**เกิดคำถามอื้ออึงกันขรมเมือง หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติควักใบเหลือง แจกให้ “ชายหมู”ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ร้อนฉ่า จะเข่นฆ่ากันไม่รู้วันไหน
หลายฝ่ายตีความเป็นเพราะ 5 เสือกกต. ต้องการกลบกระแสเอียงกระเท่เร่ไปฟากฝั่งม็อบ กปปส.ของ “กำนันเทือก”สุเทพ เทือกสุบรรณ และพรรคประชาธิปัตย์ ที่คนเสื้อแดง และพรรคเพื่อไทย โจมตีอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา
เลยหันมาสอยฝั่งเดียวกันแบบถนอมใจ เพื่อรักษาไว้ซึ่งภาพลักษณ์เรื่องน้ำหนักของตาชั่ง
เพราะถ้าถึงคราวรัฐบาลทรราชโดนบ้าง กกต. จะอ้างได้ว่า ตัดสินเท่าเทียม ฟันได้หมด ไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น ว่ากันไปนั่น !!!
**บางคนในรัฐบาลถึงกับผวา รีบตีความว่า เป็นเพราะ กกต.ต้องการขุดบ่อล่อปลา เพื่อรอเชือดสมันตัวใหญ่อย่างรัฐบาล
จะเทน้ำหนักประเด็นนี้อย่างเดียวแบบลืมปมอื่นที่สำคัญเลยเสียมิได้ โดยเฉพาะมติ 3 ต่อ 2 ของ 5 เสือกกต. ที่น่าล้วงแคะแกะเกา จนทำให้รูปการณ์อาจพลิกผันได้ในช่วงปลาย ตามกระแสข่าววงในว่า 2 เสือกกต. ที่โหวตให้ “ชายหมู” มีมลทินในครั้งนี้ เป็นสองอดีตตุลาการ ย่อมอาจส่งผลต่อรูปคดีในชั้นศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้ไม่น้อย
สาเหตุเพราะตุลาการมักจะมีหลักการพิจารณา และไต่สวนคดีในลักษณะที่เหมือนกัน การที่อดีตตุลาการเคาะโต๊ะเห็นด้วยที่จะแจกใบเหลืองถึงสองคน นั่นย่อมแสดงถึงความมั่นใจว่า “ชายหมู”กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งจริงๆ จึงเป็นไปได้ไม่น้อยที่ผู้พิพากษาจะเห็นไปในแนวเดียวกัน
“ชายหมู” จึงได้เสียวในชั้นศาลแน่ อาจได้หาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกันใหม่อีกสักรอบ
เหลือบมาดูม้าแข่งของแต่ละพรรค หากต้องเปิดฉากซัดกันในศึกชิงเมืองอีกครั้ง โดยเฉพาะตัวเก็งสองพรรคใหญ่ อย่างประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย น่าจะไม่มีอะไรหวือหวา
แม้ตามกระแสก่อนหน้าที่จะเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหนที่แล้ว พรรคประชาธิปัตย์ ค่อนข้างจะระส่ำระส่ายไม่น้อย กว่าจะเลือกม้าศึกได้เพราะมีหลายก๊กประเคนชื่อแคนดิเดตไปมากกว่าหนึ่ง เพราะไม่เห็นด้วยกับการส่ง “ชายหมู”ซึ่งเป็นของขึ้นรา ค้างตู้เย็นไปอุ่นใหม่
แต่ฝั่ง“ชายหมู”เองก็ขึงขัง ดื้อแพ่งจะลง แม้พรรคจะไม่ส่งก็ตาม ก่อนที่ค่ายสีฟ้าจะกลั้นใจเข็นลงไปอีกรอบ เพราะหวั่นจะต้องไปตัดคะแนนกันเองจนเสียท่าพลาดให้กับคู่แข่งอย่างพรรคเพื่อไทย
ทว่าสถานการณ์การเมืองตอนนี้ อยู่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน กำลังเล่นศึกชิงเมืองอยู่กับศัตรู การที่ค่ายสีฟ้าจะมาเปลี่ยนม้ากลางศึก เพื่อเพิ่มปัญหาให้ตัวเองจนเกิดแรงกระเพื่อมในพรรคอย่างครั้งที่แล้วไม่น่าจะสมเหตุสมผล จึงเป็นไปได้สูงที่จะส่ง “ชายหมู”ลงไปกรำศึกหนสองอีกคำรบ
ตามปฏิริยาที่ “ชายหมู”ออกมาอ้อนแม่ยก หลังทราบผล กกต. จับสัญญาณได้อย่างไรก็อยากลงอีก และต้นสังกัดก็คงไม่กล้าขัดอีกตามเคย
ฟากพรรคเพื่อไทย วันนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรชัดเจน เรื่องการเปลี่ยนตัวจาก “จูดี้”พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. และเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ไปเป็นคนอื่น หากต้องลงซ่อมศึกชิงพ่อเมืองกรุง
** แต่ก็มีแววเป็นไปได้ ที่จะเข็นของเดิมลงไปแก้ตัวอีกสักครั้ง เพราะมองตัวเลือกในพรรคไม่มีใครมีศักยภาพเพียงพอจะไปสู้กับม้าแข่งจากพรรคประชาธิปัตย์ แบบสูสีได้เท่า “จูดี้” อีกแล้ว เนื่องจากครั้งที่แล้วแพ้กันไม่เท่าไหร่
ส่วน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รักษาการ รมว.คมนาคม ที่มีการพูดถึงกันมากตั้งแต่ครั้งที่แล้ว ถึงความเป็นรัฐมนตรีน้ำดี ยิ่งในระยะนี้มาฟีเวอร์กันอยู่ในโลกโซเชียลมีเดีย ด้วยความเป็นรัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ครองใจวัยโจ๋กับภาพลักษณ์ติดดิน กินเดิน เที่ยว แบบสมถะ ก็มีการเก็งเหมือนกันว่า เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งอาจดึงคะแนนจากคนรุ่นใหม่ได้ไม่น้อย
แต่ถ้าเอาลงแล้วจะถึงฝั่งฝันหรือไม่ ยังมีการคลางแคลงใจข้อนี้กันอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะข้อกังขาว่า สุดท้ายอาจเป็นแค่รัฐมนตรีที่ชอบสร้างภาพ เน้นหนักไปทางการตลาดเสียส่วนใหญ่ วันๆ เอาแต่โพสต์เฟซบุ๊ก โชว์กล้าม ไปตรวจงานนั้นงานนี้ แต่เอาเข้าจริงจะมีน้ำยามากน้อยแค่ไหน
เพราะว่ากันด้วยผลงานที่เป็นรูปธรรมระดับบิ๊กโปรเจ็กต์ที่เห็นว่าแก้ไขปัญหากันได้จะๆ ยังไม่มีสักอัน ทั้งปัญหารถไฟเสื่อมโทรม ปัญหารถติดปัญหาบริการรถเมล์ห่วยแตก ย่ำอยู่กับที่เหมือนเดิม ไม่มีอะไรขยับเขยื้อน นอกจากมีภาพรัฐมนตรีไปโผล่ในพื้นที่ให้คนติดตาม
ที่สำคัญจะมาเอากระแสในโซเชียลมีเดียมาเป็นตัวชี้วัดคะแนนความนิยมกับชีวิตจริงมันคนละเรื่อง เห็นกันมาแล้วโจ่งแจ้งว่า กรณี “จูดี้”ก็อีหรอบนี้ ดังแต่ท่อ ล้อไม่หมุน ถึงวันกาคะแนนที่คนต้องเลือก มันออกกันมาคนละม้วนกับตอนหาเสียงเลย
** ยิ่งนิสัยคนกทม. ชอบกับเลือกนั้นแตกต่างกัน ไม่ได้ใช้กระแสมาเป็นตรรกะในการตัดสินใจจับลงสุ่มสี่สุ่มห้า หน้าแตกกับมาหมอไม่รับเย็บ
ในส่วนของ “จูดี้”เอง หากโดนทาบให้ลงไปซ้ำแก้ตัว ก็คงต้องรีบเอา หากหวังจะรอบุญพาวาสนาส่งในเก้าอี้ ผบ.ตร. ต่อจาก พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ก็ริบหรี่เหมือนกัน ด้วยเพราะมีแคนดิเดตตัวฉกาจอย่าง “บิ๊กย้อย”พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. พร้อมท้าชิง
หนำซ้ำ ในช่วงสถานการณ์การเมืองไม่นิ่ง โอกาสเกิดการเปลี่ยนแปลงในประเทศไทย จนพลิกขั้วมีสูงหากจะหวังเป็นสามล้อถูกหวยในเก้าอี้ ผบ.ตร. อาจจะต้องตอกฝาโลงไปเลย เพราะภาพเชลียร์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สิ่งเทียมนายกฯ มันโจ๋งครึ่ม จนคนเกลียด
แต่ต่อจะให้เป็น “จูดี้”ที่แพ้ไม่ขาดคราวที่แล้วมาลงแก้ตัวใหม่ โอกาสจะสู้ได้แบบสูสีเหมือนเดิมไม่มีอีกแล้ว ยิ่งอารมณ์คนกรุงช่วงนี้เทไปที่ม็อบกปปส. ตามสภาวะแขยงรัฐบาลทรราชแบบเข้าไส้ ดีไม่ดีอาจแพ้แบบขาดกระจุย ไม่เห็นฝุ่น
** ถึงคราวนั้นรัฐบาลทรราช จะปิดเทอมยาว ต้องเก็บกระเป๋าออกจากกทม. เพราะคนกรุงไม่ต้อนรับ จะทำงานยังไง !!!
หลายฝ่ายตีความเป็นเพราะ 5 เสือกกต. ต้องการกลบกระแสเอียงกระเท่เร่ไปฟากฝั่งม็อบ กปปส.ของ “กำนันเทือก”สุเทพ เทือกสุบรรณ และพรรคประชาธิปัตย์ ที่คนเสื้อแดง และพรรคเพื่อไทย โจมตีอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา
เลยหันมาสอยฝั่งเดียวกันแบบถนอมใจ เพื่อรักษาไว้ซึ่งภาพลักษณ์เรื่องน้ำหนักของตาชั่ง
เพราะถ้าถึงคราวรัฐบาลทรราชโดนบ้าง กกต. จะอ้างได้ว่า ตัดสินเท่าเทียม ฟันได้หมด ไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น ว่ากันไปนั่น !!!
**บางคนในรัฐบาลถึงกับผวา รีบตีความว่า เป็นเพราะ กกต.ต้องการขุดบ่อล่อปลา เพื่อรอเชือดสมันตัวใหญ่อย่างรัฐบาล
จะเทน้ำหนักประเด็นนี้อย่างเดียวแบบลืมปมอื่นที่สำคัญเลยเสียมิได้ โดยเฉพาะมติ 3 ต่อ 2 ของ 5 เสือกกต. ที่น่าล้วงแคะแกะเกา จนทำให้รูปการณ์อาจพลิกผันได้ในช่วงปลาย ตามกระแสข่าววงในว่า 2 เสือกกต. ที่โหวตให้ “ชายหมู” มีมลทินในครั้งนี้ เป็นสองอดีตตุลาการ ย่อมอาจส่งผลต่อรูปคดีในชั้นศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้ไม่น้อย
สาเหตุเพราะตุลาการมักจะมีหลักการพิจารณา และไต่สวนคดีในลักษณะที่เหมือนกัน การที่อดีตตุลาการเคาะโต๊ะเห็นด้วยที่จะแจกใบเหลืองถึงสองคน นั่นย่อมแสดงถึงความมั่นใจว่า “ชายหมู”กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งจริงๆ จึงเป็นไปได้ไม่น้อยที่ผู้พิพากษาจะเห็นไปในแนวเดียวกัน
“ชายหมู” จึงได้เสียวในชั้นศาลแน่ อาจได้หาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกันใหม่อีกสักรอบ
เหลือบมาดูม้าแข่งของแต่ละพรรค หากต้องเปิดฉากซัดกันในศึกชิงเมืองอีกครั้ง โดยเฉพาะตัวเก็งสองพรรคใหญ่ อย่างประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย น่าจะไม่มีอะไรหวือหวา
แม้ตามกระแสก่อนหน้าที่จะเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหนที่แล้ว พรรคประชาธิปัตย์ ค่อนข้างจะระส่ำระส่ายไม่น้อย กว่าจะเลือกม้าศึกได้เพราะมีหลายก๊กประเคนชื่อแคนดิเดตไปมากกว่าหนึ่ง เพราะไม่เห็นด้วยกับการส่ง “ชายหมู”ซึ่งเป็นของขึ้นรา ค้างตู้เย็นไปอุ่นใหม่
แต่ฝั่ง“ชายหมู”เองก็ขึงขัง ดื้อแพ่งจะลง แม้พรรคจะไม่ส่งก็ตาม ก่อนที่ค่ายสีฟ้าจะกลั้นใจเข็นลงไปอีกรอบ เพราะหวั่นจะต้องไปตัดคะแนนกันเองจนเสียท่าพลาดให้กับคู่แข่งอย่างพรรคเพื่อไทย
ทว่าสถานการณ์การเมืองตอนนี้ อยู่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน กำลังเล่นศึกชิงเมืองอยู่กับศัตรู การที่ค่ายสีฟ้าจะมาเปลี่ยนม้ากลางศึก เพื่อเพิ่มปัญหาให้ตัวเองจนเกิดแรงกระเพื่อมในพรรคอย่างครั้งที่แล้วไม่น่าจะสมเหตุสมผล จึงเป็นไปได้สูงที่จะส่ง “ชายหมู”ลงไปกรำศึกหนสองอีกคำรบ
ตามปฏิริยาที่ “ชายหมู”ออกมาอ้อนแม่ยก หลังทราบผล กกต. จับสัญญาณได้อย่างไรก็อยากลงอีก และต้นสังกัดก็คงไม่กล้าขัดอีกตามเคย
ฟากพรรคเพื่อไทย วันนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรชัดเจน เรื่องการเปลี่ยนตัวจาก “จูดี้”พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. และเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ไปเป็นคนอื่น หากต้องลงซ่อมศึกชิงพ่อเมืองกรุง
** แต่ก็มีแววเป็นไปได้ ที่จะเข็นของเดิมลงไปแก้ตัวอีกสักครั้ง เพราะมองตัวเลือกในพรรคไม่มีใครมีศักยภาพเพียงพอจะไปสู้กับม้าแข่งจากพรรคประชาธิปัตย์ แบบสูสีได้เท่า “จูดี้” อีกแล้ว เนื่องจากครั้งที่แล้วแพ้กันไม่เท่าไหร่
ส่วน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รักษาการ รมว.คมนาคม ที่มีการพูดถึงกันมากตั้งแต่ครั้งที่แล้ว ถึงความเป็นรัฐมนตรีน้ำดี ยิ่งในระยะนี้มาฟีเวอร์กันอยู่ในโลกโซเชียลมีเดีย ด้วยความเป็นรัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ครองใจวัยโจ๋กับภาพลักษณ์ติดดิน กินเดิน เที่ยว แบบสมถะ ก็มีการเก็งเหมือนกันว่า เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งอาจดึงคะแนนจากคนรุ่นใหม่ได้ไม่น้อย
แต่ถ้าเอาลงแล้วจะถึงฝั่งฝันหรือไม่ ยังมีการคลางแคลงใจข้อนี้กันอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะข้อกังขาว่า สุดท้ายอาจเป็นแค่รัฐมนตรีที่ชอบสร้างภาพ เน้นหนักไปทางการตลาดเสียส่วนใหญ่ วันๆ เอาแต่โพสต์เฟซบุ๊ก โชว์กล้าม ไปตรวจงานนั้นงานนี้ แต่เอาเข้าจริงจะมีน้ำยามากน้อยแค่ไหน
เพราะว่ากันด้วยผลงานที่เป็นรูปธรรมระดับบิ๊กโปรเจ็กต์ที่เห็นว่าแก้ไขปัญหากันได้จะๆ ยังไม่มีสักอัน ทั้งปัญหารถไฟเสื่อมโทรม ปัญหารถติดปัญหาบริการรถเมล์ห่วยแตก ย่ำอยู่กับที่เหมือนเดิม ไม่มีอะไรขยับเขยื้อน นอกจากมีภาพรัฐมนตรีไปโผล่ในพื้นที่ให้คนติดตาม
ที่สำคัญจะมาเอากระแสในโซเชียลมีเดียมาเป็นตัวชี้วัดคะแนนความนิยมกับชีวิตจริงมันคนละเรื่อง เห็นกันมาแล้วโจ่งแจ้งว่า กรณี “จูดี้”ก็อีหรอบนี้ ดังแต่ท่อ ล้อไม่หมุน ถึงวันกาคะแนนที่คนต้องเลือก มันออกกันมาคนละม้วนกับตอนหาเสียงเลย
** ยิ่งนิสัยคนกทม. ชอบกับเลือกนั้นแตกต่างกัน ไม่ได้ใช้กระแสมาเป็นตรรกะในการตัดสินใจจับลงสุ่มสี่สุ่มห้า หน้าแตกกับมาหมอไม่รับเย็บ
ในส่วนของ “จูดี้”เอง หากโดนทาบให้ลงไปซ้ำแก้ตัว ก็คงต้องรีบเอา หากหวังจะรอบุญพาวาสนาส่งในเก้าอี้ ผบ.ตร. ต่อจาก พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ก็ริบหรี่เหมือนกัน ด้วยเพราะมีแคนดิเดตตัวฉกาจอย่าง “บิ๊กย้อย”พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. พร้อมท้าชิง
หนำซ้ำ ในช่วงสถานการณ์การเมืองไม่นิ่ง โอกาสเกิดการเปลี่ยนแปลงในประเทศไทย จนพลิกขั้วมีสูงหากจะหวังเป็นสามล้อถูกหวยในเก้าอี้ ผบ.ตร. อาจจะต้องตอกฝาโลงไปเลย เพราะภาพเชลียร์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สิ่งเทียมนายกฯ มันโจ๋งครึ่ม จนคนเกลียด
แต่ต่อจะให้เป็น “จูดี้”ที่แพ้ไม่ขาดคราวที่แล้วมาลงแก้ตัวใหม่ โอกาสจะสู้ได้แบบสูสีเหมือนเดิมไม่มีอีกแล้ว ยิ่งอารมณ์คนกรุงช่วงนี้เทไปที่ม็อบกปปส. ตามสภาวะแขยงรัฐบาลทรราชแบบเข้าไส้ ดีไม่ดีอาจแพ้แบบขาดกระจุย ไม่เห็นฝุ่น
** ถึงคราวนั้นรัฐบาลทรราช จะปิดเทอมยาว ต้องเก็บกระเป๋าออกจากกทม. เพราะคนกรุงไม่ต้อนรับ จะทำงานยังไง !!!