วานนี้ (9 มี.ค.) นายระวี รุ่งเรือง ประธานเครือข่ายชาวนาไทย เปิดเผยว่า ทางแกนนำชาวนาพร้อมด้วยนักวิชาการประมาณ 30 คน ได้เดินทางไปยังเวทีกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) แจ้งวัฒนะ หารือกับ หลวงปู่พุทธะอิสระ ในการจัดทำแผนแม่บทชาวนาและเกษตรกรแห่งประเทศไทย โดยได้ข้อสรุปในเบื้องต้น 27 ข้อ เน้นการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรชาวนาสร้างสวัสดิการ ทำให้ชาวนาและเกษตรกรไทยสามารถมีรายได้เลี้ยงตัวเอง
อย่างไรก็ตาม การหารือในครั้งนื้ ถือว่าเป็นการวางแนวทางในเบื้องต้น โดยจะต้องมีการหารือเพื่อให้ตกผลึกเป็นแผนแม่บทที่สมบูรณ์ต่อไปในอนาคต โดยในวันนี้ (10มี.ค.) กลุ่มผู้ชุมนุมเกษตรกรชาวนาจากกระทรวงพาณิชย์ จะยังมีการชุมนุมอยู่ในที่ตั้ง โดยยังไม่มีกำหนดการเคลื่อนไหวไปนอกสถานที่
ขณะที่ นายณัฐวัฒน์ ชั้นอินทร์งาม ที่ปรึกษาเครือข่ายชาวนาไทย กล่าวว่า ชาวนาไม่ตื่นเต้นกับคำให้สัมภาษณ์ของนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ที่ออกมาระบุว่า ในวันนี้ (10 มี.ค.) จะสามารถเบิกงบกลาง 2 หมื่นล้านบาท ทยอยจ่ายให้กับชาวนาได้ เพราะตนได้สอบถามไปยังผู้บริหารธ.ก.ส.ได้ข้อสรุปว่า กว่าที่งบกลาง 2 หมื่นล้านจะถึงธ.ก.ส. และจ่ายให้ชาวนาได้นั้น จะต้องใช้เวลารวมประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งชาวนารอไม่ได้ ดังนั้นในวันพุธที่ 12 มี.ค.นี้ เครือข่ายชาวนาจะมีการเคลื่อนขบวนไปกดดันรัฐบาล ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่ขอเปิดเผยสถานที่เป้าหมาย
ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า ขอแนะไปยังรัฐบาลว่าต้องพิจารณา และคิดเองว่า สมควรเซ็นอนุมัติขายข้าวแบบจีทูจี ให้กับประเทศจีน จำนวน 1 ล้านตัน ที่จะมีขึ้นในวันที่ 19 มี.ค.นี้ หรือไม่ เนื่องจากเป็นรัฐบาลรักษาการ ส่วนจะมีความผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่นั้น กกต.ไม่มีอำนาจวินิจฉัย แต่อยากเตือนให้รัฐบาลต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะการทำสัญญาต่างๆ หรือทำกิจกรรมใดๆ ที่มีผลผูกพันไปยังรัฐบาลชุดหน้า
**ชี้รัฐเร่งระบายข้าวทำราคาหล่นวูบ
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ระบุถึงการเร่งระบายข้าวในสต็อกของรัฐบาลอย่างต่อเนื่องตลอด 2 เดือนที่ผ่านมาว่า การระบายข้าวปริมาณมากถึงเดือนละ 1ล้านตัน ตามเป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์ จะส่งผลกระทบทำให้ราคาข้าวในประเทศและในตลาดโลกปรับตัวลดลง โดยขณะนี้ ข้าว 5 เปอร์เซ็นต์อยู่ที่ตันละ 415 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากสัปดาห์ก่อนที่ 425 ดอลลาร์สหรัฐ และต่างชาติชะลอการซื้อเพราะเชื่อว่าราคาข้าวจะลดลงอีก ซึ่งเห็นว่าการระบายข้าวที่เหมาะสมควรจะอยู่ที่เดือนละ 500,000 ตัน
ขณะที่เอกชนบางรายเห็นว่ารัฐบาลควรใช้วิธีอื่นควบคู่กันไปด้วย เช่น ใช้เงินกู้มาช่วยชาวนา พร้อมทั้งเสนอให้รัฐบาลนำข้าวในสต็อกมาจำนำกับผู้ส่งออก เพื่อนำเงินไปจ่ายชาวนาให้ชาวนาก่อน และเป็นการชะลอการระบายข้าวให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม การหารือในครั้งนื้ ถือว่าเป็นการวางแนวทางในเบื้องต้น โดยจะต้องมีการหารือเพื่อให้ตกผลึกเป็นแผนแม่บทที่สมบูรณ์ต่อไปในอนาคต โดยในวันนี้ (10มี.ค.) กลุ่มผู้ชุมนุมเกษตรกรชาวนาจากกระทรวงพาณิชย์ จะยังมีการชุมนุมอยู่ในที่ตั้ง โดยยังไม่มีกำหนดการเคลื่อนไหวไปนอกสถานที่
ขณะที่ นายณัฐวัฒน์ ชั้นอินทร์งาม ที่ปรึกษาเครือข่ายชาวนาไทย กล่าวว่า ชาวนาไม่ตื่นเต้นกับคำให้สัมภาษณ์ของนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ที่ออกมาระบุว่า ในวันนี้ (10 มี.ค.) จะสามารถเบิกงบกลาง 2 หมื่นล้านบาท ทยอยจ่ายให้กับชาวนาได้ เพราะตนได้สอบถามไปยังผู้บริหารธ.ก.ส.ได้ข้อสรุปว่า กว่าที่งบกลาง 2 หมื่นล้านจะถึงธ.ก.ส. และจ่ายให้ชาวนาได้นั้น จะต้องใช้เวลารวมประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งชาวนารอไม่ได้ ดังนั้นในวันพุธที่ 12 มี.ค.นี้ เครือข่ายชาวนาจะมีการเคลื่อนขบวนไปกดดันรัฐบาล ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่ขอเปิดเผยสถานที่เป้าหมาย
ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า ขอแนะไปยังรัฐบาลว่าต้องพิจารณา และคิดเองว่า สมควรเซ็นอนุมัติขายข้าวแบบจีทูจี ให้กับประเทศจีน จำนวน 1 ล้านตัน ที่จะมีขึ้นในวันที่ 19 มี.ค.นี้ หรือไม่ เนื่องจากเป็นรัฐบาลรักษาการ ส่วนจะมีความผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่นั้น กกต.ไม่มีอำนาจวินิจฉัย แต่อยากเตือนให้รัฐบาลต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะการทำสัญญาต่างๆ หรือทำกิจกรรมใดๆ ที่มีผลผูกพันไปยังรัฐบาลชุดหน้า
**ชี้รัฐเร่งระบายข้าวทำราคาหล่นวูบ
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ระบุถึงการเร่งระบายข้าวในสต็อกของรัฐบาลอย่างต่อเนื่องตลอด 2 เดือนที่ผ่านมาว่า การระบายข้าวปริมาณมากถึงเดือนละ 1ล้านตัน ตามเป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์ จะส่งผลกระทบทำให้ราคาข้าวในประเทศและในตลาดโลกปรับตัวลดลง โดยขณะนี้ ข้าว 5 เปอร์เซ็นต์อยู่ที่ตันละ 415 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากสัปดาห์ก่อนที่ 425 ดอลลาร์สหรัฐ และต่างชาติชะลอการซื้อเพราะเชื่อว่าราคาข้าวจะลดลงอีก ซึ่งเห็นว่าการระบายข้าวที่เหมาะสมควรจะอยู่ที่เดือนละ 500,000 ตัน
ขณะที่เอกชนบางรายเห็นว่ารัฐบาลควรใช้วิธีอื่นควบคู่กันไปด้วย เช่น ใช้เงินกู้มาช่วยชาวนา พร้อมทั้งเสนอให้รัฐบาลนำข้าวในสต็อกมาจำนำกับผู้ส่งออก เพื่อนำเงินไปจ่ายชาวนาให้ชาวนาก่อน และเป็นการชะลอการระบายข้าวให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
