นับตั้งแต่การชุมนุมรอบแรกโดยกองทัพประชาชนข้างทำเนียบรัฐบาลวันที่ 8 ตุลาคม 2556 การก่อตัวของกลุ่มอุรุพงษ์ กลุ่ม กปปส.จนถึงบัดนี้ ยาวนานจนย่างเข้าเดือนที่ 6 ของการต่อสู้ช่วงชิงอำนาจการเมือง ยังไม่มีเค้าว่าจะจบ
ผ่านเหตุการณ์สารพัด จากมวลมหาประชาชนหลายล้านคน การปะทะกันด้วยกำลังข้างทำเนียบฯ สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น สะพานผ่านฟ้าฯ สี่แยกหลักสี่ การซุ่มโจมตีด้วยอาวุธหลายจุด มีประชาชนล้มตาย 20 ราย บาดเจ็บกว่า 700
แปรสภาพนางโพยผู้นำรัฐไทย จากสภาพสตรีรักสวยรักงามเอ๋อ เซ่อซ่า โชว์โง่ระดับอินเตอร์ให้โลกระบือ กลายเป็นนางบาป ฉายแววอำมหิตเลือดเย็น ครบทุกมิติ เป็นตัวโกง สร้างทุกข์เข็ญสาหัสให้ชาวนาฆ่าตัวตายกว่า 10 ราย
เศรษฐกิจบ้านเมืองใกล้ล่มจม โครงสร้างเกษตรกรรมข้าว การค้า การส่งออกวิบัติ มีข้าวเน่าคาในโกดัง ไม่มีหนทางส่งออกโดยไม่ขาดทุนย่อยยับ เป็นข่าวฉาวไปทั่วโลก ระบายข้าวสู่ตลาดก็ตัดราคาคู่แข่งเสี่ยงต่อการถูกฟ้อง นางบาปยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ต่อปัญหาของบ้านเมืองที่ขบวนการอาชญากรรมหน้าฉากเป็นพรรคการเมืองเพื่อบักเหลี่ยม ขี้ข้าต่างๆ ทั้งในวงการเมือง ข้าราชการได้กระทำ เสี่ยงต่อวิกฤตจนล่มสลายเป็นรัฐล้มเหลวสมบูรณ์
คนไทยทั้งแผ่นดินรู้ซึ้งว่าการเอาชนะคนหน้าด้านนั้นยากจริงๆ สมกับคำล้อเลียนกันว่า “หน้าด้านเท่านั้นที่จะครองโลก” และนางบาปได้แสดงให้เห็นศักยภาพไร้ขีดจำกัด มีทั้งความอึด ด้าน ทน ไร้จิตสำนึก ไม่ยึดกฎกติกาทั้งสิ้น
คนไทยตั้งคำถามว่าตระกูลชั่วตัวปัญหานี้ไปหลุดมาจากนรกขุมไหน?!
จากโกงทั้งโคตร อำมหิตเลือดเย็นทั้งโคตร สู่หน้าด้านทั้งโคตร มองไปทั่วทั้งโลก คงไม่มีโคตรเหง้าตระกูลใดมาเทียบได้ และคนไทยต้องถามอีกว่า เมื่อเห็นชัดอย่างนี้แล้วว่าเลวชั่วช้าสามานย์ครบวงจรแบบนี้ แล้วยังอยู่ได้อย่างไร
มีคนบนแผ่นดินนี้ ทั้งคนธรรมดา พ่อค้า ข้าราชการ คนมีสติปัญญา ยศศักดิ์ ทำไมยอมตกอยู่ในสภาพน่าอนาถเช่นนี้ ทั้งยังมีคนเสื้อแดงคลั่งลัทธิบูชาคนโง่ ยกส้นตีนไว้เหนือหัว แสดงความผยองอหังการ ไล่ทุบตีเข่นฆ่าผู้อื่นได้
นางบาปยังไม่หวั่นต่อการกระทำผิดกฎหมายโดยส่วนตัว โดยพรรคพวก ญาติพี่น้อง หรือยังมั่นใจว่าต่อให้มีคดีความ โทษอาญาอย่างไรก็ไม่ยอมรับ
คนหลายล้านคนออกมาเดินขบวนขับไล่ ปักหลักพักค้าง เสี่ยงต่อการลอบฆ่า ชุมนุมหลายเวทีกลางเมืองยาวนานครึ่งปี นางบาปยังไม่รู้สึกย่อท้อ เป็นการประลองความอดทนระหว่างคนดีกับคนชั่ว บนแผ่นดินที่เคยสงบสุข
มาถึงจุดนี้ จำนวนมวลชนชุมนุมเริ่มลดน้อยลง ทางออกของประเทศยังติดกับอยู่กับความหน้าด้านไร้จิตสำนึก และไม่มีบทบัญญัติในประเทศไทยบังคับไว้เรื่องความหน้าด้าน เป็นความท้าทายต่อการเมืองยุคดิจิตอลยิ่งนัก
ประเทศไหนก็ตาม เชิดชูระบอบประชาธิปไตยแบบเลือกตั้ง แล้วมีผู้นำรัฐบาลนางบาปหน้าด้าน จะหาทางออกอย่างไร นี่เป็นคำถามต่อนักทฤษฎีรัฐศาสตร์ นักปกครอง แม้แต่แมคเคียเวลลี หวงเฟยจื่อ ก็ยังต้องงงแน่นอน
รัฐบุรุษจอมเผด็จการทรราชทั้งวายชนม์ และยังอยู่ คงยกนิ้วให้! ซูฮกทั้งกายและใจว่า “นางแน่มาก” ใช้เป็นต้นแบบการปกครองโดยใช้ความโง่ผสมกับความหน้าด้านนำร่อง แต่น่าจะใช้ได้เฉพาะสตรีมีมารยา นารีสัมผัสเท่านั้น
แต่คงใช้ลีลานี้เฉพาะคนไทยเท่านั้น ซึ่งมีความอดทนสูง ถ้าเป็นแผ่นดินอื่นแล้วเจอนางบาป คงไม่ปล่อยให้ลอยนวล แด๊ะ แด๊ะ แด๊ะ กว่า 2 ปีเช่นนี้
เมื่อการชุมนุมยืดเยื้อโดยมีความหวังว่าองค์กรอิสระ กระบวนการยุติธรรมจะกำหนดจุดจบให้นางบาป แต่ยังไม่มีอะไรรับประกันว่าพิธีกรรมเช่นนั้นจะทำให้เกิดสภาวะสะเด็ดน้ำ ไม่ยืดเยื้อ เปิดช่องทางให้มีตัวแทนอีก
ซ้ำร้าย ถ้านางบาปยังโชว์ลีลาแด๊ะ แด๊ะ บีบน้ำตาให้คลอเบ้า คร่ำครวญหน้าจอทีวีว่า “ดิฉันถูกรังแกโดยไม่เป็นธรรม” ก็น่าจะนำไปสู่การก่อกวนโดยคนเสื้อแดงในลัทธิบูชาคนโง่ และส้นตีนแดง อาละวาดเผาบ้านเผาเมืองอีกรอบ
นอกจากความหน้าด้านทำให้บ้านเมืองเสียหาย การเมืองสามานย์ มีอันธพาลสถุลถ่อยกวนเมืองซ้ำเติม ไม่ยอมรับกฎหมาย ย่อมซ้ำเติมวิกฤตแน่
บ้านเมืองของเรามีปัญหาน่าสมเพช มีรัฐธรรมนูญเนื้อหา บทบังคับยาวที่สุดในโลก ร่างโดยผู้รู้ผ่านสถาบันการศึกษาหลายสำนัก แต่กลับต้องมานั่งตีความเกือบทุกบท ไร้ข้อบังคับเฉพาะ เมื่อเผชิญทางตันปัญหาคนหน้าด้าน
ความหวังว่าจะปิดเกมให้นางบาปพ้นจากตำแหน่งจึงไม่ง่าย แต่ละก้าวย่างมีจังหวะปนเล่ห์ เอาเพียงแค่การคืนตำแหน่งเลขาธิการ สมช. ให้นายถวิล เปลี่ยนศรี โดยคำสั่งศาลปกครองสูงสุดก็ยังยึกยัก ส่อแววเล่นเล่ห์ให้ยืดเยื้อ
บอกแล้วว่าถ้านางบาปและพวกไม่ยอมรับคำวินิจฉัยขององค์กรอิสระ ศาล ก็เหลือหนทางสุดท้ายคือ “วิธีพิเศษ” เท่านั้น ที่จะจัดการความหน้าด้านผิดมนุษย์ จากนั้นต้องพร้อมรับสภาพ “อะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด” จนสุดซอย
ประชาธิปไตยแบบหน้าด้าน โง่แกมโกง ไร้จิตสำนึก ไม่เหมาะสำหรับสังคมการเมืองไทย ต้องใช้ “วิธีพิเศษ” แบบไทยๆ ปรับได้ตามสภาพเท่านั้น
ผ่านเหตุการณ์สารพัด จากมวลมหาประชาชนหลายล้านคน การปะทะกันด้วยกำลังข้างทำเนียบฯ สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น สะพานผ่านฟ้าฯ สี่แยกหลักสี่ การซุ่มโจมตีด้วยอาวุธหลายจุด มีประชาชนล้มตาย 20 ราย บาดเจ็บกว่า 700
แปรสภาพนางโพยผู้นำรัฐไทย จากสภาพสตรีรักสวยรักงามเอ๋อ เซ่อซ่า โชว์โง่ระดับอินเตอร์ให้โลกระบือ กลายเป็นนางบาป ฉายแววอำมหิตเลือดเย็น ครบทุกมิติ เป็นตัวโกง สร้างทุกข์เข็ญสาหัสให้ชาวนาฆ่าตัวตายกว่า 10 ราย
เศรษฐกิจบ้านเมืองใกล้ล่มจม โครงสร้างเกษตรกรรมข้าว การค้า การส่งออกวิบัติ มีข้าวเน่าคาในโกดัง ไม่มีหนทางส่งออกโดยไม่ขาดทุนย่อยยับ เป็นข่าวฉาวไปทั่วโลก ระบายข้าวสู่ตลาดก็ตัดราคาคู่แข่งเสี่ยงต่อการถูกฟ้อง นางบาปยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ต่อปัญหาของบ้านเมืองที่ขบวนการอาชญากรรมหน้าฉากเป็นพรรคการเมืองเพื่อบักเหลี่ยม ขี้ข้าต่างๆ ทั้งในวงการเมือง ข้าราชการได้กระทำ เสี่ยงต่อวิกฤตจนล่มสลายเป็นรัฐล้มเหลวสมบูรณ์
คนไทยทั้งแผ่นดินรู้ซึ้งว่าการเอาชนะคนหน้าด้านนั้นยากจริงๆ สมกับคำล้อเลียนกันว่า “หน้าด้านเท่านั้นที่จะครองโลก” และนางบาปได้แสดงให้เห็นศักยภาพไร้ขีดจำกัด มีทั้งความอึด ด้าน ทน ไร้จิตสำนึก ไม่ยึดกฎกติกาทั้งสิ้น
คนไทยตั้งคำถามว่าตระกูลชั่วตัวปัญหานี้ไปหลุดมาจากนรกขุมไหน?!
จากโกงทั้งโคตร อำมหิตเลือดเย็นทั้งโคตร สู่หน้าด้านทั้งโคตร มองไปทั่วทั้งโลก คงไม่มีโคตรเหง้าตระกูลใดมาเทียบได้ และคนไทยต้องถามอีกว่า เมื่อเห็นชัดอย่างนี้แล้วว่าเลวชั่วช้าสามานย์ครบวงจรแบบนี้ แล้วยังอยู่ได้อย่างไร
มีคนบนแผ่นดินนี้ ทั้งคนธรรมดา พ่อค้า ข้าราชการ คนมีสติปัญญา ยศศักดิ์ ทำไมยอมตกอยู่ในสภาพน่าอนาถเช่นนี้ ทั้งยังมีคนเสื้อแดงคลั่งลัทธิบูชาคนโง่ ยกส้นตีนไว้เหนือหัว แสดงความผยองอหังการ ไล่ทุบตีเข่นฆ่าผู้อื่นได้
นางบาปยังไม่หวั่นต่อการกระทำผิดกฎหมายโดยส่วนตัว โดยพรรคพวก ญาติพี่น้อง หรือยังมั่นใจว่าต่อให้มีคดีความ โทษอาญาอย่างไรก็ไม่ยอมรับ
คนหลายล้านคนออกมาเดินขบวนขับไล่ ปักหลักพักค้าง เสี่ยงต่อการลอบฆ่า ชุมนุมหลายเวทีกลางเมืองยาวนานครึ่งปี นางบาปยังไม่รู้สึกย่อท้อ เป็นการประลองความอดทนระหว่างคนดีกับคนชั่ว บนแผ่นดินที่เคยสงบสุข
มาถึงจุดนี้ จำนวนมวลชนชุมนุมเริ่มลดน้อยลง ทางออกของประเทศยังติดกับอยู่กับความหน้าด้านไร้จิตสำนึก และไม่มีบทบัญญัติในประเทศไทยบังคับไว้เรื่องความหน้าด้าน เป็นความท้าทายต่อการเมืองยุคดิจิตอลยิ่งนัก
ประเทศไหนก็ตาม เชิดชูระบอบประชาธิปไตยแบบเลือกตั้ง แล้วมีผู้นำรัฐบาลนางบาปหน้าด้าน จะหาทางออกอย่างไร นี่เป็นคำถามต่อนักทฤษฎีรัฐศาสตร์ นักปกครอง แม้แต่แมคเคียเวลลี หวงเฟยจื่อ ก็ยังต้องงงแน่นอน
รัฐบุรุษจอมเผด็จการทรราชทั้งวายชนม์ และยังอยู่ คงยกนิ้วให้! ซูฮกทั้งกายและใจว่า “นางแน่มาก” ใช้เป็นต้นแบบการปกครองโดยใช้ความโง่ผสมกับความหน้าด้านนำร่อง แต่น่าจะใช้ได้เฉพาะสตรีมีมารยา นารีสัมผัสเท่านั้น
แต่คงใช้ลีลานี้เฉพาะคนไทยเท่านั้น ซึ่งมีความอดทนสูง ถ้าเป็นแผ่นดินอื่นแล้วเจอนางบาป คงไม่ปล่อยให้ลอยนวล แด๊ะ แด๊ะ แด๊ะ กว่า 2 ปีเช่นนี้
เมื่อการชุมนุมยืดเยื้อโดยมีความหวังว่าองค์กรอิสระ กระบวนการยุติธรรมจะกำหนดจุดจบให้นางบาป แต่ยังไม่มีอะไรรับประกันว่าพิธีกรรมเช่นนั้นจะทำให้เกิดสภาวะสะเด็ดน้ำ ไม่ยืดเยื้อ เปิดช่องทางให้มีตัวแทนอีก
ซ้ำร้าย ถ้านางบาปยังโชว์ลีลาแด๊ะ แด๊ะ บีบน้ำตาให้คลอเบ้า คร่ำครวญหน้าจอทีวีว่า “ดิฉันถูกรังแกโดยไม่เป็นธรรม” ก็น่าจะนำไปสู่การก่อกวนโดยคนเสื้อแดงในลัทธิบูชาคนโง่ และส้นตีนแดง อาละวาดเผาบ้านเผาเมืองอีกรอบ
นอกจากความหน้าด้านทำให้บ้านเมืองเสียหาย การเมืองสามานย์ มีอันธพาลสถุลถ่อยกวนเมืองซ้ำเติม ไม่ยอมรับกฎหมาย ย่อมซ้ำเติมวิกฤตแน่
บ้านเมืองของเรามีปัญหาน่าสมเพช มีรัฐธรรมนูญเนื้อหา บทบังคับยาวที่สุดในโลก ร่างโดยผู้รู้ผ่านสถาบันการศึกษาหลายสำนัก แต่กลับต้องมานั่งตีความเกือบทุกบท ไร้ข้อบังคับเฉพาะ เมื่อเผชิญทางตันปัญหาคนหน้าด้าน
ความหวังว่าจะปิดเกมให้นางบาปพ้นจากตำแหน่งจึงไม่ง่าย แต่ละก้าวย่างมีจังหวะปนเล่ห์ เอาเพียงแค่การคืนตำแหน่งเลขาธิการ สมช. ให้นายถวิล เปลี่ยนศรี โดยคำสั่งศาลปกครองสูงสุดก็ยังยึกยัก ส่อแววเล่นเล่ห์ให้ยืดเยื้อ
บอกแล้วว่าถ้านางบาปและพวกไม่ยอมรับคำวินิจฉัยขององค์กรอิสระ ศาล ก็เหลือหนทางสุดท้ายคือ “วิธีพิเศษ” เท่านั้น ที่จะจัดการความหน้าด้านผิดมนุษย์ จากนั้นต้องพร้อมรับสภาพ “อะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด” จนสุดซอย
ประชาธิปไตยแบบหน้าด้าน โง่แกมโกง ไร้จิตสำนึก ไม่เหมาะสำหรับสังคมการเมืองไทย ต้องใช้ “วิธีพิเศษ” แบบไทยๆ ปรับได้ตามสภาพเท่านั้น
