จำประโยคทอง ออกจากปากผู้มีหน้าที่รักษาความสงบ อธิปไตยของชาติ ได้หรือไม่ ช่วงก่อนหน้านี้ฟังดูเหมือนดี มีราคา โอ่อ่า ทรงภูมิสูงส่งยิ่งนัก
“การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง”
“ถ้าประชาชนผู้ชุมนุมบาดเจ็บล้มตาย รัฐบาลต้องรับผิดชอบ”
จากวันนั้น ถึงวันนี้ ประชาชนคนดีล้มตายกว่า 10 ราย ล่าสุดมีเด็กเล็ก 3 คน เสียชีวิตเพราะเหยื่อการสังหารด้วยอาวุธสงครามและระเบิดมือ รายแรกเป็นผลจากการฆ่าในอำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด อยู่ใกล้ชายแดนกับกัมพูชา
เด็ก 2 รายล่าสุดเป็นพี่น้อง เสียชีวิตเพราะเป็นเหยื่อระเบิดหน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ หลังจากแพทย์ได้พยายามยื้อชีวิตไว้ แต่ก็เอาไม่อยู่ พ่อแม่ซึ่งมีลูกเพียง 2 คนเสียชีวิตทั้งคู่นั้น คงอยู่ในสภาวะหัวใจสลาย สิ้นหวังกำลังใจ
ถ้าอยู่ไปแบบไร้ความหวัง น่าคิดเหมือนกันว่า เมื่อไม่มีแก้วตาดวงใจ สายเลือดใช้ชีวิตร่วมกันต่อไปแล้ว จะอยู่อีกทำไม ขอแลกแบบตายเป็นตาย อย่างน้อยที่สุดถ้าสำเร็จก็ได้ล้างแค้นผู้สั่งการหรือคนรับผิดชอบต้องรับกรรม
ลูกชาย หญิงทั้งคู่ เคยวิ่งเล่น หัวเราะ ทะเลาะกันบ้างตามประสาพี่น้อง ต่อไปนี้ไม่มีให้เห็นหน้า บ้านที่เคยอบอุ่น ครอบครัวพร้อมพ่อ แม่ลูก จะเงียบเหงาไร้ชีวิตชีวา จะทำใจจนตลอดชีวิตหลังจากการพลัดพรากเช่นนั้นหรือ
ยอดผู้บาดเจ็บ พิการใกล้พันคน คำพูดประโยคทองกลายเป็นเพียงหุ้มตะกั่ว สภาพฉนวน ไม่รับรู้กระแสไฟ ถ้าเป็นคนก็เหมือนไร้หัวจิตหัวใจ แต่ก็นั่นแหละ จะเป็นเพราะเงื่อนไขพิเศษหรืออะไรก็สุดแล้วแต่ เมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากคำประกาศโอ่อ่า ก็ไม่ต่างจากผายลมจากก้นสุนัขยามบ่ายเท่านั้น
การใช้อาวุธสงครามปืนร้ายแรง ระเบิดสังหารเข่นฆ่าคนไม่เลือกหน้า ถือว่าเป็นการก่อการร้าย ตำรวจจับผู้ลงมือไม่ได้ ประชาชนสิ้นหวังในการทำหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ซึ่งยังมีบทบาทบางช่วงเป็นผู้พิทักษ์ทรราช
รับงาน “พิฆาตประชาชน” คนต่อต้านอำนาจรัฐกุมโดยกลุ่มโจร อาชญากรการเมือง สุมหัวโกงบ้านกินเมือง ทำลายโครงสร้างของบ้านเมืองในทุกภาคส่วน คนดีรวมตัวคัดค้าน ก็ใช้วิธีหน้าด้าน ทั้งอาวุธสงครามฆ่าคนกลางเมือง
“การเมืองไม่ได้แก้ด้วยการเมือง” แต่เป็นการใช้อาชญากรรม ฆาตกรรม นำการเมืองเพื่อยังคงอำนาจรัฐ และโอกาสล้างผลาญทรัพย์สินของแผ่นดิน เป็นการใช้อำนาจรัฐจากปากกระบอกปืน ระเบิด อาวุธอื่นๆ เพื่อกำจัดคู่แข่ง
กลุ่มข้าราชการ นักการเมือง ขี้ข้าบักเหลี่ยม กุมอำนาจกฎหมายในศูนย์รวมความบัดซบยังคงผยอง ย่อมรู้สึกยินดีปรีดาเมื่อเห็นผู้คนบาดเจ็บล้มตายด้วยอาวุธร้ายแรง หลังจากมาตรการทางกฎหมายและกฎเถื่อนเอาไม่อยู่
ภาวะฉุกเฉินประกาศไว้ก็ไร้อำนาจ เมื่อใช้อำนาจปราศจากเหตุผล การขอหมายจับกุมแกนนำการชุมนุมก็ถูกศาลปฏิเสธ เมื่อรัฐธรรมนูญคุ้มครองทำให้บักเหลี่ยมเลือกวิธีชั่วร้าย จ้างมือสังหารรับงานฆ่าคนอย่างอำมหิตเลือดเย็น
ยิ่งมีข้อสงสัยว่ามีกองกำลังต่างชาติรับงานชั่วจากเครือข่ายบักเหลี่ยมมาฆ่าคนไทยด้วยแล้ว ความสงสัยและคำถามต้องพุ่งไปยังผู้บัญชาการเหล่าทัพว่า พวกท่านต้องทำหน้าที่ปกป้องประชาชน จัดการนักฆ่าต่างแดนหรือไม่
การแสดงความเสียใจ แล้วหาเหตุเพื่อไม่ต้องแก้ปัญหา ทั้งๆ ที่มีอำนาจ ทำให้ขวัญและกำลังใจของคนดีต้องตกต่ำ ขณะที่นางบาปและคณะยังคงกุมอำนาจรัฐโดยไร้จิตสำนึกรู้สึกผิดชอบ หลบลี้หนีหน้าประชาชนคนตามขับไล่
เมื่อยอดคนตายและบาดเจ็บเพิ่มขึ้นเกือบทุกวัน และไม่มีวี่แววว่าการฆ่าจะหยุด การเมืองสามานย์ถึงทางตัน เมื่อนางบาปไม่ยอมหลุดจากอำนาจ เมื่อรู้ว่าเครือข่ายชั่วร้ายของบักเหลี่ยมต้องถูกกวาดล้างให้สิ้นแผ่นดินไทย
จากนี้ไปสถานการณ์ส่อเค้าว่าจะรุนแรงยิ่งกว่าเดิม แกนนำเสื้อแดงฮึกเหิมจากการคุ้มกันโดยรัฐตำรวจ กองกำลังเถื่อน จึงกล้าประกาศอย่างอหังการว่าจะระดมพลทำสงครามแตกหัก แยกตัวตั้งรัฐไทยใหม่ ประเทศล้านนาไทย
จังหวัดพะเยา กลุ่มเสื้อแดงตั้งกองกำลังเกือบ 1 หมื่นคน ติดอาวุธ ได้รับการหนุนโดยผู้ว่าฯ นายตำรวจ ข้าราชการ และกลุ่มขี้ข้าบักเหลี่ยมในพื้นที่! ทำกันอย่างเปิดเผย ท้าทายกฎหมาย แต่ไม่มีปฏิกิริยาจากแม่ทัพนายทหาร
การนิ่งเฉยซ้ำซากในลักษณะนี้ ประชาชนย่อมมีสิทธิตั้งคำถามได้ว่า “จะไม่ทำอะไร ปล่อยให้บ้านเมืองอยู่ในลักษณะนี้ต่อไปอีกหรือ” การใช้ความอดทน อดกลั้นจะนำไปสู่ความสงบได้อย่างไร เมื่อความขัดแย้งไปไกลกว่าการเจรจา
“...แล้วจะให้ทำอย่างไร?...” ถ้ามีคำถามเช่นนี้ ก็อยากบอกว่า คำตอบจะมีได้เมื่อท่านตัดสินใจลาออก เปิดทางให้ผู้กล้าสามารถเข้ามาแก้ปัญหา ตราบใดที่ยังยอมให้ฝ่ายยึดสันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ ต้องเผชิญหน้ากับรัฐเถื่อน ไม่เคารพกฎหมาย มีตำรวจและนักฆ่าเป็นแรงหนุนแล้ว ย่อมไร้ทางออก
คำถามสำคัญซึ่งยังไร้คำตอบคือ ทุกวันนี้ท่านทราบหรือไม่ว่า ฝ่ายไหนดี ฝ่ายไหนชั่วร้ายโกงบ้านกินเมือง ทำลายโครงสร้างเกษตรกรรมข้าว สร้างหนี้สินจนบ้านเมืองจะล่มจม หรือท่านต้องการให้ขัดแย้งจนเกิดสงครามกลางเมือง!!
“การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง”
“ถ้าประชาชนผู้ชุมนุมบาดเจ็บล้มตาย รัฐบาลต้องรับผิดชอบ”
จากวันนั้น ถึงวันนี้ ประชาชนคนดีล้มตายกว่า 10 ราย ล่าสุดมีเด็กเล็ก 3 คน เสียชีวิตเพราะเหยื่อการสังหารด้วยอาวุธสงครามและระเบิดมือ รายแรกเป็นผลจากการฆ่าในอำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด อยู่ใกล้ชายแดนกับกัมพูชา
เด็ก 2 รายล่าสุดเป็นพี่น้อง เสียชีวิตเพราะเป็นเหยื่อระเบิดหน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ หลังจากแพทย์ได้พยายามยื้อชีวิตไว้ แต่ก็เอาไม่อยู่ พ่อแม่ซึ่งมีลูกเพียง 2 คนเสียชีวิตทั้งคู่นั้น คงอยู่ในสภาวะหัวใจสลาย สิ้นหวังกำลังใจ
ถ้าอยู่ไปแบบไร้ความหวัง น่าคิดเหมือนกันว่า เมื่อไม่มีแก้วตาดวงใจ สายเลือดใช้ชีวิตร่วมกันต่อไปแล้ว จะอยู่อีกทำไม ขอแลกแบบตายเป็นตาย อย่างน้อยที่สุดถ้าสำเร็จก็ได้ล้างแค้นผู้สั่งการหรือคนรับผิดชอบต้องรับกรรม
ลูกชาย หญิงทั้งคู่ เคยวิ่งเล่น หัวเราะ ทะเลาะกันบ้างตามประสาพี่น้อง ต่อไปนี้ไม่มีให้เห็นหน้า บ้านที่เคยอบอุ่น ครอบครัวพร้อมพ่อ แม่ลูก จะเงียบเหงาไร้ชีวิตชีวา จะทำใจจนตลอดชีวิตหลังจากการพลัดพรากเช่นนั้นหรือ
ยอดผู้บาดเจ็บ พิการใกล้พันคน คำพูดประโยคทองกลายเป็นเพียงหุ้มตะกั่ว สภาพฉนวน ไม่รับรู้กระแสไฟ ถ้าเป็นคนก็เหมือนไร้หัวจิตหัวใจ แต่ก็นั่นแหละ จะเป็นเพราะเงื่อนไขพิเศษหรืออะไรก็สุดแล้วแต่ เมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากคำประกาศโอ่อ่า ก็ไม่ต่างจากผายลมจากก้นสุนัขยามบ่ายเท่านั้น
การใช้อาวุธสงครามปืนร้ายแรง ระเบิดสังหารเข่นฆ่าคนไม่เลือกหน้า ถือว่าเป็นการก่อการร้าย ตำรวจจับผู้ลงมือไม่ได้ ประชาชนสิ้นหวังในการทำหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ซึ่งยังมีบทบาทบางช่วงเป็นผู้พิทักษ์ทรราช
รับงาน “พิฆาตประชาชน” คนต่อต้านอำนาจรัฐกุมโดยกลุ่มโจร อาชญากรการเมือง สุมหัวโกงบ้านกินเมือง ทำลายโครงสร้างของบ้านเมืองในทุกภาคส่วน คนดีรวมตัวคัดค้าน ก็ใช้วิธีหน้าด้าน ทั้งอาวุธสงครามฆ่าคนกลางเมือง
“การเมืองไม่ได้แก้ด้วยการเมือง” แต่เป็นการใช้อาชญากรรม ฆาตกรรม นำการเมืองเพื่อยังคงอำนาจรัฐ และโอกาสล้างผลาญทรัพย์สินของแผ่นดิน เป็นการใช้อำนาจรัฐจากปากกระบอกปืน ระเบิด อาวุธอื่นๆ เพื่อกำจัดคู่แข่ง
กลุ่มข้าราชการ นักการเมือง ขี้ข้าบักเหลี่ยม กุมอำนาจกฎหมายในศูนย์รวมความบัดซบยังคงผยอง ย่อมรู้สึกยินดีปรีดาเมื่อเห็นผู้คนบาดเจ็บล้มตายด้วยอาวุธร้ายแรง หลังจากมาตรการทางกฎหมายและกฎเถื่อนเอาไม่อยู่
ภาวะฉุกเฉินประกาศไว้ก็ไร้อำนาจ เมื่อใช้อำนาจปราศจากเหตุผล การขอหมายจับกุมแกนนำการชุมนุมก็ถูกศาลปฏิเสธ เมื่อรัฐธรรมนูญคุ้มครองทำให้บักเหลี่ยมเลือกวิธีชั่วร้าย จ้างมือสังหารรับงานฆ่าคนอย่างอำมหิตเลือดเย็น
ยิ่งมีข้อสงสัยว่ามีกองกำลังต่างชาติรับงานชั่วจากเครือข่ายบักเหลี่ยมมาฆ่าคนไทยด้วยแล้ว ความสงสัยและคำถามต้องพุ่งไปยังผู้บัญชาการเหล่าทัพว่า พวกท่านต้องทำหน้าที่ปกป้องประชาชน จัดการนักฆ่าต่างแดนหรือไม่
การแสดงความเสียใจ แล้วหาเหตุเพื่อไม่ต้องแก้ปัญหา ทั้งๆ ที่มีอำนาจ ทำให้ขวัญและกำลังใจของคนดีต้องตกต่ำ ขณะที่นางบาปและคณะยังคงกุมอำนาจรัฐโดยไร้จิตสำนึกรู้สึกผิดชอบ หลบลี้หนีหน้าประชาชนคนตามขับไล่
เมื่อยอดคนตายและบาดเจ็บเพิ่มขึ้นเกือบทุกวัน และไม่มีวี่แววว่าการฆ่าจะหยุด การเมืองสามานย์ถึงทางตัน เมื่อนางบาปไม่ยอมหลุดจากอำนาจ เมื่อรู้ว่าเครือข่ายชั่วร้ายของบักเหลี่ยมต้องถูกกวาดล้างให้สิ้นแผ่นดินไทย
จากนี้ไปสถานการณ์ส่อเค้าว่าจะรุนแรงยิ่งกว่าเดิม แกนนำเสื้อแดงฮึกเหิมจากการคุ้มกันโดยรัฐตำรวจ กองกำลังเถื่อน จึงกล้าประกาศอย่างอหังการว่าจะระดมพลทำสงครามแตกหัก แยกตัวตั้งรัฐไทยใหม่ ประเทศล้านนาไทย
จังหวัดพะเยา กลุ่มเสื้อแดงตั้งกองกำลังเกือบ 1 หมื่นคน ติดอาวุธ ได้รับการหนุนโดยผู้ว่าฯ นายตำรวจ ข้าราชการ และกลุ่มขี้ข้าบักเหลี่ยมในพื้นที่! ทำกันอย่างเปิดเผย ท้าทายกฎหมาย แต่ไม่มีปฏิกิริยาจากแม่ทัพนายทหาร
การนิ่งเฉยซ้ำซากในลักษณะนี้ ประชาชนย่อมมีสิทธิตั้งคำถามได้ว่า “จะไม่ทำอะไร ปล่อยให้บ้านเมืองอยู่ในลักษณะนี้ต่อไปอีกหรือ” การใช้ความอดทน อดกลั้นจะนำไปสู่ความสงบได้อย่างไร เมื่อความขัดแย้งไปไกลกว่าการเจรจา
“...แล้วจะให้ทำอย่างไร?...” ถ้ามีคำถามเช่นนี้ ก็อยากบอกว่า คำตอบจะมีได้เมื่อท่านตัดสินใจลาออก เปิดทางให้ผู้กล้าสามารถเข้ามาแก้ปัญหา ตราบใดที่ยังยอมให้ฝ่ายยึดสันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ ต้องเผชิญหน้ากับรัฐเถื่อน ไม่เคารพกฎหมาย มีตำรวจและนักฆ่าเป็นแรงหนุนแล้ว ย่อมไร้ทางออก
คำถามสำคัญซึ่งยังไร้คำตอบคือ ทุกวันนี้ท่านทราบหรือไม่ว่า ฝ่ายไหนดี ฝ่ายไหนชั่วร้ายโกงบ้านกินเมือง ทำลายโครงสร้างเกษตรกรรมข้าว สร้างหนี้สินจนบ้านเมืองจะล่มจม หรือท่านต้องการให้ขัดแย้งจนเกิดสงครามกลางเมือง!!