ASTVผู้จัดการรายวัน- เอกชนประเมินภาพการเมืองไทยกว่าจะชัดเจนอาจใช้เวลายาว 2-3ปีงบประมาณกระตุ้นศก.ชะลอตามไปด้วย เตือนลงทุนการบริโภคในประเทศดิ่งหากการเมืองไม่ชัดลงทุนจ่อย้ายฐานหนี ขณะที่SMEsทยอยเจ๊ง มองจีดีพีปีนี้โต2-3% แนะเร่งส่งออกช่วยขับเคลื่อน “บีโอไอ”มั่นใจไม่ย้ายฐาน
นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ความขัดแย้งทางการเมืองปัจจุบันที่ยังไม่รู้ว่าจะจบอย่างไรนั้นเอกชนประเมินว่ากรณีเดินหน้าเลือกตั้งคงจะจบช่วงมิ.ย.นี้และกว่าจะได้รัฐบาลใหม่เปิดสภาได้ก็จะจบปีงบประมาณ 2557 ซึ่งรัฐบาลใหม่จะต้องเดินหน้าปฏิรูปประเทศเมื่อครบปีก็จะต้องยุบสภาฯแล้วเลือกตั้งใหม่กว่าจะมีรัฐบาลอีกก็คงใช้เวลาและงบประมาณที่จะถูกนำมาใช้ได้จริงก็จะล่าช้าออกไปต่อเนื่อง ดังนั้นทิศทางเศรษฐกิจไทยในส่วนของการบริโภคและการลงทุนภายในจะชะลอตัวลงตามใน 2-3 ปีและจะต้องยึดการส่งออกที่เพิ่มขึ้นเพื่อขับเคลื่อน
ทั้งนี้สิ่งที่กังวลก็คือ หากภาพการเมืองเป็นเช่นนี้จะส่งผลกระทบต่อการลงทุนในประเทศระยะยาวเนื่องจากนักลงทุนย่อมต้องตัดสินใจชะลอการขยายการลงทุนในประเทศและหากแผนลงทุนที่วางไว้ไม่สามารถจะรอได้ในช่วง 2-3 ปีจากนี้ก็มีโอกาสสูงที่จะย้ายฐานการลงทุนบางส่วนไปยังประเทศอื่นแทนโดยเฉพาะอินโดนีเซียและเวียดนามที่ขณะนี้มาแรงซึ่งจะทำให้ไทยเสียโอกาส
นอกจากนี้ความเชื่อมั่นของคนไทยที่ลดต่ำจากปัญหาการเมืองทำให้การบริโภคยังคงชะลอตัวต่อเนื่องคาดว่าปีนี้แรงซื้อจะลดลงจากปีที่แล้วกรณีเลวร้ายสุด 6% จากปกติที่แย่สุดควรจะอยู่ระดับ 2% ด้วยซ้ำซึ่งนั่นหมายถึงผู้ผลิตสินค้าที่อาศัยตลาดเฉพาะในประเทศจะลำบากโดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและย่อม(SMEs ) ซึ่งขณะนี้เริ่มทยอยปิดกิจการไปก็ไม่น้อยแล้วและจะเพิ่มขึ้น เช่น ร้านอาหาร ร้านค้ารายเล็กๆ เป็นต้น
“หากภาพการเมืองเป็นเช่นนี้อัตราการเติบโตผลิตภัณฑ์มวลรวมหรือจีดีพีปีนี้คงโตได้เพียง 2-3% เพราะการเมืองส่งผลกระทบโดยตรงกับการบริโภคและการลงทุนในประเทศชะลอตัวแน่ ขณะที่การส่งออกเองภาพขณะนี้เศรษฐกิจโลกเองฟื้นตัวจริงแต่ยังไม่ชัดมากเพราะจีนเองก็เริ่มมีปัญหาจึงต้องติดตามส่วนนี้ใกล้ชิดและจะมีผลต่อจีดีพีไทยมากดังนั้นเมื่อตลาดภายในเราไม่ดีทุกคนจะต้องมุ่งส่งออกเพิ่มซึ่งการเมืองเองก็กระทบเชื่อมั่นทุกคนจึงต้องพยายามทำความเข้าใจและประสานกับผู้ซื้อใกล้ชิด”นายวัลลภกล่าว
นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า แม้ว่าสถิติการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2557 (มกราคม - กุมภาพันธ์ 2557) มีโครงการยื่นขอรับส่งเสริม 188 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 63,100 ล้านบาท โดยจำนวนโครงการลดลง 46% มูลค่าเงินลงทุนลดลง 58 % ขณะที่การยื่นขอรับส่งเสริมฯลงทุนตรงจากต่างประเทศหรือ FDI จำนวน 121 โครงการ ลดลง 40% แต่บีโอไอก็ยังเชื่อมั่นว่านักลงทุนขณะนี้ยังไม่คิดย้ายฐานหนีเพียงชะลอการยื่นขอลงทุนออกไปก่อนเพื่อรอภาพการเมือที่ชัดเจนเท่านั้นและคิดว่าปัญหาการเมืองน่าจะจบได้ไม่นาน
นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ความขัดแย้งทางการเมืองปัจจุบันที่ยังไม่รู้ว่าจะจบอย่างไรนั้นเอกชนประเมินว่ากรณีเดินหน้าเลือกตั้งคงจะจบช่วงมิ.ย.นี้และกว่าจะได้รัฐบาลใหม่เปิดสภาได้ก็จะจบปีงบประมาณ 2557 ซึ่งรัฐบาลใหม่จะต้องเดินหน้าปฏิรูปประเทศเมื่อครบปีก็จะต้องยุบสภาฯแล้วเลือกตั้งใหม่กว่าจะมีรัฐบาลอีกก็คงใช้เวลาและงบประมาณที่จะถูกนำมาใช้ได้จริงก็จะล่าช้าออกไปต่อเนื่อง ดังนั้นทิศทางเศรษฐกิจไทยในส่วนของการบริโภคและการลงทุนภายในจะชะลอตัวลงตามใน 2-3 ปีและจะต้องยึดการส่งออกที่เพิ่มขึ้นเพื่อขับเคลื่อน
ทั้งนี้สิ่งที่กังวลก็คือ หากภาพการเมืองเป็นเช่นนี้จะส่งผลกระทบต่อการลงทุนในประเทศระยะยาวเนื่องจากนักลงทุนย่อมต้องตัดสินใจชะลอการขยายการลงทุนในประเทศและหากแผนลงทุนที่วางไว้ไม่สามารถจะรอได้ในช่วง 2-3 ปีจากนี้ก็มีโอกาสสูงที่จะย้ายฐานการลงทุนบางส่วนไปยังประเทศอื่นแทนโดยเฉพาะอินโดนีเซียและเวียดนามที่ขณะนี้มาแรงซึ่งจะทำให้ไทยเสียโอกาส
นอกจากนี้ความเชื่อมั่นของคนไทยที่ลดต่ำจากปัญหาการเมืองทำให้การบริโภคยังคงชะลอตัวต่อเนื่องคาดว่าปีนี้แรงซื้อจะลดลงจากปีที่แล้วกรณีเลวร้ายสุด 6% จากปกติที่แย่สุดควรจะอยู่ระดับ 2% ด้วยซ้ำซึ่งนั่นหมายถึงผู้ผลิตสินค้าที่อาศัยตลาดเฉพาะในประเทศจะลำบากโดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและย่อม(SMEs ) ซึ่งขณะนี้เริ่มทยอยปิดกิจการไปก็ไม่น้อยแล้วและจะเพิ่มขึ้น เช่น ร้านอาหาร ร้านค้ารายเล็กๆ เป็นต้น
“หากภาพการเมืองเป็นเช่นนี้อัตราการเติบโตผลิตภัณฑ์มวลรวมหรือจีดีพีปีนี้คงโตได้เพียง 2-3% เพราะการเมืองส่งผลกระทบโดยตรงกับการบริโภคและการลงทุนในประเทศชะลอตัวแน่ ขณะที่การส่งออกเองภาพขณะนี้เศรษฐกิจโลกเองฟื้นตัวจริงแต่ยังไม่ชัดมากเพราะจีนเองก็เริ่มมีปัญหาจึงต้องติดตามส่วนนี้ใกล้ชิดและจะมีผลต่อจีดีพีไทยมากดังนั้นเมื่อตลาดภายในเราไม่ดีทุกคนจะต้องมุ่งส่งออกเพิ่มซึ่งการเมืองเองก็กระทบเชื่อมั่นทุกคนจึงต้องพยายามทำความเข้าใจและประสานกับผู้ซื้อใกล้ชิด”นายวัลลภกล่าว
นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า แม้ว่าสถิติการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2557 (มกราคม - กุมภาพันธ์ 2557) มีโครงการยื่นขอรับส่งเสริม 188 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 63,100 ล้านบาท โดยจำนวนโครงการลดลง 46% มูลค่าเงินลงทุนลดลง 58 % ขณะที่การยื่นขอรับส่งเสริมฯลงทุนตรงจากต่างประเทศหรือ FDI จำนวน 121 โครงการ ลดลง 40% แต่บีโอไอก็ยังเชื่อมั่นว่านักลงทุนขณะนี้ยังไม่คิดย้ายฐานหนีเพียงชะลอการยื่นขอลงทุนออกไปก่อนเพื่อรอภาพการเมือที่ชัดเจนเท่านั้นและคิดว่าปัญหาการเมืองน่าจะจบได้ไม่นาน