีวีรัฐแถลงเรื่องส่วนตัว
ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.จารุต ศรุตยาพร ผกก.สน.ปทุมวัน ในนามศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าคดีที่ ร.ท.หญิง สุณิสาแจ้งความที่ สน.ปทมุวัน ว่าถูกการ์ด กปปส.คุมตัว และทำร้ายร่างกายเมื่อวันที่ 25 ก.พ. พร้อมนำคลิปที่การ์ด กปปส.กำลังล็อกตัวมาแสดง ผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 และช่อง 9
พ.ต.อ.จารุตกล่าวว่า พนักงานสืบสวนได้ส่งตัวผู้เสียหายเข้าตรวจร่างกาย ทางแพทย์ยืนยันถูกทำร้ายร่างกายจริง พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหาร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตและเสรีภาพ กักขังหน่วงเหนี่ยว และทำร้ายร่างกายกับผู้ต้องหาดังกล่าว ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป โดยหลักฐานเพิ่มเติมเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด ปรากฏภาพผู้ต้องหาร่วมกระทำความผิด 9 คนโดยร่วมกันกระทำการกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้เสียหาย โดยเจ้าหน้าที่จะนำภาพไปประกอบคำร้องยื่นต่อศาลเพื่อขออนุมัติหมายจับต่อไป
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) เปิดเผยถึงการพิจารณายกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลว่า ยังไม่ได้รับสัญญาณจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ได้บอก พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไปแล้วว่าควรยกเลิก เพราะนับแต่ศาลแพ่งมีข้อห้าม 9 ข้อ ศรส. ก็แทบไม่มีอะไรทำ แต่เมื่อมีชื่อพ.ร.ก.ติดอยู่ ต่างชาติก็วิพากษ์วิจารณ์ ฉะนั้นควรยกเลิก ส่วนจะใช้กฎหมายอะไรมาแทน ก็แล้วแต่นายกรัฐมนตรี และครม.
ทั้งนี้ ตามหลัก มีพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ อยู่แล้ว แต่หากใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ตนคงไม่เหมาะที่จะเข้ามาทำหน้าที่ เพราะเป็นรมว.แรงงาน ควรเป็นนายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม หรือนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ที่ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพราะเหมาะสมมากกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากสถานการณ์กลับมารุนแรงอีก จะสามารถประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และหลีกเลี่ยงคำสั่งศาลแพ่ง 9 ข้อ ได้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ได้ เพราะพอประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินใหม่ จะสามารถใช้อำนาจได้เต็มที่เหมือนเดิม แต่เชื่อว่าจะมีคนร้องอีก ถ้าการอุทธรณ์คำสั่งศาลแพ่งไม่เป็นผล เพราะมีบรรทัดฐานอยู่ แต่ถ้าการอุทธรณ์เป็นผล การออกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะเกิดประโยชน์
**คาดความรุนแรงปะทุหลังสงกรานต์
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า กรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ระบุว่า ตั้งแต่ปลายเดือนมี.ค. สถานการณ์จะรุนแรงนั้น ตนเป็นคนไม่ค่อยเชื่อหน่วยงานด้านความมั่นคง แต่มีแหล่งข่าวของตัวเอง สำคัญที่สุดประมาณกลางเดือนเม.ย. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะชี้มูลคดีรับจำนำข้าวแล้ว ส่วนผลจะออกมาอย่างไร ไม่ทราบ ตนเป็นห่วงนายกฯ เรื่องนี้ ส่วนกรณีศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ถ้าไม่ได้ ก็ไม่มีเงินมาพัฒนาประเทศ รัฐบาลไม่เห็นต้องรับผิดชอบอะไร รอ ป.ป.ช.อย่างเดียว ตรงอื่นไม่มีอะไร
เมื่อถามว่า แสดงว่าหลังสงกรานต์ มีเรื่องแน่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า “ผมมองอย่างนั้น”
เมื่อถามว่า หากผลออกมานายกฯ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จะมีผลกระทบกับรัฐบาลหรือไม่ เพราะรองนายกฯ ยังปฏิบัติหน้าที่ได้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ผลกระทบมี เพราะนายกฯ ได้รับการยอมรับจากประชาชนสูง ถ้าเอาคนอื่นมาปฏบัติหน้าที่แทน รัฐบาลจะเซ และทรุด ซึ่งอันตราย ตนถึงบอกว่าถ้าป.ป.ช.ตัดสินมีเหตุผล ความรุนแรงจะไม่เกิด แต่ถ้าตัดสินค้านสายตาคนดู มีเรื่องแน่ เพราะผู้รักความเป็นธรรมเขามี ไม่ได้มองว่า เป็นคนเสื้อแดงอย่างเดียว แต่คนทั้งประเทศเขาดูอยู่ ในทางปฏิบัติ นายกฯ ไม่เกี่ยว ไม่เช่นนั้นต่อไปใครจะเป็นรัฐบาล มีนโยบายอะไรต้องไปขออนุญาต ป.ป.ช. ศาลรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อย่างนั้นหรือ
**"ยิ่งลักษณ์"สวมสร้อยคอสันติภาพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการลงพื้นที่ตรวจราชการของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ จ.ชัยภูมิ และจ.ขอนแก่น ทั้งตัวนายกฯ และทีมงานนายกฯ ทีมรักษาความปลอดภัย ได้สวมสร้อยคอสัญลักษณ์สันติภาพ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์โอทอป จ.ลำปาง เมื่อครั้งที่นายกฯ ลงพื้นที่ตรวจราชการที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากนายกฯ เห็นว่ามีความหมายดี และใกล้วันสตรีสากล น่าจะเป็นสัญลักษณ์ในการแสดงออกถึงพลังสตรี ในของเรื่องสิทธิ และเสรีภาพ เนื่องจากปัจจุบันเรื่องของสิทธิเสรีภาพถูดลิดรอน ถูกจำกัดสิทธิในการแสดงออก และอยากให้ทำในลักษณะคล้ายกับการจุดเทียน
โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า สร้อยคอที่ใส่ อยากจะสื่อถึงสันติภาพ เราอยากเห็นสัญลักษณ์ของสันติภาพนี้เกิดขึ้น คำว่า สันติภาพ ในความหมายของตน ไม่ไดัมองแค่ว่า สันติภาพนั้น คือ การที่เราอยู่กันอย่างสงบ โดยไม่ใช่กำลังรุนแรง แต่สันติภาพนี้ อยากให้สื่อไปถึงการที่เราต้องให้ความยุติธรรมอย่างเสมอภาค การดูแลทุกคนอย่างเท่าเทียม ให้หลักการดูแล หลักเมตตาธรรม หลักอาทรเป็นจุดยึดโยงความสันติ ความสงบ ในใจของของคนไทยทุกคน
***"ประยุทธ์"แนะให้รู้แพ้รู้ชนะรู้อภัย
ที่ จ.ราชบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวให้โอวาทแก่กำลังพลในพิธีปิดการแข่งขันกีฬาภายในกองทัพบกครั้งที่ 64 จ.ราชบุรี ตอนหนึ่งว่า การแข่งขันกีฬาถือเป็นการสร้างความรักความสามัคคี ความเป็นหนึ่งเดียว ความเข้มแข็งให้กับกองทัพ สร้างความรู้แพ้ รู้ชนะ และที่สำคัญต้องชนะใจตัวเอง พร้อมทั้งปฏิบัติตามกฎกติกา กองเชียร์ก็เช่นเดียวกันต้องปฎิบัติตามระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด เปรียบได้กับสถานการณ์ภายในประเทศของเราในวันนี้ที่ทุกคนต้องรู้แพ้ รู้ชนะ ให้อภัยและเคารพกฎหมายของบ้านเมือง
โดยช่วงเวลานี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญของกองทัพบก เพื่อแสดงให้เห็นถึงความอดทนและความเข้มแข็ง รักษากฎกติกามีวินัย จะต้องอดทนเหมือนกับตน ที่อดทนอยู่ในเวลานี้ เพราะต้องคำนึงถึงความถูกต้องชอบธรรมในฐานะที่เป็นทหารของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชน จึงต้องปฎิบัติตามกฎ กติกา และกฎหมายของประเทศ เมื่อเรารักษากฎกติกาแล้ว ทุกคนในประเทศนี้ก็ต้องรักษากติกาให้ได้เหมือนเรา
"อยากให้กำลังพลทุกคนได้นำพาประเทศชาติไปสู่อนาคตด้วยความรัก ความสามัคคีของคนทุกหมู่เหล่า ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย เป็นที่พึ่งให้กับประชาชนทุกโอกาสและทุกสถานการณ์ ทหารต้องเป็นความหวังของชาติ การปฎิบัติงานใดๆ ก็ตาม อยากให้ทุกคนมองรอบด้าน พิจารณาใคร่ครวญ อย่ามองแค่ซ้ายหรือขวา เพราะจะทำให้เราไม่รู้ว่าจะเดินไปอย่างไร ต้องมองให้รอบด้าน อย่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระราชทานไว้ เรื่องการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี คือ มีความพอประมาณ และอยู่ภายใต้ความรู้คู่คุณธรรม ถ้าเราได้เรียนรู้และปฏิบัติตามก็จะทำให้รู้ว่าจะนำประเทศชาติไปสู่ความมั่นคงได้อย่างไร พร้อมอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ทั้งนี้ เราจะไม่ยอมเด็ดขาดกับผู้ที่ไม่เคารพกฎหมาย และอยากให้กำลังทุกคนเชื่อมั่นผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด ไม่ทำผิดวินัย นำพากองทัพเดินไปด้วยความสง่างาม แม้จะมีบางคนไม่เข้าใจทหาร แต่วันหน้าก็ต้องเข้าใจ วันนี้ถือเป็นโอกาสสุดท้ายที่ผมได้มาพูดคุยกับทุกคน อยากฝากให้ช่วยกันดูแลประชาชนและบ้านเมือง ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร ซึ่งประเทศชาติสำคัญที่สุด มากกว่าความชอบพอหรือความรักส่วนตัวประเทศอยู่ที่ไหนต้องเดินไปตรงนั้น เพราะเราเป็นคนไทยด้วยกันทั้งสิ้น" ผบ.ทบ.กล่าว
**ปชป.จี้เลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฟื้นเศรษฐกิจ
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รัฐบาลควรพิจารณายกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะยังมีประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งใช้เล่นงานแกนนำและผู้ชุมนุมได้อยู่แล้ว จึงเห็นว่าการใช้กฎหมายอาญา มีความร้ายแรงว่า การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่รัฐบาลหวังว่ากฎหมายนี้จะคุ้มครองเจ้าหน้าที่ว่าไม่ได้ทำผิด แต่ไม่ปรากฏว่ามีการก่อการร้ายหรือทำลายความมั่นคงของชาติ รัฐบาลจึงควรเร่งยุติการประกาศใข้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินให้เร็วที่สุด เพราะยิ่งยกเลิกเร็วเท่าไร เศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้เร็วเท่านั้น
** กปปส.ถกปฏิรูปแก้คอร์รัปชัน
วันเดียวกันนี้ กลุ่ม กปปส. มีกิจกรรม เวทีระดมความคิดเพื่อการปฏิรูปประเทศ ครั้งที่ 2 ภายใต้หัวข้อ "ปฏิรูประบบตรวจสอบ ปลุกสำนึกคนไทย ขจัดภัยคอร์รัปชั่น" โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. กล่าวว่า ปัญหาการทุจริต คอร์รัปชันในขณะนี้ ถือเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วน การเสวนาในครั้งนี้ จึงมีความสำคัญในการระดมความเห็น เพื่อแก้ปัญหา ก่อนส่งต่อไปยังรัฐบาลประชาชนเพื่อดำเนินการต่อไป
ขณะที่นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีตสมาชิกวุฒิสภา ได้แสดงความเห็นว่า ปัญหาการทุจริต คอร์รัปชันในปัจจุบันเกิดจากกระบวนการการฉ้อราษฎร์บังหลวงในเชิงนโยบายของระบอบทักษิณ ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ นักการเมือง ข้าราชการ และนักธุรกิจ
นายมานะ นิมิตรมงคล ผู้อำนวยการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน กล่าวว่า การแก้ปัญหาการทุจริตในประเทศ ตลอดช่วงเวลา 10 ปี ใน 6 รัฐบาลที่ผ่านมา ยังไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากนโยบายส่วนใหญ่ ไม่มีการนำมาปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ เวทีปฏิรูปด้านการทุจริตคอรัปชันเห็นตรงกันว่า ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากระบบโครงสร้างของพรรคการเมือง ในการเริ่มต้นของกระบวนการทุจริต ดังนั้น วิธีการแก้ปัญหา ควรเปิดโอกาสเพิ่มอำนาจให้กับประชาชน สามารถเข้ามาตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้ ส่วนเวทีระดมความคิดเพื่อการปฏิรูปประเทศของกลุ่ม กปปส. จะจัดขึ้นอีกครั้ง ในวันที่ 14 มี.ค. ตั้งแต่ เวลา 10.00-15.30 น. โดยจะเสวนาภายใต้หัวข้อ "การกระจายอำนาจ" ที่อาคารศูนย์เยาวชนสวนลุมพินี
***"หมวดเจี๊ยบ"ใช้ทีวีรัฐแถลงเรื่องส่วนตัว
ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.จารุต ศรุตยาพร ผกก.สน.ปทุมวัน ในนามศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าคดีที่ ร.ท.หญิง สุณิสาแจ้งความที่ สน.ปทมุวัน ว่าถูกการ์ด กปปส.คุมตัว และทำร้ายร่างกายเมื่อวันที่ 25 ก.พ. พร้อมนำคลิปที่การ์ด กปปส.กำลังล็อกตัวมาแสดง ผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 และช่อง 9
พ.ต.อ.จารุตกล่าวว่า พนักงานสืบสวนได้ส่งตัวผู้เสียหายเข้าตรวจร่างกาย ทางแพทย์ยืนยันถูกทำร้ายร่างกายจริง พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหาร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตและเสรีภาพ กักขังหน่วงเหนี่ยว และทำร้ายร่างกายกับผู้ต้องหาดังกล่าว ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป โดยหลักฐานเพิ่มเติมเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด ปรากฏภาพผู้ต้องหาร่วมกระทำความผิด 9 คนโดยร่วมกันกระทำการกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้เสียหาย โดยเจ้าหน้าที่จะนำภาพไปประกอบคำร้องยื่นต่อศาลเพื่อขออนุมัติหมายจับต่อไป